Skip to main content
sharethis
  • 'แพทองธาร' ชี้ APEC เมื่อ 19 ปีที่แล้ว รัฐบาลไทยรักไทย ใช้เป็นเวทีสำคัญในการส่งเสริมเศรษฐกิจประเทศไทยที่กำลังฟื้นฟูหลังวิกฤตต้มยำกุ้งและโรคระบาดซาร์ส จึงคาดหวังรัฐบาลพลเอกประยุทธ์
  • 'พรรณิการ์' มองไทยสูญโอกาสใช้เอเปคเป็นเครื่องกอบกู้ภาพลักษณ์ประเทศ ทั้งที่เป็นโอกาสทอง ชี้แม้พยายามแทงข้างรัสเซียสุดตัวแต่สุดท้ายก็ไร้เงาปูตินร่วมวงประชุม ย้ำการเมืองภายในที่ไม่เป็นประชาธิปไตยและเต็มไปด้วยการละเมิดสิทธิมนุษยชนส่งผลประชาคมโลกไม่เชื่อถือ

แพทองธาร ชินวัตร

16 พ.ย.2565 ทีมสื่อพรรคเพื่อไทย รายงานต่อสื่อมวลชนว่า แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมพรรคเพื่อไทย ในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊ก เรื่องความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก หรือ APEC ว่า เมื่อ 19 ปีที่แล้ว รัฐบาลไทยรักไทย ใช้ APEC เป็นเวทีสำคัญในการส่งเสริมเศรษฐกิจประเทศไทยที่กำลังฟื้นฟูหลังวิกฤตต้มยำกุ้งและโรคระบาดซาร์ส

เวที APEC ครั้งนั้น คือโอกาสสำคัญที่จะใช้การทูตเชิงเศรษฐกิจ เพื่อสร้างผลประโยชน์แก่ประชาชนให้ได้มากที่สุด รัฐบาลตอนนั้นมีความตั้งใจจะสร้างความร่วมมือระหว่างกลุ่มประเทศสมาชิก APEC หรือ 21 เขตเศรษฐกิจที่มีความแตกต่างและความหลากหลายสูง เพราะถ้าประเทศไทยเราทำข้อตกลงต่างๆ ได้สำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นข้อตกลงทางเศรษฐกิจและการเมืองระหว่างประเทศ ก็จะเกิดการจ้างงาน สร้างโอกาส สร้างรายได้ เกษตรกรมีรายได้ ผู้ส่งออกได้ส่งออกสินค้า มีเงินตราไหลเข้าประเทศ และพลิกฟื้นเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว ดังนั้น เราในฐานะที่เป็นประชาชนคนไทยคนหนึ่ง จึงคาดหวังค่ะว่าจะได้รับผลประโยชน์อะไรจากการประชุม APEC ครั้งนี้ เหมือนครั้งเมื่อ 19 ปีที่แล้วที่รัฐบาลยึดถือและมีหัวใจคือประชาชนเป็นสำคัญ 

หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ระบุว่า ตนเชื่อว่าประเทศไทยมีศักยภาพและมีเสน่ห์มากพอที่จะดึงดูดให้ใครหลายๆ คน หลายๆ ประเทศ ให้ความสนใจในระดับเวทีโลก 19 ปีที่แล้ว เรายังทำได้ เป็นทั้งหนึ่งในผู้นำสำคัญของอาเซียนและยังถูกพูดถึงว่าเป็นเสือตัวที่ 5 ของเอเชีย ในปีนี้ ก็ต้องทำได้เช่นกัน  สิ่งสำคัญของการประชุม #APEC2022 ที่เราคาดหวัง จึงไม่ใช่แค่การแสดงศักยภาพว่าประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพเชิญใครมาบ้าง จัดงานยิ่งใหญ่ตระการตาแค่ไหนอย่างไร แต่เป็นการทำข้อตกลงทางเศรษฐกิจหรือการเมืองระหว่างประเทศที่ประชาชนคนไทยทุกคนจะได้รับผลประโยชน์จากสิ่งนั้น

"ในยามประเทศเกิดวิกฤตทั้งเศรษฐกิจและโรคระบาด ทุกงบประมาณ ทุกภาษีที่ประชาชนจ่าย ทุกสรรพกำลังของข้าราชการ เจ้าหน้าที่ รวมถึงผู้คนอีกจำนวนมากมหาศาลอยู่เบื้องหลังงานครั้งนี้ เราควรทำให้ #APEC2022 เกิดผลประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ นั่นคือสิ่งที่เราในฐานะประชาชนคนไทยคนหนึ่งผู้เสียภาษีคาดหวังกับ #APEC2022 ภายใต้รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา" แพทองธาร โพสต์ทิ้งท้าย

'พรรณิการ์' ร่วมวงวิเคราะห์ไทยกับเอเปค ชี้เป็นโอกาสทองไทยสร้างเครดิตในเวทีโลกหากผู้นำมีวิสัยทัศน์

ขณะที่วานนี้ (15 พ.ย.) ทีมสื่อคณะก้าวหน้ารายงานต่อสื่อมวลชนว่าา พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า ร่วมวงเสวนา “เวที APEC และการต่างประเทศไทย : ไทยจะไปทางไหนท่ามกลางความขัดแย้ง?” ซึ่งจัดขึ้นที่อาคารกิจกรรมนิสิตคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อวิเคราะห์ถึงบทบาทของประเทศไทยในเวทีโลก ต่อการได้เป็นเจ้าภาพจัดประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (APEC)

พรรณิการ์ วานิช (แฟ้มภาพ)

พรรณิการ์ ระบุว่าเอเปคไม่ใช่แค่การประชุมเรื่องเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว เพราะทุกเวทีการประชุมสูงสุดล้วนแต่เป็นสถานที่แสดงอำนาจและบทบาทของประเทศต่างๆ ในการเมืองระหว่างประเทศทั้งนั้น ซึ่งไทยก็จะต้องร่วมเล่นการเมืองนี้อย่างฉลาด และควรใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์สูงสุดในการกอบกู้ทศวรรษแห่งความสูญเปล่าในการต่างประเทศของไทย ที่ที่ผ่านมามีบทบาทเพียงแค่การไล่อธิบายกับนานาชาติว่าเหตุใดจึงต้องรัฐประหาร การตอบคำถามว่าเมื่อไหร่จะมีเลือกตั้ง และการแก้ตัวให้การละเมิดสิทธิมนุษยชนเท่านั้น

แต่ประเทศไทยกลับใช้โอกาสนี้เล่นการเมืองอย่างไม่ฉลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อการแสดงออกในกรณีรัสเซีย-ยูเครน ในทางที่เข้าข้างรัสเซียมากกว่าประเทศมหาอำนาจตะวันตกหรือการแสดงออกอย่างสมดุลมาโดยตลอด ถึงขั้นมีการส่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไปเยือนรัสเซียเมื่อเดินกันยายน ซึ่งวันนี้ชัดเจนแล้วว่าทางสหรัฐอเมริกา ไบเดนไม่ยอมมาร่วมด้วยตัวเอง ขณะที่ทางฝั่งรัสเซีย ปูตินก็ไม่ได้มาด้วยตัวเองเช่นกัน ทำให้เห็นว่านโยบายเลือกข้างเช่นนี้ ไม่ได้ทำให้ประเทศไทยได้รับการยอมรับจากมหาอำนาจ

พรรณิการ์ยังระบุต่อไป ว่าการมาหรือไม่มาของผู้นำระดับสูงสุดเป็นตัวบ่งชี้ถึงความน่าเชื่อถือของผู้เชิญ ว่าสามารถสร้างภาพลักษณ์ในเวทีระดับโลก มีบทบาทในการเจรจา สร้างเวทีความร่วมมือได้หรือไม่ ซึ่งนี่คือสิ่งที่หายไปจากประเทศไทย จะเห็นได้ว่าผู้นำสูงสุดหลายคนล้วนเข้าร่วมการประชุม G20 ที่บาหลี อินโดนีเซีย เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่กลับตอบรับมาร่วมประชุมเอเปคกันน้อยมาก ทำให้การเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปคของไทยล้มเหลวในการเป็นเครื่องมือกอบกู้ภาพลักษณ์ กลายเป็นเพียงการประชุมตามวาระปกติ และกรอบความร่วมมือที่มีอยู่แล้ว เช่น เรื่องการค้าเสรีเอเชียแปซิฟิค เท่านั้น

พรรณิการ์ยังกล่าวต่อไป ว่าการแก้ปัญหาการเมืองจากภายในเท่านั้น ที่จะช่วยคลี่คลายภาพลักษณ์ในการต่างประเทศของไทยได้ เพราะความน่าเชื่อถือของประเทศไทยในวันนี้อยู่ในจุดที่ตกต่ำอย่างมาก แม้จะพยายามขายภาพลักษณ์ที่ดี แต่ความเป็นจริงคือประเทศไทยทำตรงข้ามในทุกๆ เรื่องที่เป็นมาตรฐานสากล รวมถึงในเรื่องที่เวทีโลกจับตามองอยู่ ทั้งในเรื่องของประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน และการเลือกข้างอย่างไม่สมดุลในเวทีระหว่างประเทศ

“ในเวทีรอบนี้มีการพูดเรื่องของการเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นคอนเซปต์ที่ดี แต่รัฐบาลซึ่งอ้างคำนี้ก็คือรัฐบาลเดียวกันกับที่คว่ำกฎหมายสุราก้าวหน้า ส่งเสริมให้เกิดการผูกขาดทางเศรษฐกิจต่อไป อ้างว่าจะสนับสนุนเกษตรกรแต่ยังมีเกษตรกรถูกรัฐจับกุมเพราะรุกป่าตลอดเวลา ทั้งที่รัฐไปประกาศที่อุทยานทับที่ชาวบ้าน อ้างว่ายึดมั่นในหลักสิทธิมนุษยชนสากลแต่ก็ยังจับคนเข้าคุกในคดี 112 ตลอดเวลา และที่น่าประหลาดใจที่สุด คือการกล้าเอาปลากุเลาตากใบขึ้นโต๊ะกาล่าดินเนอร์ ขณะที่ที่ชาวตากใบเกือบร้อยคนที่เสียชีวิตจากการกระทำเกินกว่าเหตุของทหารในปี 2547 ยังไม่เคยได้รับความยุติธรรม และคนจังหวัดชายแดนใต้ยังคงถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรงมาจนถึงวันนี้” พรรณิการ์กล่าว

พรรณิการ์ระบุด้วย ว่าการได้เป็นเจ้าภาพเอเปคของไทยปีนี้ ควรเป็นปีที่พิเศษมาก หลังจากที่เวทีเอเปคไม่ได้มีการประชุมแบบเจอตัวกันมานานหลายปี บวกกับมีทั้งสถานการณ์โลก เช่น ความผันผวนของสภาพภูมิอากาศ วิกฤติพลังงาน การฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด ฯลฯ ทำให้มีโอกาสสูงที่การประชุมครั้งนี้จะสามารถถูกทำให้เป็นการประชุมที่มีความหมาย มากกว่าการประชุมตามวาระทั่วไป แต่น่าเสียดายที่เมื่อผู้นำของประเทศขาดความน่าเชื่อถือ จึงทำให้ไม่สามารถแสดงบทบาทนำในลักษณะนี้ได้

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net