Skip to main content
sharethis

‘เศรษฐา’ ชี้โอกาสที่จะโค่นอำนาจเผด็จการมาถึงอีกครั้ง ชวนคนไทย เลือก ‘เพื่อไทย’ ให้เด็ดขาด เลือกให้แลนสไดล์ ประเทศไทยเปลี่ยนทันที - 'อนุทิน' ขอคืนสยามเมืองยิ้ม สลายขั้วขัดแย้ง มุ่งทำงาน ยกระดับความเป็นอยู่ประชาชน

7 พ.ค. 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊ค ระบุว่าโจทย์ที่ผมอยากเห็นประเทศไทยเป็นสถานที่ที่คนอยากอยู่ อยากทำงาน อยากใช้ชีวิต ไม่จำเป็นต้องกระจุกอยู่แต่ในเมืองใหญ่ คนธรรมดา มีชีวิตที่ดี มีความภาคภูมิใจ มีศักดิ์ศรี มีกฏหมายที่บังคับใช้อย่างเป็นธรรม คนทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน

เมื่อวันที่ 5 ที่ผ่านมาในเวทีที่ Siam Paragon ที่ได้พบกับคนหลากหลายกลุ่ม เจอตั้งแต่รุ่นใหม่จนรุ่นเก๋า(ที่ไม่เก่า) คนที่เริ่มทำงาน มีไฟแรงกล้า เป็นกลุ่มที่จะช่วยผลักดันเศรษฐกิจของประเทศ ส่งผลต่อทิศทางของประเทศในอนาคต 
คนเหล่านี้เป็น Generation ที่เกิดมาพร้อมเทคโนโลยีที่ก้าวกระโดดครับ เข้าถึงแหล่งข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว แทบจะไร้ขีดจำกัดด้วย Search Engine, Social Media, หรือแม้กระทั่ง ChatGPT เทียบกับสมัยของผมที่ต้องรอฟังข่าวหรืออ่านจากหนังสือพิมพ์

เทคโนโลยีไม่ได้นำมาแต่ความสะดวกสบาย แต่เป็นความกดดันที่มากขึ้นสำหรับคนยุคใหม่ด้วย คนรุ่นใหม่ถูกคาดหวังว่าจะต้องพร้อมที่จะเรียนรู้ ต้องฝันไกล ต้องทำให้ครอบครัวอยู่สบาย ต้องมีกินมีใช้ ต้องเก่งกว่าคนรุ่นพ่อแม่ ต้องอะไรหลายๆอย่างอีกมากมาย ความ “คาดหวัง” จากสังคมอาจจะไม่ใช่ “ความหวัง” ของคนเหล่านี้ ถ้าผู้ใหญ่ลองสวมหมวกของคนรุ่นใหม่ดู ผมว่าทุกท่านคงรู้สึกเห็นใจ การคืนและเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ทำตาม “ความหวัง” ได้ เป็นโจทย์ใหญ่ของผมในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนที่ 30

เรื่องของเศรษฐกิจ ผมได้พูดถึงนโยบายของพรรคไปหลายเรื่องก่อนหน้านี้ ทั้งกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท การยกระดับรายได้เกษตรกร วันนี้ผมเลยอยากพูดถึงโจทย์อีกข้อที่สำคัญของผม คือการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น ทำให้ประเทศไทยเนื้อหอมอีกครั้ง กรุงเทพเรามีศักยภาพมาก เป็นหน้าที่ของผู้นำที่จะต้องออกไปเจรจา นำเงินลงทุน นำศักยภาพจากต่างชาติเข้ามาพัฒนาเศรษฐกิจให้กับประเทศไทย สร้างงานและอาชีพ

ผมได้มีโอกาสพบกับทูต 23 ประเทศในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีมูลค่าเศรษฐกิจรวมกันมากกว่า 70% ของโลก ทุกประเทศล้วนให้ความสนใจกับการพัฒนาความร่วมมือกับประเทศไทยทั้งสิ้น แต่มีหลายเรื่องที่ถูกยกมาเป็นข้อติดขัด ไม่ว่าจะเป็นการขอวีซ่า การขอใบอนุญาต อุปสรรคด้านคอรัปชั่น ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญ ส่งผลกระทบต่อการทำธุรกิจและลงทุนของบริษัทข้ามชาติจำนวนมาก

อีกเรื่องที่ได้พูดคุยกับท่านทูตยุโรปคือเรื่องการเจรจาเพื่อพี่น้องชาวประมง ในรัฐบาลที่ผ่านมาได้ไปเซ็นกฏ IUU ที่ทำให้ชาวประมงออกหากินไม่ได้ เรือกว่า 40,000 ลำจอดอยู่ ส่งผลต่อคนนับแสนที่เกี่ยวข้องกับการประมง ผมยกประเด็นนี้ไปแล้วบอกกับท่านไปว่าผมจะกลับไปเจรจาเพื่อชาวประมงไทย ทำให้ประเทศไทยกลับมาเป็นเจ้าสมุทรอีกครั้ง

อีกเรื่องที่อยากจะย้ำคือความห่วงใยของคนกรุงเทพ ที่รัฐบาลจะใช้เงินภาษีอย่างสุรุ่ยสุร่าย ผมเองก็เป็นผู้เสียภาษี ผมเข้าใจความเป็นห่วงเหล่านี้ดี และผมขอให้มั่นใจว่าหากผมได้เข้าไปทำงานให้พี่น้องประชาชน การวางแผนใช้จ่ายเงินจะต้องมีจุดประสงค์ที่ชัดเจน จับต้องได้ 

ในช่วงท้ายของงาน ผมได้ทิ้งท้ายไว้ถึงเหตุผลที่ทำไมเราต้องมาพูดคุยกันเรื่องแลนสไลด์ในวันนี้ หลังจากรัฐประหารปี 57 ประเทศไทยได้ถูกปรับแก้กฏกติกา เสียงของประชาชนกับผู้มีอำนาจ มีไม่เท่ากัน ถูกกลไกภาครัฐที่บิดเบือน นำมาซึ่งรัฐธรรมนูญ 60 ที่ไม่เป็นธรรม พวกเราประชาชนคนไทยตอนนั้นหวังว่าการเลือกตั้งในปี 62 จะทำให้ประชาธิปไตยกลับมาเป็นของประชาชนอีกครั้ง 

อย่างที่ทราบดี ประชาชนแพ้ ฝ่ายประชาธิปไตยแพ้ พวกเรารวมเสียงได้ รวมเป็น 234/500 ที่นั่ง โดยพรรคเพื่อไทยได้ที่นั่งมากที่สุดถึง 137 ที่นั่ง หากวันนั้นเรารวมใจ ประชาชนคนไทยให้เพื่อไทยอีก 17 ที่นั่ง เยาวชนไทย ประเทศไทย คงไม่เผชิญปัญหาหลากหลายอย่างในช่วงที่ผ่านมา

ทีม Data Analytics ของพรรคเพื่อไทยวิเคราะห์มา กว่าครึ่งนึงในเขตที่พรรคเพื่อไทยแพ้จากร้อยกว่าเขต เป็นเขตที่ฝั่งประชาธิปไตยเรารวมใจกันไม่พอ หากพวกเรารวมใจให้พรรคเพื่อไทยในวันนั้น วันนี้เราคงจะไม่ “จนแล้ว จนอยู่ จนต่อ” เยาวชนคนไทยจะไม่ถูกจับเพราะเห็นต่าง และวลี “ชังชาติ” คงจะไม่ถูกนำมาใช้โดยกลุ่มผู้ใหญ่ในบ้านเมืองที่ฝักใฝ่เผด็จการ 

วันที่ 14 พฤษภาคมนี้ โอกาสที่เราจะโค่นอำนาจเผด็จการมาถึงอีกครั้ง ผมขอให้ประชาชนคนไทย ไม่ว่าจะเป็นคนรุ่นไหน คนกรุงเทพ คนต่างจังหวัด คนอนุรักษ์นิยม คนเสรีนิยม ทหาร ตำรวจ ข้าราชการ ขอให้รวมใจโหวตให้พรรคเพื่อไทย โหวตให้ผม เศรษฐา ทวีสิน ให้ผมไปเปลี่ยนประเทศ “ทันที”

ผมจะทุ่มเท คืนความหวังและอนาคตของประเทศที่ได้ศูนย์หายไป นำประสบการณ์การปั้นธุรกิจฝ่าวิกฤตมาหลายครั้ง ร่วมกับพรรคเพื่อไทยที่เป็นมีผลงานจริงตอนเป็นรัฐบาลมากมาย วันนี้เรารอไม่ได้แล้วครับ จากหนี้สาธารณะต่อ GDP ที่สูงเกินกว่า 60% หนี้ครัวเรือนที่สูงถึง 90% ประชาชนคนไทยมีรัฐบาลลองงานไม่ได้แล้วครับ 

