Skip to main content
sharethis

จับตาคำสั่งศาลฎีกาในวันที่ 16 ม.ค. นี้ กรณี'รับ-ไม่รับ' ฎีกา คดีทหารยิง 'ชัยภูมิ ป่าแส' เสียชีวิตเมื่อ 6 ปีก่อน หลังแม่ชัยภูมิฟ้องกองทัพบกเป็นจำเลย ก่อนหน้านี้ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องคดีนี้โดยให้เหตุผลว่าพยานหลักฐานของกองทัพมีน้ำหนักมากกว่า ทำให้เชื่อได้ว่าการวิสามัญฆาตกรรมชัยภูมิเป็นเพียงการป้องกันตัวของพลทหารผู้ก่อเหตุ

 

13 ม.ค. 2566 มูลนิธิผสานวัฒนธรรม รายงานว่า ในวันที่ 16 ม.ค. นี้ ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพมหานคร นัดฟังคำสั่งศาลฎีกาคดีที่นาปอย ป่าแส มารดาของชัยภูมิ ป่าแส ฟ้องกองทัพบกเป็นจำเลย เพื่อเรียกเงินค่าเสียหาย จากกรณีที่เมื่อปี 2562 เจ้าหน้าที่ทหารใช้อาวุธปืนยิงชัยภูมิ ป่าแส เสียชีวิตที่บริเวณด่านบ้านรินหลวง ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 26 ม.ค. 2565 ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องคดีนี้ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ด้วยเหตุผลว่าพยานหลักฐานของจำเลยมีน้ำหนักมากกว่า ทำให้เชื่อได้ว่าการวิสามัญชัยภูมิเป็นเพียงการปฏิบัติหน้าที่ของพลทหาร เป็นการกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตัวเองให้พ้นจากภยันตรายอันละเมิดต่อกฎหมายและภยันตรายที่ใกล้จะถึงตัว ทั้งได้กระทำไปพอสมควรแก่เหตุ การกระทำดังกล่าวจึงชอบด้วยกฎหมาย และไม่เป็นการละเมิดต่อมารดาของชัยภูมิ เป็นผลให้กองทัพบก ไม่ต้องรับผิดชอบค่าเสียหายแก่ครอบครัวของชัยภูมิ ป่าแส

ทั้งนี้ ทีมทนายความของมูลนิธิผสานวัฒนธรรม สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน และองค์กร Protection International (PI) ยังคงตั้งข้อสังเกตหลายประการต่อคำพิพากษาของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ จึงยื่นคำร้องขอฎีกาคำพิพากษา

คดีนี้สืบเนื่องจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 17 มี.ค. 2560 เจ้าหน้าที่ทหารซึ่งประจำอยู่ที่ด่านตรวจบ้านรินหลวงตรวจค้นยานพาหนะชัยภูมิ ป่าแส เยาวชนชาติพันธุ์ลาหู่ที่ขับรถยนต์เดินทางพร้อมเพื่อนอีกหนึ่งคน ผ่านด่านตรวจดังกล่าว ก่อนที่ชัยภูมิจะถูกเจ้าหน้าที่ใช้อาวุธปืนยิงจนเสียชีวิต โดยเจ้าหน้าที่อ้างว่าชัยภูมิพยายามขัดขืนและทำร้ายเจ้าหน้าที่ด้วยอาวุธมีดและระเบิดขว้างสังหาร จึงจำเป็นต้องใช้อาวุธปืนยิงตอบโต้จนนายชัยภูมิเพื่อป้องกันตนเอง นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังกล่าวหาว่าพบยาบ้าเป็นจำนวน 2,800 เม็ด ซ่อนอยู่ในหม้อกรองน้ำของรถยนต์ของชัยภูมิอีกด้วย

“...จริง ๆ แล้วผมคิดว่ากระบวนการนี้มันไกลกับคนดอยครับ... จริงนะ ระบบศาลมันไกลเกินสำหรับคนดอยที่จะได้รับความชอบธรรม ผมเนี่ยถือว่าไปได้ไกลแล้ว ถ้าเทียบกันกับทุกคนในชุมชนนี้ ถ้าเจอคนอื่นที่ไม่รู้จักเครือข่าย ไม่มีทางเอาตัวรอดได้เลย ตั้งแต่เรื่องนี้เกิดขึ้นเวลาผมเจอข่าวในหนังสือพิมพ์ที่ว่าถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญผมจะรู้สึกโกรธ ผมไม่เชื่อทันทีเลยว่านั่นคือยา ทุกครั้งก็ยาตลอด แล้วผมก็เลยรู้ว่า เจ้าหน้าที่เขาทำแบบนี้นี่เอง ความชอบธรรมที่เราดูข่าวทุกวันนี้ว่าถูกยิงถูกจับเพราะยาเนี่ย เอาจริง ๆ ชาวบ้านเขาก็ไม่กล้าเป็นพยาน ไม่อยากออกมามีส่วนร่วม...นี่ขนาดผมเป็นอาจารย์สอนศาสนายังกลัวเลย ถ้าเป็นชาวบ้านที่ยังไม่เจออะไรเขาก็กลัว นี่เป็นเหตุผลที่เขาไม่สู้” บทสัมภาษณ์ของไมตรี จำเริญสุขสกุล พี่ชายผู้ดูแลชัยภูมิ

ชัยภูมิ ป่าแส และ ไมตรี จำเริญสุขสกุล

นับเป็นเวลากว่า 6 ปีที่ครอบครัวของชัยภูมิ ป่าแส ต้องสูญเสีย เหตุการณ์ดังกล่าวก่อให้เกิดการตั้งคำถามจากครอบครัวและสังคมเป็นวงกว้างต่อการเสียชีวิตของเยาวชนนักปกป้องสิทธิมนุษยชนผู้เป็นความหวังและความฝันของครอบครัวและกลุ่มคนชาติพันธุ์ที่ต้องมาจบชีวิตลงจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ และยังไม่ได้รับความเป็นธรรมแต่อย่างใด

มูลนิธิผสานวัฒนธรรม จึงขอเชิญชวนติดตามรับฟังคำสั่งศาลฎีกาในนัดดังกล่าวในวันที่ 16 ม.ค. นี้ เพื่อทวงถามความยุติธรรมให้แก่ชัยภูมิ ป่าแส และครอบครัวต่อไป

 

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net