Skip to main content
sharethis

'ประยุทธ์' เผยมีกำหนดยุบสภาในใจแล้ว ยังไม่ได้ตัดสินใจร่วมเวทีดีเบตนโยบายพรรคการเมือง พร้อมประมวลการตอบอภิปรายในสภาประเด็น การทุจริต ธุรกิจจีนสีเทา การปฏิรูปกองทัพและตำรวจ ปมเรือหลวงสุโขทัย น้ำท่วม ฝนแล้ง บัญชีม้า เหมืองแร่อัครา การลงทุนพื้นที่ EEC  การพื้นตัวจากโควิด-19 การแก้ไขปัญหาที่ดิน และการแก้ไขปัญหายาเสพติด 

17 ก.พ.2566 ภายหลังเสร็จสิ้นการอภิปรายทั่วไปรัฐบาลโดยไม่มีการลงมติของฝ่ายค้าน ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 สำนักข่าวไทย รายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และเชื่อว่า ทุกคนจะทราบดีว่า นายกรัฐมนตรี พยายามดำเนินการให้ประเทศไทยเดินหน้าไปให้ได้ และทีมงานได้พยายามทำหน้าที่อย่างเต็มที่ แต่ปัญหาประเทศมีความซับซ้อน ต้องใช้ระยะเวลา พร้อมเห็นว่า การอภิปรายของฝ่ายค้านตลอด 2 วันที่ผ่านมา มีทั้งที่เป็นประโยชน์ ที่จะเป็นข้อมูลให้รัฐบาลนำไปปรับปรุงแก้ไข และพร้อมอดทนรับฟัง เพื่อประเทศชาติ และประชาชน โดยปฏิเสธที่จะให้คะแนนการอภิปรายของฝ่ายค้าน รวมถึงการตอบชี้แจงของตนเองต่อสภาด้วย แต่ขอให้ประชาชนที่รับฟังเป็นผู้พิจารณา และเข้าใจว่า ส.ส.หลายคนมีความปรารถนาดี แต่ก็มี ส.ส.ส่วนหนึ่งที่ยังเข้าใจคลาดเคลื่อน

พล.อ.ประยุทธ์ ยังปฏิเสธที่จะกล่าวถึงความพร้อมในการร่วมเวทีดีเบตนโยบายพรรคการเมือง เพียงแต่ระบุว่า ยังไม่ได้ตัดสินใจ และจะต้องพิจารณาโอกาส และความเหมาะสม รวมถึงปัจจุบันก็มีการสื่อสารทุกวันอยู่แล้ว

นายกรัฐมนตรี ยังเปิดเผยถึงกำหนดการยุบสภาด้วยว่า มีกำหนดไว้ใจในล่วงหน้าแล้ว โดยปฏิเสธว่า จะเป็นสัปดาห์แรกของเดือนมีนาคมหรือไม่ เนื่องจากจะต้องรอการตัดสินใจอีกครั้ง รวมถึงการวางแผนงานต่างๆ ล่วงหน้า แต่มั่นใจว่า หลายพรรคการเมืองมีความพร้อมอยู่แล้ว และสำหรับพรรครวมไทยสร้างชาตินั้น ก็เชื่อว่า มีความพร้อมเช่นเดียวกัน พร้อมยืนยันว่า ไม่มีการถ่วงเวลาเพื่อให้พรรครวมไทยสร้างชาติมีความพร้อมสำหรับการเลือกตั้งก่อน โดยหวังว่า การเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น จะเป็นการเลือกตั้งที่บริสุทธ์ สร้างสรรค์ มองประโยชน์ประเทศชาติ และประชาชนสำคัญที่สุด เพื่อให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อไปได้

สำหรับข้อชี้แจงประเด็นต่างๆ ของ พล.อ.ประยุทธ์ ต่อสภาในการอภิปรายทั่วไปนั้น อนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปไว้ในเว็บไซต์สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ดังนี้

การทุจริต และการปฏิรูปตำรวจ

การทุจริต นายกรัฐมนตรียืนยันว่าไม่มีความเกี่ยวโยงกับบุคคลต่างๆ ที่ฝ่ายค้านได้กล่าวถึง และเน้นย้ำว่าไม่เคยเอื้อประโยชน์ หรือละเว้นการตรวจสอบให้กับใคร สามารถตรวจสอบได้ และจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจงต่อไป สำหรับเรื่องที่ดีๆ รัฐบาลจะรับไว้ ส่วนประเด็นใดที่ไม่ถูกต้อง จะให้ส่วนที่เกี่ยวข้องชี้แจงต่อไป ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีขอให้การอภิปรายอยู่ในกรอบ ไม่ใช้โอกาสในการหาเสียงให้กับพรรคตนเอง ขอให้เป็นไปตามกติกา มารยาทของสภาผู้แทนราษฎร ยืนยันรัฐบาลทำงานตามหลักการหลักเกณฑ์ ไม่เคยปล่อยปะละเว้น เป็นไปตามกฎหมาย ขอให้เคารพกระบวนการยุติธรรม นายกรัฐมนตรีไม่ต้องการให้อำนาจนิติบัญญัติเข้ามายุ่งกับฝ่ายบริหารมากเกินไป บางเรื่องที่เป็นเรื่องการบริหารแผ่นดิน ก็ขอให้เป็นเรื่องของฝ่ายบริหารได้จัดการ หากไม่ดีขอให้ไปร้องทุกข์ตามกระบวนการ

การปฏิรูปตำรวจ ซึ่งยังคงมีตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้อง พัวพัน รับส่วย อบายมุข เสพติด พนันออนไลน์ แต่งตั้งใช้ระบบเส้นสาย โดยรัฐบาลให้ความสำคัญกับการปฏิรูปตำรวจ ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายมีประสิทธิภาพ รัฐบาลปรับปรุงกฎหมาย ระเบียบเกี่ยวกับข้าราชการตำรวจต่างๆ ซึ่งสภาแห่งนี้ได้ร่วมกันพิจารณาจนสามารถออกพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 และได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาไปแล้ว ได้ยกเลิกกฎหมายเก่าไปทั้งหมด 11 ฉบับ ปรับปรุงและสร้างหลักประกันในการบริหารงานบุคคล รวมถึงการย้าย การบริการประชาชน ให้ความสำคัญกับสถานีตำรวจ งบประมาณ กำลังพลเพียงพอ แยกแบ่งสายงานออกเป็น 5 สายงาน ทั้งบริหาร สืบสวนสอบสวน อำนวยการ ป้องกันปราบปราม และวิชาชีพ ซึ่งมีบทบัญญัติที่แตกต่างไปจากเดิม มี 4 คณะ ได้แก่ คณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.) คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) กปคตร. สำหรับกรณีแต่งตั้งก็ได้มีข้าราชการตำรวจเป็นผู้ร้องเรียน และคณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ ก็มี คณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ (กต.ตร.) ด้วย ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม รับประกันในการทำงานให้เกิดความสบายใจ และเป็นหลักประกันให้กับประชาชนด้วย ส่วนการแต่งตั้งโยกย้ายก็ได้กำหนดหลักเกณฑ์ไปแล้ว วินัยข้าราชการตำรวจ รวมถึงการบริหารอื่นๆ การโอนภารกิจบางหน่วยงานในสังกัดก็ได้ดำเนินการไปแล้ว โดยสิ่งที่นายกรัฐมนตรีได้กล่าวไปทั้งหมดก็ยังมีคดีความต่างๆ ซึ่งเป็นเรื่องส่วนบุคคล เป็นส่วนของผู้บังคับบัญชาที่ต้องกำกับดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาให้ดีที่สุด โดยตำรวจมีกำลังพลมากกว่าสองแสนนาย ทำงานดีๆ มากมาย หากมีตำรวจทำผิดขอให้แจ้งมา โดยนายกรัฐมนตรีได้สั่งการแล้ว เรียกสอบทุกราย ดำเนินคดีอาญาตามบบัญญัติ ทั้งนี้ จำเป็นต้องรักษาศักดิ์ศรีของนายตำรวจดีๆ ไว้ด้วย

