Skip to main content
sharethis

จุฑาพร จากเพื่อไทย ห่วงเงินเฟ้อทำ ปชช.เดือดร้อน ค่าไฟแพงซ้ำเติมปัญหาสินค้าราคาแพง แข่งส่งออกกับประเทศที่ค่าไฟต่ำกว่าลำบาก โดยเฉพาะเวียดนาม ภาคการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบ โวเลือกเพื่อไทยแก้ปัญหาได้

 

12 ม.ค. 2566 ทีมสื่อเพื่อไทย รายงานต่อสื่อวันนี้ (12 ม.ค.) จุฑาพร เกตุราทร โฆษกคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย และเป็นว่าที่ผู้สมัครสมาชิกผู้แทนราษฎร กทม. เขตบางรัก สาทร ปทุมวัน กล่าวว่าเวิล์ดแบงก์ลดการคาดการณ์เศรษฐกิจโลกปีนี้เหลือเพียง 1.7% จากเดิม 3.0% และเตือนว่าเศรษฐกิจโลกอยู่บนความเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอย โดยก่อนหน้านี้องค์การการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ลดการคาดการณ์เศรษฐกิจโลกลงเหลือ 2.7% จาก 2.9% ซึ่งเป็นไปตามที่คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยได้คาดการณ์ไว้แล้ว โดยหวังว่าเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าสำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศไทยจะไม่ย่ำแย่ และจะไม่เข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างรุนแรง โดยไอเอ็มเอฟยังลดการคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 2566 ลงเหลือเพียง 3.7% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ 4% ในขณะที่ธนาคารโลกลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยเหลือ 3.6% จากที่คาดการณ์ไว้ 4.3% ซึ่งปรับลดค่อนข้างมาก ซึ่งหากยังบริหารแบบเดิมๆ แนวโน้มเศรษฐกิจไทยก็จะถูกปรับลดการเติบโตลงเรื่อยๆ เหมือนตลอด 8 ปีที่ผ่านมาที่ประเทศไทยขยายตัวต่ำกว่าศักยภาพมาโดยตลอดจากที่ ไอเอ็มเอฟ และเวิล์ดแบงก์ วิเคราะห์ไว้เอง ซึ่งปีนี้การส่งออกของไทยจะขยายตัวได้น้อยมาก และอาจจะถึงกับติดลบได้เลย จากที่การส่งออกได้ติดลบในเดือนตุลาคม และพฤศจิกายนของปีที่แล้ว

จุฑาพร เกตุราทร

นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อในเดือนธันวาคมอยู่ที่ 5.89% ทำให้เงินเฟ้อทั้งปีของปี 2565 อยู่ที่ 6.08% เป็นอัตราเงินเฟ้อที่สูงที่สุดในรอบ 24 ปี แสดงถึงราคาข้าวของที่แพงขึ้นอย่างมาก ประชาชนน่าจะต้องเดือดร้อนกันมาก เพราะรายได้ไม่พอกับค่าใช้จ่าย อีกทั้งรัฐบาลได้ขึ้นค่าไฟฟ้าตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.นี้ จะยิ่งทำให้เงินเฟ้อมากยิ่งขึ้น แต่คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน (กกร.) และเพื่อไทยทักท้วง ทำให้รัฐบาลไม่ขึ้นค่าไฟฟ้าไปถึงหน่วยละ 5.72 บาท แต่การขึ้นมาที่ หน่วยละ 5.33 บาทถือว่าหนัก เสนอแนะว่ารัฐบาลควรจะต้องหาทางลดค่าไฟฟ้าลงโดยแก้ไขที่สาเหตุ ไม่ใช่แค่ซื้อเวลาเพื่อรอเวลาที่จะขึ้นราคาอีก โดยคาดการณ์กันว่าเงินเฟ้อในปี 2566 จะอยู่ที่ประมาณ 3.1% ซึ่งก็ยังสูงมากพอควร

ทั้งนี้ ปัญหาราคาค่าไฟฟ้าที่แพงเริ่มส่งผลกระทบกับภาคธุรกิจแล้ว และจะยิ่งส่งผลกระทบอย่างมากในปลายเดือนนี้ (ม.ค.) เมื่อต้องจ่ายบิลค่าไฟฟ้าในอัตราใหม่ซึ่งจะสูงมาก ภาคธุรกิจคงจะต้องปรับราคาสินค้าและบริการกันเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะเป็นการเพิ่มภาระให้กับประชาชนที่ต้องจับจ่ายใช้สอยกันในราคาที่แพงขึ้น ซ้ำเติมกับเงินเฟ้อเดิมที่แพงอยู่แล้ว โดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ออกมาเรียกร้องอีกครั้ง เพราะหลายอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะภาคส่งออกที่ต้องแข่งขันกับสินค้าจากประเทศอื่นที่ต้นทุนไฟฟ้าที่ถูกกว่าไทยมากโดยเฉพาะจากประเทศเวียดนาม นอกจากนี้ แม้กระทั่งโรงพยาบาล โรงแรม ธุรกิจท่องเที่ยว สถานบันเทิง ร้านสรรพสินค้า โรงงานอุตสาหกรรม ฯลฯ ที่ต้องใช้ไฟฟ้าเป็นปริมาณที่มากต่างบ่นกันอย่างมากว่าจะอยู่กันไม่ไหวหากค่าไฟฟ้ายังสูงขนาดนี้ และอาจจะสูงขึ้นอีก

ส.ส.จากเพื่อไทย ระบุต่อว่า รัฐบาลที่เข้าใจความเดือดร้อนของประชาชนจะต้องเร่งแก้ไข และบรรเทาทุกข์ของประชาชนอย่างเร่งด่วน มิใช่เพิ่มภาระให้ประชาชนไปเรื่อยๆ เพื่อเอาใจคนบางกลุ่มเท่านั้น คณะทำงานเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย ขอยืนยันว่านโยบายที่หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยประกาศไว้ชัดเจนที่จะลดราคา น้ำมัน ไฟฟ้า และก๊าซหุงต้ม จะสามารถทำได้จริง และจะช่วยลดภาระให้กับประชาชนได้ในทันที หากพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล อีกทั้งจะลดอัตราเงินเฟ้อได้ ซึ่งได้เตรียมแผนงานไว้แล้ว ขอให้ประชาชนเชื่อใจและมั่นใจได้ เพราะทุกนโยบายพรรคเพื่อไทยพูดแล้วทำได้จริงมาตลอด และจะแก้ปัญหาของประเทศได้
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net