จีนยุคสีจิ้นผิงสั่ง 'กักบริเวณ' เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดเป็นหลายแสนกรณี

องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนที่ให้ความช่วยเหลือด้านกฎหมาย "เซฟการ์ดดีเฟนเดอร์" เปิดเผยรายงานระบุว่าจีนภายใต้รัฐบาลสีจิ้นผิงสั่งโทษด้วยวิธี 'กักบริเวณ' เกิดขึ้นหลายแสนราย และอาจจะเพิ่มขึ้นถึงหลักล้านในเร็วๆ นี้ จากการที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนอ้างใช้กฎหมายในการกำจัดผู้ที่วิจารณ์พรรค อีกทั้งวิธีการใช้กฎหมายของพวกเขายังเป็นการอ้างใช้แบบลุแก่อำนาจ ไร้ความชอบธรรม ที่เน้นตั้งเป้าหมายต่อผู้พิทักษ์สิทธิมนุษยชน

ในรายงานที่ชื่อ "บ้านในฐานะคุก" (Home As Prison) ขององค์กรสิทธิมนุษยชน "เซฟการ์ดดีเฟนเดอร์" ระบุว่าภายใต้รัฐบาลของประธานาธิบดีสีจิ้นผิง มีการลงโทษผู้คนด้วยการกักบริเวณหรือการคุมขังภายในบ้านพัก เพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยมีผู้ถูกกักบริเวณมีอยู่หลายแสนราย อีกทั้งในช่วงระหว่างปี 2557-2561 มีการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาเพื่อเปิดช่องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกระทำการโดยลุแก่อำนาจได้มากขึ้น

รายงานฉบับนี้ใช้ข้อมูลจากรัฐบาลจีน ซึ่งนับเป็นรายงานฉบับแรกที่มีการวิเคราะห์เกี่ยวกับการลงโทษกักบริเวณซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลจีนกระทำมานานแล้ว โดยมีทั้งการลงโทษแบบที่ชอบธรรมทางกฎหมาย และกรณีที่กระทำโดยพลการอย่างไร้ความชอบธรรมทางกฎหมาย ซึ่งอย่างหลักนี้มักจะมีการนำมาใช้เล่นงานผู้พิทักษ์สิทธิมนุษยชน

เซฟการ์ดดีเฟนเดอร์ระบุว่าจากฐานข้อมูลของศาลสูงสุดของจีนมีการสั่งกักบริเวณภายในบ้าน 270,000 ราย แต่ตัวเลขนี้เป็นตัวเลขที่มีการนำมาใช้อย่างมีความชอบธรรมทางกฎหมายเท่านั้น มีการประเมินว่าภายใต้การปกครองของประธานาธิบดีสีจิ้นผิง มีประชาชนถูกสั่งกักบริเวณ อย่างน้อย 560,000-860,000 กรณี

นอกจากนี้ยังพบว่านับตั้งแต่ที่สีจิ้นผิงเข้าดำรงตำแหน่งในปี 2555 ก็มีการแก้ไขกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาแล้วนำมาบังคับใช้ในปี 2556 นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ก็มีการใช้วิธีกักบริเวณเพิ่มขึ้นอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีการประเมินพบว่าในช่วงระหว่างก่อนหน้าที่จะเกิดการระบาดของ COVID-19  คือปี 2562 กับช่วงหลังเกิดการระบาดของ COVID-19 ในปี 2563 มีการใช้วิธีกักบริเวณเพิ่มขึ้นร้อยละ 13 จาก 35,509 กรณีในปี 2562 เป็น 40,184 กรณีในปี 2563

การประชุมคองเกรสพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 18 เมื่อเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2012 (ที่มา: แฟ้มภาพ/VOA)

ในจีนมีการเรียกวิธีการลงโทษด้วยการกักบริเวณภายในบ้านว่า "การควบคุมตัวเพื่อจับตามองภายในที่พักอาศัย" (Residential Surveillance หรือ RS) ซึ่งตามกฎหมายจีนระบุว่าเป็นวิธีการที่นำมาใช้ควบคุมตัวผู้คนที่ 1.) อยู่ระหว่างกระบวนการไต่สวนคดี 2.) กำลังรอการพิจารณาคดีความทางอาญา หรือ 3.) ถูกระบุว่าเป็นผู้ที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติภายใต้กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาของจีน ซึ่งในยุคของสีจิ้นผิงมีการใช้วิธีการนี้เล่นงานนักกิจกรรม เช่น Shi Minglei ที่ถูกคุมขังในบ้านเป็นเวลา 180 วัน โดยทางการอ้างว่ากำลังอยู่ในระหว่างรอการพิจารณาคดี