พล.อ.ประยุทธ์ ตอบอภิปรายในสภา

น้ำท่วม ฝนแล้ง

ประเด็นน้ำท่วม ฝนแล้ง นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าประเทศไทยประสบปัญหาน้ำแล้งมาโดยตลอด ทั้งปี 2554 2557 2558 จึงขอให้ย้อนดูการทำงานของรัฐบาล เช่น ปี 2565 ที่ผ่านมาเกิดน้ำท่วม เนื่องจากปริมาณน้ำฝนมีถึง 500 มิลลิเมตร/ชั่วโมง ในปี 2555 – 2565 หมู่บ้านที่เป็นพื้นที่ภัยแล้งจำนวนลดลงอย่างต่อเนื่อง ปี 2566 ก็ลดเช่นเดียวกัน ส่วนปี 2558 เหลือ 12,972 หมู่บ้าน ปี 2559 เหลือ 11,844 หมู่บ้าน ปี 2561 เหลือ 0 หมู่บ้าน ปี 2565 เหลือ 12,684 หมู่บ้าน ปี 2565 เหลือ 7,662 หมู่บ้าน ปี 2564 เหลือ 296 หมู่บ้าน ปี 2565 เป็น 0 หมู่บ้าน ทั้งหมดนี้คือตัวเลขเทียบเคียงและวัดจากสถานการณ์จริง ซึ่งข้อมูลที่สมาชิกสภาฯ นำมาเสนอนั้น เป็นการคาดการณ์เพื่อการวางแผนเท่านั้น รวมทั้ง รัฐบาลเน้นย้ำให้มีการเพิ่มน้ำสำรอง น้ำต้นทุน ไปพร้อมกันด้วย เพื่อสนับสนุนภาคการผลิต ภาคการเกษตร ภาคอุตสาหกรรม ท่องเที่ยว และบริการ รวมทั้งมีการฟื้นฟูป่าต้นน้ำ จำนวน 156,070 ไร่ ลดการชะล้างพังทลายของดิน 367,900 ไร่ พัฒนาแหล่งน้ำธรรมชาติ แหล่งน้ำขนาดเล็ก 496 ล้านลูกบาศก์เมตร แหล่งเก็บน้ำใหม่ 422 ล้านลูกบาศก์เมตร น้ำบาดาลพลังงานน้ำใต้ดิน 149 ล้านลูกบาศก์เมตร ประปาหมู่บ้าน 4973 แห่ง ซึ่งลดความเสียหายภัยแล้งได้ 1.5 ล้านไร่ ครัวเรือนรับประโยชน์ 350,525 ครัวเรือน เป็นต้น ซึ่งคือตัวเลขข้อเท็จจริง 

บัญชีม้าและเหมืองแร่อัครา

ประเด็นบัญชีม้า ปัจจุบันได้มีกฎหมายและมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งเป็นกฎหมายสำคัญ รัฐบาลได้ปรับแก้เป็น พ.ร.ก. เพื่อให้ทันเวลา โดยหนึ่งปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้รับแจ้งความเรื่องนี้แล้วทั้งหมด 92,031 คดี อย่างไรก็ตาม มีการติดตามบัญชีได้ 65,872 บัญชี ซึ่งยังต้องมีกฎหมายใหม่เพิ่มเติมในอนาคตเพื่อให้เกิดการบูรณาการการทำงาน เช่น มีการป้องกันความเสียหาย มีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ ใช้เทคโนโลยี AI ช่วยตรวจกับพฤติกรรมต้องสงสัยจากบัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ การใช้โทรศัพท์ การโอนเงินเข้าออกบัญชีบ่อยครั้งที่ไม่สามารถแจ้งที่มาของเงินนั้นได้ โดยเมื่อกฎหมายเหล่านี้ได้มีผลบังคับใช้แล้ว ผู้ใดที่เปิดบัญชีม้าก็ต้องระวังโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปีปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ประเด็นการเลื่อนการออกคำชี้ขาดและการเจรจากับบริษัทคิงส์เกต ซึ่งถูกพาดพิงว่าใช้ทรัพยากรของประเทศไปแลกกับการประนีประนอมยอมความ เช่น การอนุญาตสำรวจแร่ จำนวน 44 แปลง โดยเป็นอำนาจของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตร.) นั้น นายกรัฐมนตรียืนยันว่า ได้ชี้แจงไปหลายครั้งแล้ว ซึ่งเหมืองแร่อัครานี้ ได้ดำเนินการตั้งแต่ปี 2545 โดยในปี 2557 มีประชาชนร้องเรียนผลกระทบ จึงจำเป็นต้องสั่งให้มีการระงับการทำเหมืองแร่ทองคำทั่วประเทศ จนกว่าจะมีการศึกษาและพิสูจน์ถึงผลกระทบจากการทำเหมืองที่เกิดขึ้น ไม่เพียงเฉพาะเหมืองแร่อัคราเท่านั้น รวมทั้งต้องปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการทำเหมืองแร่ให้เกิดความทันสมัย ซึ่งบริษัทคิงส์เกตได้ยอมรับว่า ในขณะนั้นทางบริษัทไม่เข้าใจกับประกาศที่เกิดขึ้น เมื่อเห็นว่าได้รับผลกระทบ จึงนำเรื่องไปร้องต่ออนุญาโตตุลาการ แต่ในวันนี้ รัฐบาลได้มีกฎหมาย พ.ร.บ.แร่ และออกนโยบายในการบริหารจัดการแร่ทองคำที่ได้กำหนดมาตรการป้องกันผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม สุขภาพ มีกองทุนต่าง ๆ ที่เข้ามาดูแลด้านสิ่งแวดล้อมและพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ชุมชน ดังนั้น การอนุญาตต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำเหมืองแร่ทองคำ จึงสามารถดำเนินการต่อได้ รวมทั้งระหว่างนี้ยังมีการเจรจาในอนุญาโตตุลาการ ซึ่งในวันนี้มีแนวโน้มที่ดี

โดยการอนุญาตให้สำรวจแร่นั้น เป็นการให้สิทธิในการสำรวจแร่ในพื้นที่ที่กำหนดเท่านั้น ไม่ได้เป็นการอนุญาต หรือให้สิทธิในการครอบครองพื้นที่ กรรมสิทธิ์ยังคงอยู่กับรัฐกับเจ้าของที่ดิน รวมทั้งการเข้าพื้นที่ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของพื้นที่ก่อน ถึงแม้จะไม่เป็นการการันตีว่า จะพบแร่ที่มีคุณภาพเหมาะสมหรือมีปริมาณมากพอที่จะคุ้มค่ากับการทำเหมือง ซึ่งเป็นคนละส่วนกันกับการอนุญาตให้ทำเหมืองแร่ นอกจากนี้ สำหรับกรณีที่จังหวัดจันทบุรี ที่มีการร้องเรียนและคัดค้านของคนในพื้นที่ จึงไม่มีการให้สำรวจแร่แต่ประการใด ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายยังมีการเจรจากันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากการเจรจามีแนวโน้มไปในทางที่ดี เราไม่เสียประโยชน์ และเราอาจได้ประโยชน์ที่มากกว่าเดิม การกลับมาประกอบกิจการเหมืองทองคำจะเกิดการจ้างงาน มีการจัดตั้งกองทุนพัฒนาหมู่บ้านตามกรอบนโยบายทองคำเพื่อพัฒนาดูแลความเป็นอยู่ของชุมชนเพื่อให้ใช้ประโยชน์ได้ในประเทศและสามารถพัฒนาต่อไปได้ รวมทั้งมีค่าภาคหลวงของแร่ที่จะได้รับการจัดสรรให้กับท้องถิ่นโดยตรง ขณะเดียวกัน บริษัทอัคราก็จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่กำหนดใหม่ มีมาตรการที่รัดกุม ปกป้องคุ้มครองผลกระทบต่าง ๆ ทั้งข้อมูลพื้นฐาน สิ่งแวดล้อม ประกันความเสี่ยง กองทุนเฝ้าระวังสุขภาพ รวมทั้งฝ่ายคิงส์เกตยังได้เปิดเผยแล้วว่า ยินดีเจรจากับฝ่ายไทย ซี่งทั้งหมดต้องใช้การเจรจาร่วมกันเพื่อผลประโยชน์ของชาติ

การลงทุน - พื้นที่ EEC  - การพื้นตัวจากโควิด-19 

การดึงดูดการลงทุนนั้น เปลี่ยนจากโครงการดึงดูดการลงทุนที่ใช้แรงงานเป็นหลัก มาเป็นกิจการที่ใช้ทักษะขั้นสูง ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า แรงงานส่วนใหญ่ของไทยเป็นแรงงานต่างด้าวทั้งสิ้น มีแรงงานต่างด้าวสองแสนคนจากสามแสนคน จึงต้องพัฒนาแรงงานไทย 100,000 คน ให้มีคุณภาพ พัฒนาฝีมือแรงงาน โดยปัจจุบันต้องปรับให้เป็นกิจการที่มีเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งอุตสาหกรรมพวกนี้มีการขยายตัวของการทุนเพิ่มขึ้น ได้แก่ เทคโนโลยีชีวภาพ ธุรกิจดิจิทัล อุตสาหกรรมการแพทย์ อุตสาหกรรมระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ อุตสาหกรรมอากาศยาน อุตสาหกรรมพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และการศึกษา และอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ มีการขอรับการส่งเสริม จำนวน 2,108 โครงการ เงินลงทุน 379,097 ล้านบาท โดยอุตสาหกรรมดิจิทัลและระบบอัตโนมัติมีการเติบโตมากกว่า 200% ในปี 2565 และอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพมีการเติบโตมากกว่า 100% ในช่วงโควิด เพราะฉะนั้นความเข้มแข็งในวันนี้เป็นผลมาจากความสำเร็จในการสร้างความเชื่อมั่น และการยอมรับในระดับสากล ทั้งในเรื่องการรับมือสถานการณ์โควิด ระบบสาธารณสุข การบริการ การบริหารความเสี่ยงในสถานการณ์วิกฤต การรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ มีการบริหารจัดการที่ดี มีวินัยการเงินการคลัง ความต่อเนื่องในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ สิ่งเหล่านี้คือการบริหารเพื่อความยั่งยืนของประเทศไทย  

ส่วนการลงทุนในอีอีซี โครงการที่มีการขอรับการส่งเสริมการลงทุนได้เริ่มมีการเริ่มลงทุนจริงแล้ว ข้อมูลล่าสุดเมื่อเดือนธันวาคม 2565 ได้มีการดำเนินการขอออกบัตรส่งเสริมแล้ว 5,976 โครงการ ได้เริ่มลงทุนตามโครงการแล้ว 4,925 โครงการ หรือคิดเป็นอัตราเฉลี่ยร้อยละ 82 ของจำนวนโครงการที่ออกบัตรส่งเสริมทั้งหมด แต่หากพิจารณาเฉพาะคำขอที่ยื่นในปี 2561 - 2563 (ไม่นับรวมปี 2564 - 2565 ซึ่งเพิ่งอนุมัติไปไม่นาน) จะมีอัตราการเริ่มลงทุนสูงถึง ร้อยละ 93 ของจำนวนโครงการที่ออกบัตรส่งเสริมทั้งหมด โครงการที่ได้ยื่นขอรับการส่งเสริมในพื้นที่ EEC ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ได้มีการทยอยลงทุนจริง จากข้อมูลล่าสุด (ณ เดือนธันวาคม 2565) คำขอใน EEC ที่ยื่นในช่วงปี 2561 – 2565 ได้ดำเนินการขอออกบัตรส่งเสริมแล้วจำนวน 1,687 โครงการ ในจำนวนนี้ ได้มีการเริ่มลงทุนตามโครงการแล้วจำนวน 1,437 โครงการ หรือคิดเป็นอัตราเฉลี่ยร้อยละ 85 ของจำนวนโครงการที่ออกบัตรส่งเสริมทั้งหมด แต่หากพิจารณาเฉพาะคำขอที่ยื่นในปี 2561 - 2563 (ไม่นับรวมปี 2564 - 2565 ซึ่งเพิ่งอนุมัติไปไม่นาน) จะมีอัตราการเริ่มลงทุนสูงถึงร้อยละ 95 ของจำนวนโครงการที่ออกบัตรส่งเสริมทั้งหมด ซึ่งการลงทุนใน EEC คาดว่าจะเริ่มผลิดอก ออกผล ได้ตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป เพราะต้องมีช่วงเวลาในการก่อสร้างโครงการ และติดตั้งเครื่องจักร ก่อนที่จะเริ่มการผลิต มีรายได้เป็นภาษีให้กับประเทศ และจ้างงานคนไทย

การพื้นตัวเรื่องโควิด-19 นั้น นายกรัฐมนตรีขอขอบคุณความร่วมมือคนไทยทั้งประเทศ โดย “ปีแรก” ของการระบาดประเทศไทยถือว่าเป็นอันดับ 2 ของโลก และอันดับ 1 ของเอเชีย ที่สามารถฟื้นตัวจากโควิด-19ได้ดี เป็นอันดับ 6 ของโลก และอันดับ 1 ของเอเชีย ที่มีการบริหารจัดการเกี่ยวกับโรคระบาดและด้านสุขภาพได้ดีที่สุด ไทยเป็นอันดับ 5 ของโลก ที่มีความมั่นคงทางสุขภาพ องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้เลือกประเทศไทยเป็น 1 ใน 4 ประเทศจากทั่วโลก และเป็นประเทศเดียวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในการดำเนินโครงการกลไกทบทวนการเตรียมความพร้อม กรณีภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขและสุขภาพถ้วนหน้า (Universal Health and Preparedness Review : UHPR) และถอดบทเรียนความสำเร็จการรับมือวิกฤตโควิด และประเทศไทยได้รับเลือกให้เป็นที่ตั้งสำนักงานเลขาธิการของ “ศูนย์อาเซียนด้านการรับมือกับภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขและโรคอุบัติใหม่” (ASEAN Centre for Public Health Emergencies and Emerging Diseases : ACPHEED) ที่ส่งเสริมโอกาสให้ประเทศไทยเป็น “ศูนย์กลางทางการแพทย์และสาธารณสุข” (Medical Hub) แห่งหนึ่งในโลก และต่อยอดเป็นตลาดอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพได้ในอนาคต เป็นการเอาชนะสงครามโควิดของรัฐบาลได้อย่างงดงาม

การท่องเที่ยว ในปี 2565 หลัง "เปิดประเทศ" อย่างเป็นระบบ นักท่องเที่ยวต่างชาติกลับเข้าไทยตามเป้า 10 ล้านคน รัฐบาลมั่นใจว่าปี 2566 จะมีชาวต่างชาติมาเยือนไทยไม่น้อยกว่า 23.5 ล้านคน สร้างรายได้จากกิจกรรมต่าง ๆ รวมถึง 1.2 ล้านล้านบาท ซึ่งยังไม่นับรวมชาวจีนที่ยังคงปิดประเทศ 

กรณีคดีตู้ห่าวและธุรกิจจีนสีเทา

คดีตู้ห่าว นักธุรกิจชาวจีน สัญชาติไทย พฤติกรรมเหล่านี้ ได้เกิดขึ้นมานานแล้วก่อนปี 2557 โดยตู้ห่าวได้เข้ามาตั้งแต่ปี 2554 และมีการดำเนินเรื่องกระบวนการอนุมัติ อนุญาตเรื่องสัญชาติตั้งแต่ปี 2554 จนกระทั่งถึงรัฐบาลปัจจุบันเมื่อเสนอมาก็ดำเนินการตรวจสอบแล้วเมื่อถูกต้องก็เป็นการอนุมัติตามขั้นตอนของกฎหมาย อย่างไรก็ตามเมื่อรับทราบถึงพฤติกรรมเหล่านี้จากข้อมูลต่าง ๆ รวมถึงประชาชน ก็ให้สืบสวนสอบสวน เพราะถูกปล่อยปละมานานแล้ว โดยมีการดำเนินการตามกระบวนการของกฎหมาย และมีการสืบสวนสอบสวน รวมไปการเงินต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งพบว่าได้ใช้ในกิจการซื้ออสังหาริมทรัพย์ยกหมู่บ้าน หลายหมู่บ้าน แต่ยืนยันว่า รัฐบาลนี้ไม่มีแน่นอนในการขายบ้านแล้วแถมสัญชาติ ทั้งนี้ หากไปตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริงให้ดีจะพบว่าภรรยาตู้ห่าวก็มีความเกี่ยวข้องกับอดีตรัฐมนตรีพรรคใด นอกจากนี้ ได้มีการพบกับนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ซึ่งได้รับฟังมูลดังกล่าวและได้ส่งข้อมูลเหล่านั้นไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการทันที โดยดำเนินการทุกอย่างภายใต้หลักของกฎหมายซึ่งหลักนิติธรรมก็ต้องมี การดำเนินการทุกอย่างทำถูกต้องแต่อาจไม่ถูกใจและไม่ทันใจทุกคน เพราะการดำเนินการบางอย่างอยู่ในขั้นตอน บางอย่างเปิดเผยได้ และบางครั้งก็เปิดเผยไม่ได้

นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงประเด็นที่ 1 กรณีการออกหมายเรียก ส.ว.อุปกิต ปาจรียางกูร ของพนักงานสอบสวน บช.ปส. นั้น นายกรัฐมนตรีชี้แจงว่าเรื่องนี้ กองบัญชาการตำรวจนครบาลและกองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด ได้มีการสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาที่มีส่วนเกี่ยวข้องพัวพันและสามารถขยายผลดำเนินคดีได้หลายราย บางรายก็หลบหนี ซึ่งพนักงานสอบสวนก็ได้ออกหมายจับ และติดตามจับกุมมาได้ บางรายที่หลบหนีอยู่ก็ยังสืบสวนเพื่อจะต้องจับกุมให้ได้ ส่วนที่สมาชิกได้อภิปรายว่ามี ส.ว.เข้าไปเกี่ยวข้องพัวพัน เรื่องนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งฝ่ายสืบสวนและสอบสวนได้ดำเนินการไปตามอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ป.วิ.อาญา แล้ว ส่วนการเพิกถอนหมายจับก็เป็นดุลยพินิจของทางฝ่ายตุลาการ ซึ่งก็มีความเห็นให้พนักงานสอบสวนไปออกหมายเรียกก่อน ซึ่งนายกรัฐมนตรีไม่ขอเข้าไปก้าวก่ายความเห็นนี้ เนื่องจากไม่ใช่การปฏิบัติหน้าที่ของฝ่ายบริหาร แต่เรื่องนี้เป็นความผิดนอกราชอาณาจักร ที่พนักงานสอบสวนต้องทำการสอบสวนร่วมกับพนักงานอัยการที่อัยการสูงสุดมอบหมายตามกฎหมาย จึงต้องมีการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานให้รัดกุมรอบคอบก่อน เมื่อพบว่าใครเกี่ยวข้องก็จะออกหมายเรียก ซึ่งจะเรียกตอนไหน อย่างไรก็เป็นดุลพินิจและการปฏิบัติของพนักงานสอบสวน ตามกฎหมาย ป.วิ.อาญา ซึ่งคดียังอยู่ระหว่างการสอบสวนและยังอยู่ภายในอายุความ ถ้าออกหมายเรียกไปแล้วภายใน 15 วันไม่มาพบพนักงานสอบสวน เจ้าหน้าที่ก็มีเหตุออกหมายจับ เพราะฉะนั้นไม่มีใครไปเอื้อประโยชน์หรือช่วยเหลืออย่างไร เพราะเป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย 

ประเด็นที่ 2 กลุ่มธุรกิจจีนสีเทาผับจินหลิง นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เรื่องนี้ตำรวจนครบาล ได้มีการสืบสวนตรวจค้น/จับกุมและขยายผล ได้ผู้ต้องหาหลายสิบราย บางรายหลบหนี ก็ออกหมายจับ และอยู่ระหว่างการติดตามจับกุมมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนที่มีการระบุว่า มีตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องพัวพัน ผู้บังคับบัญชาก็มีการตั้งกรรมการสืบสวนสอบสวน มีคำสั่งให้ออกราชการไว้ก่อนไปแล้ว โดยรายใดเมื่อดูแล้วว่ามีความผิดอาญาด้วยก็ดำเนินคดีอาญาไปตามกฎหมาย ส่วนที่บอกว่าไปย้ายคนขยัน คนทำงานนั้น นายกรัฐมนตรีย้ำว่าเรื่องนี้เป็นการแต่งตั้ง โยกย้าย ภายในอำนาจของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่ได้พิจารณาไปตามกฎเกณฑ์ หลักเกณฑ์ และระเบียบต่าง ๆ แล้ว

ประเด็นที่ 3  กรณี นายหยู ชิน สี ตั้งสมาคมปลอม เพื่อช่วยทำวีซ่านำคนจีนสีเทาเข้าประเทศในห้วงปี 2563-2564 จำนวน 7,000 คน โดยมีเจ้าหน้าที่ ตม. ช่วยเหลือ นายกรัฐมนตรีกล่าวชี้แจงว่า กรณีดังกล่าว สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ดำเนินการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีการชี้แจงข้อมูลความคืบหน้าให้ทางสื่อมวลชนทราบเป็นระยะ ซึ่งก็เห็นแล้วว่าตำรวจกำลังดำเนินการและทำอย่างตรงไปตรงมา ทั้งนี้ หากพบเจ้าหน้าที่ผู้ใดไปร่วมกระทำผิด ก็ต้องดำเนินการทั้งวินัยและอาญาไม่มีการยกเว้น รวมทั้งคนไทยหลายคนที่เข้าไปเกี่ยวข้องและรับประโยชน์ด้วย โดยนายกรัฐมนตรียืนยันไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องแบบนี้เด็ดขาด พร้อมย้ำว่า ทุกคนไม่ว่าใครก็ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน

การแก้ไขปัญหายาเสพติด

นายกรัฐมนตรีชี้แจงกรณีการแก้ไขปัญหายาเสพติด รัฐบาลได้เริ่มต้นจากการเพิ่มประสิทธิภาพของกฎหมายและการบังคับใช้กฎหมาย โดยได้มีการปรับปรุงกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องแต่ช้ำซ้อนกัน จาก 24 ฉบับให้เหลือเพียงฉบับเดียว ซึ่งจะทำให้ทำงานได้ง่ายขึ้น รวดเร็วขึ้น เป็นประมวลกฎหมายยาเสพติด มีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่ 9 ธันวาคม 2564 ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่สูงขึ้น โดยเฉพาะการดำเนินการมาตรการด้านการปราบปราม จับกุมและขยายผลไปสู่ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดได้ รวมทั้งสามารถยึด-อายัดทรัพย์สินได้มากกว่า 2 หมื่นล้านบาท รัฐบาลได้ดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติดในทุกมิติที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสมาชิกจะต้องช่วยพูดทำความเข้าใจกับสังคม ให้เด็กนักเรียนอย่าไปลอง อย่าไปเสพ อย่าเอาแต่ตำหนิ ข้าราชการดี ๆ ก็มี ส่วนคนชั่วก็ต้องช่วยกันขจัดออกไป ต้องทำให้ได้ 

การปฏิรูประบบราชการ และกฎหมาย

นายกฯ ขอยืนยันว่าทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน หากมีการกระทำความผิด ก็จะไม่มีการยกเว้น เราต้องทำให้กฎหมายเป็นกฎหมาย ต้องเคารพในกระบวนการยุติธรรมของประเทศ  นายกฯ ก็ถูกตรวจสอบมาตลอด เมื่อมีคดีฟ้องร้องมาก็ได้ชี้แจง จัดผู้แทนไปชี้แจงคดีต่าง ๆ 300 – 400 คดี รวมทั้งได้แจ้งทรัพย์สินกับ ป.ป.ช. ไปแล้ว กฎหมายบอกว่าไม่ต้องแจ้ง แต่ก็ได้แจ้งไป ส่วนที่ ป.ป.ช. ไม่เปิดเผยก็เป็นเรื่องของ ป.ป.ช. 

นายกรัฐมนตรีกล่าวขอให้ประชาชนเข้าใจว่าทุกการปฏิรูป ต้องอาศัยเวลา และความร่วมมือ ความรักความสามัคคี จึงจะไปได้ ความเห็นที่ดีก็ได้รับมาพิจารณา สิ่งใดทำได้ก็ทำให้ แต่ถ้ามีผลกระทบกับผู้อื่นก็จำเป็นต้องหารือให้ได้ข้อสรุป ทั้งนี้ การปฏิรูปเป็นสิ่งที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพราะปัญหาทับซ้อนมาเป็นเวลายาวนาน มีอุปสรรค ต้องมีแผนการปฏิบัติอย่างเป็นขั้นเป็นตอน เป็นแผนระยะสั้น ระยะปานกลาง ระยะยาว บางอย่างเห็นผลแล้ว และอีกหลายอย่างจะสัมฤทธิ์ผลเมื่อถึงเวลาของมัน สิ่งสำคัญคือต้องอดทน ต้องยอมรับการเปลี่ยนแปลงเพื่อผลประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง ซึ่งรัฐบาลนี้ได้เริ่มให้มีการปฏิรูปแล้วหลายเรื่อง โดยมีการปฏิรูปกฎหมาย 6 กฎหมายที่ถือว่าเป็นการลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างความเป็นธรรมให้กับประเทศชาติ และประชาชนโดยรวม ได้แก่ 

1. พ.ร.บ.การอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ เปิดเผยขั้นตอน และ ระยะเวลาในการทำงานทุกกระบวนงานของหน่วยงานของรัฐชัดเจน ลดภาระประชาชน สะดวกขึ้น ประหยัดเงิน ลดขั้นตอน สกัดทุจริตในระบบราชการ เอาของที่อยู่ใต้โต๊ะขึ้นมาบนโต๊ะ ลดทุจริตคอรัปชัน เพื่อความโปร่งใส เป็นกฎหมายเพื่อทุกคน 
2. พ.ร.บ.การปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ อัพเกรดระบบทำงานทันโลกยุคใหม่ ลดการใช้กระดาษ ลดขั้นตอน ลดการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ รองรับการ work from home รักษาความลับทางราชการไม่ให้รั่วไหล
3. พ.ร.บ.ว่าด้วยการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เดิมเวลาติดต่อราชการ เจ้าตัวต้องไปปรากฏตัวพร้อมบัตรประชาชน แต่เวลานี้การติดต่อราชการทุกแห่ง สามารถทำได้ด้วยออนไลน์ เจ้าตัวไม่ต้องไปปรากฏตัวก็ได้ ยกเว้น จดทะเบียนสมรส หย่า แจ้งรับบุตรบุญธรรม การทำบัตรประชาชน และทำพาสปอร์ต ที่ยังคงต้องไปปรากฏตัว 
4. พรก. แก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ในเรื่องอัตราดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้ แก้ไขดอกเบี้ยผิดนัดมหาโหด และวิธีคิดดอกเบี้ยที่ไม่เป็นธรรม ถือเป็นการปฏิวัติดอกเบี้ยที่ใช้มานานเกือบ 100 ปีแล้ว เป็นการเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์การคิดดอกเบี้ยในประเทศไทย เป็นการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้าง ให้กับประชาชนและผู้ประกอบการทั่วประเทศได้อย่างยั่งยืน โดย (1) ให้ชำระดอกเบี้ยลดลง จากเดิมร้อยละ 7.5 เหลือร้อยละ 3 ต่อปี (2) กรณีผิดนัดชำระหนี้ ให้ชำระหนี้ร้อยละ 5 ต่อปี ลดจากเดิมร้อยละ 7.5 ต่อปี และที่สำคัญ คือ (3) การคำนวณดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้ ต้องคิดจากเงินต้นที่ลูกหนี้ผิดนัดแล้วเท่านั้น ไม่ใช่คิดจากเงินต้นทั้งหมด ที่ลูกหนี้ยังค้างชำระอยู่ จึงเป็นการสร้างความเป็นธรรมให้แก่ลูกหนี้ที่ถูกบิดเบือนมานับศตวรรษ โดยหลักการนี้ถูกขยายผลอย่างกว้างขวาง ผลักดันให้มีการกำหนดอัตราดอกเบี้ยใหม่ ในการเช่าซื้อยานพาหนะต่าง ๆ ให้เป็นธรรมกว่าเดิม (1) รถยนต์ใหม่ ต้องไม่เกินอัตราร้อยละ 10 ต่อปี (2) รถยนต์ใช้แล้ว ต้องไม่เกินอัตราร้อยละ 15 ต่อปี (3) รถจักรยานยนต์ ต้องไม่เกินอัตราร้อยละ 23 ต่อปี ถ้าใครบริหารหนี้ได้ดี สามารถปิดบัญชีได้ก่อนกำหนด ผู้ขายต้องให้ส่วนลดกับผู้เช่าซื้อด้วย กล่าวคือ การคิดอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงต่อปี หรือ Effective Interest Rate แบบลดต้นลดดอก โดยคิดดอกเบี้ยจากเงินต้นคงเหลือในแต่ละงวด ไม่ใช่คิดดอกเบี้ยแบบเงินต้นคงที่ (Flat rate) แบบเดิม จึงถือว่าเป็นกฎหมายเพื่อคนจนอย่างแท้จริง
5. พระราชบัญญัติว่าด้วยการปรับเป็นพินัย คุกไม่ได้มีไว้ขังคนจน แต่คุกมีไว้ขังคนกระทำความผิด กำหนดให้ใช้โทษอาญาเพียงเท่าที่จำเป็น โทษปรับอาญา สำหรับความผิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ร้ายแรง จะถูกแปลงเป็นโทษปรับเป็นพินัยแทน เช่น อาจทำงานให้สังคม แทนการรับโทษทางอาญา และจะไม่มีการบันทึกประวัติอาชญากรรม
6. พรบ. กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เพื่อช่วยเด็กไทยยากไร้กว่า 6 ล้านคน ให้ได้รับการศึกษาอย่างต่อเนื่อง ปรับลดเพดานทั้งอัตราดอกเบี้ยตามสัญญา และอัตราดอกเบี้ยผิดนัด ขยายระยะเวลาผ่อนชำระหนี้ให้ยาวขึ้นจาก 15 ปี เป็น 30 ปี ยกเลิกให้ไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน และผู้กู้สามารถกู้ยืมไป Reskill หรือ Upskill เท่าทันการเปลี่ยนแปลงทางการศึกษา และความต้องการแรงงานยุคใหม่ได้ด้วย ทั้งนี้ ก็ขอให้สมาชิกที่กู้เงิน กยศ. นานแล้วหลายสิบปีมาแล้ว ชำระเงินคืนด้วย หลายคนที่เรียนจบมาแล้วยังไม่ได้คืน 

การปฏิรูปกองทัพและตำรวจ รวมถึงกรณีเรือหลวงสุโขทัย 

นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการปฏิรูปกองทัพ ภาพรวมการพัฒนากองทัพ และผลการปฏิบัติงานของกองทัพในด้านโครงสร้างการจัดหน่วยและด้านกำลังพล ว่า กระทรวงกลาโหมก็ได้ดำเนินการปรับลดอัตรากำลังลงอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้กองทัพมีขนาดที่เหมาะสม สอดคล้องกับสภาวะแวดล้อมด้านความมั่นคง และเทคโนโลยีที่มีความทันสมัยมากขึ้น จากเดิมยอดกำลังพลที่มีอยู่ ได้กำหนดเป้าหมายปรับลดลงให้ได้ร้อยละ 5 ภายในเดือนกันยายน 2570 จะส่งผลให้สามารถลดกำลังพลได้ประมาณ 12,000 นาย นอกจากนี้ ยังมีการนำระบบข้าราชการพลเรือนกลาโหมมาใช้เพื่อลดจำนวนอัตราข้าราชการทหาร และแก้ปัญหาความคับคั่งในแต่ละชั้นยศ โดยเฉพาะชั้นยศระดับสูงในอนาคต โดยจะเป็นการบรรจุข้าราชการพลเรือนกลาโหมในตำแหน่งหน้าที่ที่ต้องใช้ความชำนาญเฉพาะทางในกลุ่มลักษณะงานต่าง ๆ ซึ่งหลายประเทศก็ทำเช่นนี้ 

 

นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปถึงการตรวจเลือกทหารกองประจำการว่า ในปัจจุบันระบบการตรวจเลือกบุคคลเข้าประจำการเป็นทหารกองประจำการ ได้ใช้การผสมผสานระหว่างระบบการตรวจเลือก หรือเรียกว่าการเกณฑ์ และระบบสมัครใจ ผ่านออนไลน์และสมัครใจที่หน้าหน่วยตรวจเลือก โดยกระทรวงกลาโหมมีแนวคิดในการพัฒนาระบบการเข้าประจำการของทหารกองประจำการ ไปสู่เป้าหมายที่จะให้มีผู้สมัครใจเข้ารับราชการเป็นทหารกองประจำการได้อย่างสมบูรณ์ในระยะยาว ซึ่งวันนี้มีคนสมัครมากขึ้น และมีผู้สมัครที่ได้มีความก้าวหน้าเป็นนายสิบ นายร้อย ต่อไป อย่างไรก็ตาม จำนวนการเกณฑ์นี้ก็ไม่ถึง 50% ที่จะต้องเกณฑ์ ถือว่าเป็นการเกณฑ์ในระดับที่ต่ำสุดอยู่แล้ว คนที่จับได้ใบดำก็ไม่ต้องเป็นทหาร บางคนก็เรียนนักศึกษาวิชาทหาร ก็ไม่ถูกเกณฑ์ บางพื้นที่ก็ไม่ถูกเกณฑ์มากเพราะคนในพื้นที่สมัครใจ ทุกอย่างเคลื่อนที่ไปได้ด้วยดี หลายท่านบอกว่าไม่ต้องมีหรอกทหาร ถ้ามีเรื่องมาก็ขอให้ท่านไปเป็นแล้วกันถ้ามีเรื่องมา ไปอยู่ชายแดนให้ด้วย หรือมีเหตุการณ์อะไรต่าง ๆ ก็ขอให้ไปช่วยแก้ปัญหาด้วย อย่าพูดปากเปล่าเฉย ๆ วันนี้ท่านก็รู้ว่าโลกมีปัญหาอะไรอยู่ ความขัดแย้งพร้อมจะเกิดขึ้นตลอดเวลา 

นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการพัฒนาและปรับปรุงระบบสวัสดิการกองทัพ กระทรวงกลาโหมได้เน้นการพัฒนาและส่งเสริมคุณภาพชีวิตของกำลังพล รวมถึงครอบครัวด้วยการสร้างขวัญและกำลังใจสิทธิกำลังพล สถานที่ปฏิบัติงาน บ้านพักอาศัย สิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นและสิทธิอื่น ๆ ที่พึงได้รับอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกำลังพลชั้นผู้น้อย การจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ได้มีการดำเนินการขับเคลื่อนดูแลกำลังพลชั้นผู้น้อยมาโดยต่อเนื่อง โดยเรื่องการจัดสวัสดิการเป็นเรื่องสำคัญ ได้แบ่งการดำเนินงานตามประเภทการจัดสวัสดิการภายใน และสวัสดิการเชิงธุรกิจ ให้มีความชัดเจน สอดคล้องกับระเบียบ ประกาศ และคำสั่งที่เกี่ยวข้อง โดยในส่วนของการจัดสวัสดิการเชิงธรุกิจ ก็ได้ให้ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาบริหารงาน ซึ่งอยู่ในกติกา กฎหมาย ระเบียบกระทรวงการคลังอยู่แล้ว  

สำหรับในส่วนของการเตรียมความพร้อมด้านยุทโธปกรณ์ ยืนยันว่าจำเป็นต้องมีความพร้อม ถ้าบอกว่าไม่ต้องมีก็ได้ ถ้าซื้อแล้วจะทุจริตจะโกง นั้น คิดแบบนี้ไม่ได้ ถ้าโกงก็ต้องสอบสวน ลงโทษ ติดคุก ถ้าพูดแบบนี้แล้วกลายเป็นว่าไม่ต้องทำอะไรเลย ก็ขอเชิญท่านที่พูดไปขึ้นเครื่องบิน C130 จะกล้าขึ้นหรือไม่เพราะเครื่องบินแต่ละลำมีอายุ 40 ปีแล้ว นักบินทหารก็มีความเสี่ยง รถถัง เรือและอากาศยานที่ประจำการอยู่ มีอายุการใช้งานมากกว่า 40 ปีแล้ว กระทรวงกลาโหมมีแนวความคิดในการจัดหายุทโธปกรณ์ โดยคำนึงถึงภัยคุกคามใน 5-10 ปีข้างหน้า ในการรักษาอธิปไตย และความมั่นคงของชาติในรูปแบบต่าง ๆ ตลอดจนเพียงพอต่อการปฏิบัติภารกิจอื่น ๆ ที่ได้รับมอบหมาย มุ่งเน้นการซ่อมปรับปรุงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งานยุทโธปกรณ์ที่มีอยู่เดิม สำหรับการจัดหายุทโธปกรณ์ใหม่นั้น จะดำเนินการเฉพาะเท่าที่มีความจำเป็นเพื่อทดแทนยุทโธปกรณ์สำคัญที่เก่าล้าสมัย หมดอายุการใช้งาน และขาดแคลนชิ้นส่วนซ่อม รวมทั้งให้ความสำคัญในนโยบายพึ่งพาตนเอง เพื่อลดการจัดหาจากต่างประเทศ 

นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงกรณีเรือหลวงสุโขทัย กองทัพเรือได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริง พร้อมทั้งได้ตั้งคณะทำงาน จำนวน 2 คณะ ได้แก่ 1) คณะทำงานตรวจสอบหาสาเหตุที่ทำให้เรือหลวงสุโขทัยอับปาง และ 2) คณะทำงานตรวจสอบขั้นตอนของการสละเรือใหญ่ การค้นหา และช่วยเหลือกำลังพลภายหลังประสบเหตุ ซึ่งในขณะนี้ คณะกรรมการทั้งสองคณะได้เร่งดำเนินการสอบผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงโดยเร็ว รวมทั้งได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดตามระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบควบคู่ไปกับคณะกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริง โดยในส่วนของการช่วยเหลือกำลังพลที่ประสบภัยและสูญเสียชีวิตนั้น กระทรวงกลาโหมโดยกองทัพเรือได้ช่วยเหลือกำลังพลและครอบครัว รวมถึงทายาท ตามสิทธิที่พึงได้รับในขั้นต้น พระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว การเสนอเลื่อนชั้นเงินเดือน การเสนอขอพระราชทานยศ การเลื่อนยศสูงขึ้น การเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ บำเหน็จตกทอด บำนาญพิเศษ และการบรรจุทายาททดแทน 

นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการปฏิรูปตำรวจ เป็นเรื่องสำคัญ ต้องทำทันที ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก และไม่ไปสร้างปัญหาใหม่ องค์กรตำรวจ เป็นองค์การขนาดใหญ่ มีหน่วยงานหลายร้อย หลายพันทั่วประเทศ เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่นับแสน รัฐบาลได้ผลักดัน พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ถือเป็นกฎหมายปฏิรูปตำรวจครั้งสำคัญของประเทศ ที่สังคมรอคอย โดยขจัดข้อบกพร่องเดิม ปิดจุดอ่อนจากกฎหมายเดิม จัดระบบการทำงานและแนวทางรับราชการ แบ่งเป็น 5 สายงาน ที่ชัดเจน การจัดสรรงบประมาณให้เพียงพอ การโยกย้ายยึดหลักอาวุโส และประสิทธิภาพในการทำงาน มีคณะกรรมการพิทักษ์คุณธรรม รับเรื่องร้องเรียน ถ้าใครคิดว่าเสียเงินแต่งตั้งตำรวจให้มาหานายกรัฐมนตรี เพราะนายกฯ ไม่เคยมีนโยบายให้ใครไปเรียกรับผลประโยชน์ ถ้าใครปล่อยปละละเลย มีหลักฐาน จะให้สอบสวนดำเนินการ โดยสั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการแก้แก้ไขปัญหานี้อย่างเร่งด่วนแล้ว สิ่งสำคัญคือถ้าใครเรียกเงิน อย่าไปให้เขา ถ้าเขาเรียก ให้ไปแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณในการอภิปรายของสมาชิก พร้อมยืนยันในหลักการว่านายกรัฐมนตรีทำอย่างเต็มที่

การแก้ไขปัญหาที่ดิน

นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการแก้ไขปัญหาที่ดินว่ารัฐบาลพยายามทำอย่างยิ่งยวด เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและเป็นไปตามกฎหมายที่กำหนดไว้ไม่ต้องการที่จะรังแกใครทั้งสิ้น โดยจะเห็นได้ว่าหลังจากนโยบายแรกที่ออกมา เรื่องของการดูแลผืนป่าของประเทศ จากนั้นก็มีการปรับเป็นคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ซึ่งจะให้ทุกอย่างเป็นโฉนดทั้งหมดคงเป็นไปได้ยาก แต่ตรงนี้ต้องดูว่าจะทำอย่างไรให้ถูกต้อง ให้ทุกคนสามารถมีที่อยู่ที่อาศัย ที่ทำกิน และสามารถให้กับทายาทได้แต่ ถ้าเป็นโฉนดก็จะหมดไปเรื่อย ๆ ก็จะไม่มีที่ดินที่เพียงพอให้กับใครต่อไป จึงขอชี้แจงให้ทราบในเรื่องนี้