เลือก “เพื่อไทย” ให้เด็ดขาด เลือกให้แลนสไดล์ ประเทศไทยเปลี่ยนทันทีเลย

เอกชนขอนแก่นตอบรับนโยบาย ‘เขตธุรกิจใหม่’ เพื่อไทย ชี้ตอบโจทย์กระจายอำนาจทางเศรษฐกิจท้องถิ่น ‘พรหมินทร์’ พร้อมดึงคนพื้นร่วมทำงานเพื่อประเทศ

ทีมสื่อพรรคเพื่อไทยแจ้งข่าวว่า เมื่อวันที่ 6 พ.ค. 2566 พรรคเพื่อไทย นำโดย นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานนโยบายพรรคเพื่อไทย และประธานคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย นายพิชัย นริพทะพันธุ์ ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ดร.ปานปรีย์ พหิทธานุกร ​​ที่ปรึกษาคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล ​​รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และกรรมการ เลขานุการ และโฆษกคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย นายกฤตนัน สุทธิธนาเลิศ เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายกระจายอำนาจ พรรคเพื่อไทย นายธนวรรษ เพ็งดิษฐ์ ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย พบผู้ประกอบการ จ.ขอนแก่น เพื่อแลกเปลี่ยนในประเด็นเขตธุรกิจใหม่ (New business zone) ซึ่งขอนแก่นเป็น 1 ใน 4 จังหวัดเขตธุรกิจใหม่นำร่อง ซึ่งได้แก่ ขอนแก่น เชียงใหม่ สงขลา และ กทม. ร่วมกับหอการค้า จังหวัดขอนแก่น ,สภาอุตสาหกรรมจังหวัดขอนแก่น ,ธนาคารแห่งประเทศไทยสำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, สมาคมATSME , คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี มหาวิทยาลัยขอนแก่น , สมาคมท่องเที่ยวและไมซ์จังหวัดขอนแก่น ,สมาคมศิษย์เก่า MBA คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น, ชมรมธนาคาร, กลุ่ม YEC (Young Enterpreneur Chamber of commerce)นักธุรกิจรุ่นใหม่ และผู้นำองค์กร สมาคม ชมรม และผู้ประกอบการในจังหวัดขอนแก่น ที่ โรงแรมบายาสิตา มหาวิทยาลัยขอนแก่น ทั้งนี้ ตัวแทนของผู้ประกอบการ ได้สอบถาม และยื่นหนังสือและแผนการพัฒนาเมืองขอนแก่นในหลายด้าน เช่น

1.หากพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล อยากให้ผลักดันเขตเศรษฐกิจดิจิทัลพิเศษ ซึ่งจัดร่างโครงการแล้ว แต่ถูกระงับไว้

2.อยากให้ส่งเสริมซอฟต์ พาวเวอร์ ระดับจังหวัด โดยขอนแก่น มีกองทุนเมืองหนัง จึงอยากให้พรรคเพื่อไทยส่งเสริม

3..อยากให้รัฐบาลเพื่อไทย ส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงตลาดทุน อยากให้เอาเครื่องมือคนรวยมาแบ่งคนจน

4.อยากให้มีโครงการ ‘เกิดมาก็ออมแล้ว’ เด็กไทยเกิดมาจะมีเงินออม โดยหักจากภาษี Vat ในจำนวนระดับ 0.001-0.005% เมื่ออายุ 20 ปี ให้เด็กตัดสินใจในเงินออมเอง

5.ขอพื้นที่แหล่งน้ำในชาวขอนแก่น

6.ส่งเสริมการเลี้ยงโคเนื้อ

7.สนามบินขอนแก่นมีความพร้อมเปิดเส้นทางบินต่างประเทศได้

นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานนโยบายพรรคเพื่อไทย และประธานคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า แนวคิดของเขตธุรกิจใหม่ (New business zone) เป็นอีกนโยบายหนึ่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจและกระจายอำนาจทางเศรษฐกิจไปในระดับภูมิภาค โดยเขตธุรกิจใหม่ จะขยายตัวได้ด้วยการนำเอาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม รวมถึงการศึกษา ต้องเชื่อมเข้าด้วยกันกับภาคธุรกิจ และภาคเอกชนที่มีความพร้อม ซึ่งเขตธุรกิจใหม่จะเป็นอีกกลไกหนึ่งในการกระจายอำนาจ ซึ่งเป็นนโยบายหลักสำคัญของพรรคเพื่อไทย

ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยมองเห็นว่าภาคการบริการ เมื่อรวมเข้ากับมาตรฐานการรักษาพยาบาลของไทยที่เทียบเท่าระดับโลก เป็นโอกาสสำคัญในการสร้างรายได้เข้าประเทศ ที่สามารถเพิ่มการท่องเที่ยวในระยะยาว (Long stay) ในไทยมากขึ้น สร้างเม็ดเงินจับจ่ายในท้อวถิ่นมากขึ้น ส่วนประเด็นเรื่องแหล่งน้ำ พรรคเพื่อไทย ได้จัดสรรงบประมาณในการบริหารจัดการน้ำท่วมน้ำแล้งแล้ว หากได้เป็นรัฐบาลพร้อมทำทันที ขณะที่การส่งเสริมการเลี้ยงโคเนื้อ พรรคเพื่อไทยมีโครงการโคเงินล้าน ที่มีการจัดหาแหล่งเงินทุน และตลาดส่งออก รวมทั้งเตรียมจัดตั้งหน่วยงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ (THACCA) ขึ้นมาเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ที่ขอนแก่นมีอยู่แล้วด้วย

‘พรรคเพื่อไทย หัวใจคือประชาชน เรามานำเสนอนโยบาย ท่านเสนอแนะ ผมจดไว้ ซึ่งหลายเรื่องเรามีคำตอบแล้ว เราอยากมีส่วนประกอบของเอกชนเข้าไปปลดเปลื้องโครงสร้างของรัฐ เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการให้มากขึ้น’ นพ.พรหมินทร์ กล่าว

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า 4 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจเติบโตเพียงแค่ 1% ส่วนเศรษฐกิจดิจิตัลไทยมีมูลค่าต่อจีดีพีเพียง 10% ในขณะที่ต่างประเทศอยู่ที่ 30-40% ดังนั้นการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลยังมีโอกาสมูลค่าเพิ่มให้ประเทศได้ พร้อมย้ำว่าหากเพื่อไทยเป็นรัฐบาลครั้งแรกจะลดค่าไฟฟ้า ค่าแก๊ซทันทีในการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรก ยืนยันเราพูดภายใต้หลักคิดที่สามารถทำได้จริง

ดร.ปานปรีย์ พหิทธานุกร ​​ที่ปรึกษาคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เขตธุรกิจใหม่ เราให้ความสำคัญมาก หากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลเราจะให้ความสำคัญกับภูมิภาค และมีความพร้อมที่จะเจรจาการค้ากับลาว จีน ฯลฯ ซึ่งเรามีความชำนาญและจะเร่งดำเนินการทันทีที่เป็นรัฐบาลแน่นอน เหมือนเช่นที่เคยเจรจา FTA กับประเทศต่างๆ มาแล้ว รวมทั้งเพิ่มเติมการเตรียมความพร้อมเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัลแบบครบวงจร ซึ่งพรรคเพื่อไทยพร้อมดำเนินการ

ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล ​​รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และกรรมการ เลขานุการ และโฆษกคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ประเทศไทยมีอุปสรรคในการทำธุรกิจ 3 ด้าน ได้แก่ ด้านกฎหมายที่เป็นข้อจำกัดในการดำเนินธุรกิจ , สิทธิประโยชน์กระจุกตัวในเขตที่รัฐใช้ในการสร้างขึ้นมา หรือ อีอีซี และปัญหาด้านแรงงาน ทั้งแรงงานทักษะสูง และแรงงานทักษะต่ำ ทั้งนี้การกิโยตินกฎหมายใช้เวลานาน จึงต้องตีกรอบเชิงพื้นที่ และมีกฎหมายที่ดึงดูดในพื้นที่นั้น โดยเหตุผลที่พรรคเพื่อไทยไม่เลือกใช้อีอีซี เพราะให้สิทธิประโยชน์เฉพาะกับนักลงทุนต่างชาติ ทำเพียงส่วนเดียว ไม่สามารถแก้ปัญหาทั้ง 3 ด้านข้างต้น ดังนั้นพรรคเพื่อไทยมีทางออก 3 ใหม่ ดังนี้

1. มีกฎหมายธุรกิจชุดใหม่ เราร่างแล้วมี 67 มาตรา มีความเฉพาะเชิงพื้นที่

2. สิทธิประโยชน์ใหม่ เช่น ภาษีสำหรับแรงงาน ภาษีที่ดิน ภาษีนำเข้าและส่งออก

3. โครงสร้างพื้นฐานใหม่ เช่น โครงส้รางพื้นฐานการบิน ที่ จ.เชียงใหม่ สุวรรณภูมิ ขอนแก่น ภูเก็ต

“เรามีกรอบการทำงาน รายละเอียด เรามาคุยกัน เพื่อให้รายละเอียดมีความยืดหยุ่น เพื่อประโยชย์สูงสุดของพวกท่าน” ดร.เผ่าภูมิ กล่าว

นายธนวรรษ เพ็งดิษฐ์ ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กฎหมายที่เราร่างขึ้น คัดเลือกเอากฎหมายที่ดีจากบีโอไอ การนิคมอุตสาหกรรม มีหลักนิติธรรมระบุชัดในกฎหมาย มีการใช้ระบบอนุญาโตตุลาการ ในกรณีที่ภาคเอกชนมีข้อขัดแย้งกัน และขจัดอุปสรรคไม่อยากให้ใครเป็นฝ่ายโจทย์ จำเลย ต่างชาติที่มาลงทุนจะได้รับความรุ้มครองและได้รับความยุติธรรม นำมาซึ่งการฟ้องร้องเสียหาย สร้างความเชื่อมั่นให้กับต่างชาติได้ เพราะไม่ต้องจ่ายใต้โต๊ะ ต่างชาติที่มาลงทุนมีความมั่นใจ

“เขตธุรกิจใหม่ จะมีบอร์ด New business zone และมีคณะกรรมการของท้องถิ่น เมื่อต้องมีการขออนุมัติโครงการใหม่ๆ สามารถทำได้ในท้องถิ่นทันที ไม่ต้องวิ่งไปที่ส่วนกลาง ลดเวลาและป้องกันการจ่ายใต้โต๊ะ” นายธนวรรษ กล่าว
นอกจากนี้ พรรคเพื่อไทยยังได้เยี่ยมชมอาคารอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นแหล่งรวมหน่วยงานวิจัยและพัฒนาด้านเกษตร วิทยาศาสตร์ และนวัตกรรม จำนวนมาก เช่น ห้องปฏิบัติการฟีโนมนานาชาติแห่งมหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นต้น

'อนุทิน' ขอคืนสยามเมืองยิ้ม สลายขั้วขัดแย้ง มุ่งทำงาน ยกระดับความเป็นอยู่ประชาชน

ผู้จัดการออนไลน์ รายงานเมื่อวันที่ 6 พ.ค. 2566 ว่าที่ลานพระบรมราชานุสาวรีย์พระเจ้าตากสินมหาราช วงเวียนใหญ่ เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมคณะผู้บริหาร และแกนนำพรรค นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ผอ.การเลือกตั้ง กทม. ผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ, นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรค ผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ, นางสาวอนุสรี ทับสุวรรณ ผู้สมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อ พร้อมทีมผู้สมัครพื้นที่ฝั่งธน ได้เดินทางมาช่วยนายโชติพิพัฒน์ เตชะโสภณมณี ผู้สมัคร ส.ส. กรุงเทพมหานคร เขต 26 หาเสียง มีประชาชน มารับฟังการปราศรัยเป็นจำนวนมาก

ทันทีที่นายอนุทินและคณะมาถึง ได้เข้าไปสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระเจ้าตากสินมหาราช นายอนุทิน กล่าวว่า ตนมาสักการะ และมาขอท่านใช้พื้นที่นำเสนอนโยบาย พร้อมขอให้คนไทย มีความสุข ก่อนขึ้นเวทีปราศรัย ประชาชนปรบมือต้อนรับอย่างกึกก้อง นายอนุทิน กล่าวในการปราศรัย ว่าเกือบ 20 ปีที่การเมืองไทยจมปลักอยู่กับความขัดแย้ง มันทำให้ความก้าวหน้าที่ควรจะเป็น ถูกรั้งเอาไว้ แต่ประชาชนก็อดทนกันมาได้ แต่จากปัญหา 2 ทศวรรษ สถานการณ์ที่เป็นอยู่ เราไม่ได้อดทนแต่เราต้องทนอดซึ่งมันไม่สมควรเกิดขึ้น จำได้ไหมครั้งหนึ่งประเทศไทยได้ชื่อว่าเป็นสยามเมืองยิ้ม ชั่วโมงนั้นบ้านเมืองสงบ คนไทยมีความสามัคคี ประเทศไทยพัฒนาไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง เศรษฐกิจเติบโต แล้วย้อนกลับมาดูช่วง 20 ปีหลังเกิดอะไรขึ้นบ้าง ประชาชนมีชีวิตที่ดีขึ้นหรือไม่ ทุกท่านตอบคำถามตรงนี้ได้ ถึงเวลาแล้วที่คนไทย ต้องกลับมาจับมือช่วยกันผลักดันประเทศไปข้างหน้า ให้พี่น้องมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

" ทั้งโลกรู้จักเราในฐานะของสยามเมืองยิ้ม มีการเข้ามาลงทุน เข้ามาท่องเที่ยว ทำให้เรามีความเจริญรุ่งเรือง แต่พอเราทะเลาะกันสิ่งเหล่านี้ก็หายไป ตอนนี้เรายังกลับตัวทัน ประเทศไทยต้องการการเมืองที่สร้างสรรค์ ต้องการเห็นคนไทยสามัคคี ซึ่งพรรคภูมิใจไทย อาสามาทำให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น ถ้าเรามีโอกาสทำงานเราทำได้จริงแน่นอน"

นายอนุทิน กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอให้กลับไปดูที่เนื้อในการทำงานของพรรค ในสภาผู้แทนราษฎรเราไม่เคยเล่นเกมป่วนสภา ที่สำคัญ ใครมีนโยบายดีๆ พี่น้องประชาชนได้ประโยชน์ เราขอเข้าไปสนับสนุนหมด ไม่เคยคัดค้าน เพราะ เราคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนเป็นใหญ่

กับประชาชน เรามุ่งมั่นตั้งใจทำงานหาทางทำให้พี่น้องประชาชนอยู่ดีกินดี ขอยกตัวอย่างง่ายๆ ที่เรื่องของ กยศ. ก็เป็นรัฐมนตรีพรรคภูมิใจไทยที่ผลักดันให้ผู้กู้กยศ.ไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน เรื่องโควิด-19 ช่วงที่กรุงเทพมหานคร มีการระบาดหนักกระทรวงสาธารณสุขได้เข้ามาช่วยเหลือท่านอย่างเต็มที่ ทั้งการเปิดศูนย์ฉีดวัคซีน ที่ สถานีกลางบางซื่อ ทั้งการเปิด โรงพยาบาลบุษราคัมเพื่อดูแลผู้ป่วย เมื่อพี่น้องวิตกกังวลกับปัญหาฝุ่น PM 2.5 กระทรวงคมนาคมได้จัดหารรถเมล์ไฟฟ้ามาให้บริการประชาชนนี่คือผลงานที่สัมผัสจับต้องได้

"ใครพูดอะไร ผมไม่สนใจ หน้าที่ของพรรคภูมิใจไทย คือทำงาน ให้มีผลงาน ประชาชนไว้วางใจ ผมจะทำให้ชีวิตพี่น้องรุ่งเรือง จำเริญแสนเพลิน เหมือน เดินอยู่ในวิมาน"

จากนั้น นายอนุทินได้นำเสนอนโยบายของพรรคภูมิใจไทย อาทิ การพักหนี้ 3 ปี, กรมธรรม์ผู้สูงอายุ, ตั๋ววันรถไฟฟ้า 40 บาท/วัน, ฟรี หลังคาโซล่าเซลล์ ลดค่าใช้จ่าย 450 บาทต่อเดือน, การให้สิทธิ์ซื้อมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าผ่อนเดือนละ 100 บาท 60 งวด , นโยบายแลนด์บริดจ์ เชื่อมชายฝั่งทะเลฝั่งอันดามันกับฝั่งอ่าวไทย เป็นต้น

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net