รายงานระบุว่าในขณะที่จีนใช้ RS โดยเน้นเรื่องรอการพิจารณาคดีอยู่จริงอย่างเป็นไปตามกฎหมาย แต่ก็มีกรณีจำนวนมากที่ตำรวจจีนนำการอ้างใช้โดยพลการอย่างไม่เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย ไม่มีหลักการทางกฎหมายใดๆ รองรับ ซึ่งมักจะนำมาใช้กับผู้พิทักษ์สิทธิมนุษยชน

"พวกเขา (เจ้าหน้าที่ทางการจีน) ใช้อำนาจการสืบสวนโดยมิชอบด้วยการประกาศมาตรการบังคับคุมขังภายในบ้านต่อดิฉัน และทำการยึดเอกสารส่วนตัว, บัตรธนาคาร, โทรศัพท์มือถือ และคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นการจำกัดและลิดรอนเสรีภาพส่วนบุคคลของดิฉัน" Shi MingLei กล่าว

เซฟการ์ดดีเฟนเดอร์ระบุอีกว่า การที่จีนภายใต้สีจิ้นผิงเพิ่มอำนาจให้ตำรวจผ่านทางการแก้กฎหมายจนทำให้เกิดการลุแก่อำนาจเช่นนี้ นับเป็นการละเมิดทั้งกฎหมายนานาชาติและละเมิดรัฐธรรมนูญของจีนเอง

รายงานระบุว่าถึงแม้ว่าในกฎหมายจะกำหนดเวลาที่จะกักบริเวณไว้ได้นานที่สุดไม่เกิน 6 เดือน แต่บางครั้งตำรวจ อัยการ หรือศาลจีน ก็ใช้อำนาจในการสั่งคุมขังผู้คนต่อไปถึงแม้ว่าเลยกำหนดเวลามาแล้ว มันกลายเป็นเครื่องมือที่ใช้ควบคุมผู้คนในตอนที่ไม่มีการอนุญาตคุมขังในเรือนจำหรือการอนุญาตให้จับกุม อีกทั้งวิธีการนี้ยังเสี่ยงต่อการลุแก่อำนาจเพราะไม่จำเป็นต้องผ่านการพิจารณาทางตุลาการ ทำให้ตำรวจจีนยังกักบริเวณผู้คนในบ้านได้ถึงแม้ว่าอัยการจะปฏิเสธการออกหมายจับก็ตาม

นอกจากกรณีคุมขังในบ้านหรือ RS แล้วในจีนยังมีกรณีที่เลวร้ายกว่านั้นคือระบบ "การควบคุมตัวเพื่อจับตามองในที่พักอาศัยในตำแหน่งที่กำหนดไว้" หรือ RSDL ซึ่งมักจะเป็นการคุมขังในสถานที่ๆ ไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ การคุมขังในแบบนี้มักจะทำให้ผู้ถูกลงโทษขาดการติดต่อกับภายนอกและเสมือนกับว่าหายไปจากโลก

เซฟการ์ดดีเฟนเดอร์ระบุว่าจากที่รัฐบาลสีจิ้นผิงมีการใช้วิธีกักบริเวณเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดมากและถ้าหากสีจิ้นผิงยังคงอยู่ในอำนาจต่อไปก็มีความเป็นไปได้ที่จำนวนกรณีการคุมขังในบ้านโดยรวมแล้วจะสูงทะลุ 1 ล้านราย

Li Wenzu เป็นหนึ่งในผู้ที่เคยถูกทางการจีนสั่งกักบริเวณ จากการที่เธอดำเนินกิจกรรมเรียกร้องให้ปล่อยตัวสามีของเธอที่เป็นทนายความด้านสิทธิมนุษยชนผู้ถูกสั่งคุมขังในช่วงที่จีนกวาดล้างปราบปรามทนายความด้านสิทธิพลเมืองในเหตุการณ์ที่เรียกว่า "การปราบปราม 709"