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าในอดีตนั้นก็พยายามจะเร่งในการให้เกิดการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจส่งผลทำให้มีการเข้าใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างไม่เหมาะสม ทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างประชาชนกับภาครัฐ เกิดความเหลื่อมล้ำ ความไม่เป็นธรรมในการเข้าถึงทรัพยากรที่ดิน การกระจุกตัวของการถือครองที่ดิน การไร้ที่ดินทำกิน การบุกรุกที่ดินของรัฐ การใช้ประโยชน์ไม่ตรงตามศักยภาพของที่ดิน ตลอดจนการทิ้งร้างไม่ทำประโยชน์ ดังนั้นรัฐบาลจึงมีนโยบายในการบริหารจัดการที่ดินอย่างบูรณาการ

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในเรื่องของแผนการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินของประเทศ พ.ศ. 2566 ถึง 2580 ก็เพื่อจะจัดทำแนวเขตที่ดินของรัฐให้มีความชัดเจน เพิ่มการรักษาพื้นที่ป่าธรรมชาติและป่าเศรษฐกิจ เพื่อใช้ประโยชน์ให้มีสัดส่วนร้อยละ 50 ของพื้นที่ประเทศ รวมทั้งนำที่ดินและทรัพยากรดินของประเทศมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด กระจายการถือครองที่ดินของประเทศให้มีการกระจายตัวมากขึ้น โดยเป้าหมายระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2566-2570) คือ การปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการมาตราส่วน 1 : 4000 (One Map) แล้วเสร็จ เป้าหมายระยะ 10 ปี (พ.ศ. 2571-2575) คือ การแก้ไขความขัดแย้ง/ข้อพิพาทระหว่างหน่วยงานของรัฐกับประชาชน และเป้าหมายระยะ 15 ปี (พ.ศ. 2576-2580) คือการเพิ่มพื้นที่ป่ามีสัดส่วนร้อยละ 50 ของพื้นที่ประเทศ ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบ (ร่าง) นโยบายและแผนการบริหารจัดการที่ดินแล้วเมื่อวันที่ 22 พ.ย. 2565

นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินฯ One Map เป็นปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินเพื่อให้มีแนวเขตที่ดินของรัฐที่ถูกต้อง ทันสมัย อยู่บนมาตรฐานแผนที่มาตราส่วน 1 : 4000 เพื่อไม่ให้เกิดการทับซ้อนกันของที่ดินของรัฐโดยมีเป้าหมายการดำเนินงานแบ่งออกเป็น 7 กลุ่ม กลุ่มละ 11 จังหวัด ดังนี้

กลุ่มที่ 1 นนทบุรี นครปฐม อ่างทอง สิงห์บุรี สมุทรสงคราม กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา สมุทรสาคร สุพรรณบุรี

กลุ่มที่ 2 จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ชัยนาท ตราด นครนายก นครสวรรค์ ระยอง ลพบุรี ศรีสะเกษ และสระบุรี ยกเว้นกรณี พื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้าหมู่เกาะเสม็ด

กลุ่มที่ 3 นครราชสีมา บุรีรัมย์ ปราจีนบุรี มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ชัยภูมิ สระแก้ว สุรินทร์  อุบลราชธานี เพชรบูรณ์ และเลย (ยกเว้นแนวเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ในพื้นที่นครราชสีมาและปราจีนบุรี)

กลุ่มที่ 4 กาฬสินธุ์ ขอนแก่น นครพนม บึงกาฬ มุกดาหาร ยโสธร สกลนคร หนองคาย หนองบัวลำภู อำนาจเจริญ และอุดรธานี (อยู่ระหว่างดำเนินการ)

กลุ่มที่ 5 สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช กระบี่ ภูเก็ต ตรัง พัทลุง สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส (อยู่ระหว่างดำเนินการ)

กลุ่มที่ 6 เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำพูน ตาก กาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง และพังงา (อยู่ระหว่างดำเนินการ)

กลุ่มที่ 7 เชียงราย พะเยา น่าน ลำปาง แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย กำแพงเพชร พิจิตร พิษณุโลก และอุทัยธานี (อยู่ระหว่างดำเนินการ) 

นอกจากนี้ ครม. ได้มีมติเมื่อวันที่ 22 พ.ย. 65 เห็นชอบแนวทางการแก้ไขปัญหาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชนจากการดำเนินงานปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินฯ One Map โดยมีแนวทางสรุปได้ว่า การดำเนินการดังกล่าวไม่ได้เป็นการยกเลิกเพิกถอนเอกสารสิทธิ หรือสิทธิครอบครองตามประมวลกฎหมายที่ดินของประชาชนแต่อย่างใด โดยหากประชาชนได้รับกระทบจากการดำเนินการดังกล่าว หน่วยงานที่มีที่ดินของรัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องบูรณาการแก้ไขปัญหาให้เป็นที่ยุติโดยเร็ว เช่น การตรวจสอบข้อเท็จจริง การเปิดให้ประชาชนที่ได้รับการจัดสรรที่ดินที่มีข้อโต้แย้ง สามารถพิจารณาดำเนินพิสูจน์สิทธิตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

สำหรับการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2558-2565 นั้น ครม. ได้มีมติเมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 58 อนุมัติหลักการการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาลในลักษณะแปลงรวมโดยมิให้กรรมสิทธิ์ แต่อนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในที่ดินของรัฐเป็นกลุ่มหรือชุมชน โดยมีพื้นที่เป้าหมาย 1,491 พื้นที่ 70 จังหวัด เนื้อที่ประมาณ 5,792,145-1-71.75 ไร่ ขณะนี้ออกหนังสืออนุญาตแล้ว 1.3 ล้านไร่ คนใช้ประโยชน์แล้ว 78,109 ราย โดยพื้นที่เป้าหมายที่ดำเนินการมีทั้งป่าสงวนแห่งชาติ ป่าตาม พ.ร.บป่าไม้ 2484 ป่าไม้ถาวร ป่าชายเลน ที่ดินเขตปฏิรูปที่ดิน ที่ดินสาธารณประโยชน์ ที่ดินราชพัสดุ นิคมสหกรณ์ ที่ดินสงวนเพื่อกิจการ ในนิคมสร้างตนเอง เป็นต้น ทั้งนี้ การดำเนินการทั้งหมดนี้ได้มีการดำเนินการมาอย่างเป็นระยะต่อเนื่อง ตามขั้นตอนและเห็นชอบขอบเขตแล้ว พื้นที่เป้าหมายหลังจากเห็นชอบขอบเขตแล้ว ออกหนังสืออนุญาต และมีการจัดคนเข้าใช้ประโยชน์ที่ดินแล้ว นอกจากนั้นยังมีการส่งเสริมพัฒนาอาชีพด้วย

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net