Li มักจะถูกข่มขู่คุกคามจากการที่เธอเรียกร้องให้ปล่อยตัวสามี เธอและลูกชายที่อายุยังน้อยถูกสั่งคุมขังภายในบ้านทั้งคู่ และเธอก็บอกว่ามันได้ส่งผลเลวร้ายต่อจิตใจของลูกชายเธอที่ยังเด็ก มีกลุ่มคนคอยจับตามองพวกเขาอยู่บริเวณรอบบ้านอยู่ตลอดเวลา ลูกชายของเธอถูกบีบให้ต้องอยู่ในบ้านนานจนอึดอัด หายใจไม่ออก และล้มป่วย พวกเขาไม่ได้รับแสงแดดมากพอ และเมื่อพวกเขาจำเป็นต้องออกจากบ้านก็จะมีกลุ่มคนคอยตามอยู่ตลอดเวลา

Li เล่าอีกว่ามีเจ้าหน้าที่ขู่ตะโกนจะฆ่าเธอเวลาที่เธอจะไปเจอคนที่หน้าบ้าน แม้ว่าเขาจะเป็นแค่คุณป้าที่อยากจะมาพาลูกของเธอไปเดินเล่น

ผู้มาเยือนบ้านยังถูกยังถูกกลุ่มคนที่เรียกว่า "อันธพาล" ที่ตำรวจไปรวบรวมคน 100-200 คนให้มาล้อมหน้าบ้าน ครั้งหนึ่งมีเพื่อนเธอที่มาเยี่ยมเยือนกลับถูกคนเหล่านี้ยึดโทรศัพท์ มีนักข่าวญี่ปุ่นรายหนึ่งถูกลากลงจากรถแล้วก็ถูกทุบตีทำร้ายในตอนที่เขาพยายามจะมาทำข่าว Li บอกว่า "การคุมขังผู้คนในบ้านเช่นนี้ส่งผลเลวร้ายทางจิตใจและสร้างความเสียหายให้ผู้คน"

Wang Yu ทนายความด้านสิทธิมนุษยชนหนึ่งในผู้ที่ถูกจับตอนเหตุการณ์ปราบปราม 709 บอกว่าหมอได้วินิจฉัยลูกของเธอที่ถูกคุมขังในบ้านซึ่งผลตรวจออกมาว่าลูกชายของเธอ "ได้รับความเสียหายจากร่างกายและจิตใจอย่างมาก" ลูกชายของ Wang Yu ถูกคุมขังในบ้านนานเป็นเวลา 13 เดือนในช่วงที่เธออยู่ในคุก เวลาที่ลูกชายเธอไปโรงเรียนตำรวจก็จะเป็นคนไปส่งแล้วก็มีการติดกล้องวงจรปิดไปในห้องเรียน ตอนลูกชายเธออยู่ที่บ้านก็อนุญาตให้เขาอาศัยอยู่ในห้องๆ เดียวเท่านั้น ซึ่งห้องฝั่งตรงกันข้ามกับห้องของเขาจะมีตำรวจ 20 นายคอยเฝ้าติดตามการเคลื่อนไหวทุกย่างก้าวของลูกเธอ ถึงขั้นมีคนเดินตามออกไปด้วยตอนที่ออกไปทิ้งขยะนอกบ้าน

"มนุษย์เรานั้นมีความใฝ่หาเสรีภาพ แต่การคุมขังภายในบ้านรูปแบบนี้หรือที่เรียกว่าการควบคุมตัวเพื่อจับตามองในที่พักอาศัยเป็นการละเมิดเสรีภาพของมนุุษย์โดยตรง ดังนั้นมันจึงเป็นการทำให้ระบอบเผด็จการและอำนาจนิยมในประเทศนี้ฝักรากลึกมากขึ้น" Wang กล่าว

เรียบเรียงจาก

Imprisonment of Chinese citizens rampant under President Xi Jinping, report finds, Yahoo News, 08-09-2022

Home Becomes Prison – China’s expanding use of house arrests under Xi Jinping, Safeguard Defenders, 06-09-2022

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท