Skip to main content
sharethis

พรรคก้าวไกล นำทีมรวม 8 พรรค แถลงจัดตั้งรัฐบาลประชาธิปไตยของประชาชน รวม 313 ที่นั่ง ประสานเสียงหนุนพิธา เป็นนายกฯ เตรียมเผยรายละเอียด MOU 22 พ.ค.นี้ ตั้งคณะทำงานเปลี่ยนผ่าน รบ. 'พิธา' เผยเรื่องหาเสียงหนุน 376 ไม่สำคัญตอนนี้ ไม่กังวลเรื่องจัดตั้งรัฐบาล ด้าน 'ชลน่าน' ย้ำจนเหนื่อย หนุน 'พิธา' แน่นอน เรื่อง 112 ตกลงกันได้

 

18 พ.ค. 2566 ที่โรงแรมโอกุระ เพรสทีจ เวลา 10.20 น. พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย วันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย วสวรรธน์ พวงพรศรี เพื่อไทรวมพลัง ปิติพงศ์ เต็มเจริญ หัวหน้าพรรคเป็นธรรม และเชาวฤทธิ์ ขจรพงศ์กีรติ หัวหน้าพรรคพลังสังคมใหม่ รวม 8 พรรค แถลงข่าวประกาศจัดตั้งรัฐบาลประชาธิปไตยของประชาชน

อ้างอิงผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ทำให้ตอนนี้รัฐบาลนำโดยพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ มีจำนวน ส.ส. ในมือจำนวน 313 ที่นั่ง   

แถลงการณ์ร่วมจัดตั้งของรัฐบาลของ 8 พรรคการเมือง

  1. ทุกพรรคการเมืองเห็นชอบที่จะสนับสนุนให้หัวหน้าพรรคก้าวไกล พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ตามเสียงข้างมากจากการเลือกตั้งของประชาชน 
  2. ุทุกพรรคจะร่วมกันจัดทำข้อตกลงร่วม (MoU) ในการจัดตั้งรัฐบาล เพื่อแสดงถึงแนวร่วมในการทำงานร่วมกัน และวาระร่วมของทุกพรรค และจะแถลงต่อสาธารณชนในวันที่ 22 พ.ค.นี้ เพื่อแก้ไขวิกฤตการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศ
  3. ทุกพรรคจะจัดตั้งคณะทำงานเปลี่ยนผ่านรัฐบาล เพื่อเตรียมความพร้อมให้สามารถบริหารราชการแผ่นดินต่อจากรัฐบาลเดิมได้อย่างไร้รอยต่อด้วยความเคารพในเสียงข้างมากของประชาชน

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กล่าวในประเด็นจุดยืนแก้ไขมาตรา 112 ระบุว่า “ตอนก่อนเลือกตั้งมีการพูดคุยเยอะแล้ว และแต่ละพรรคมีจุดยืนเกี่ยวกับการแก้ไขมาตรา 112 อยู่แล้ว พื้นที่นี้ไม่เหมาะที่จะชี้แจงเรื่องเหล่านั้น ส่วนจุดยืนของพรรคภูมิใจไทย เป็นเรื่องของพรรคภูมิใจไทย"

หากหลังจากจัดตั้งรัฐบาล แล้วเสียงโหวตสนับสนุนไม่เพียงพอ จะมีการทำอย่างไรต่อไปนั้น พิธา กล่าวว่า ทั้ง 2 คณะ คณะเจรจา และคณะเปลี่ยนผ่าน มีวางแผนไว้หลายรูปแบบ และฉากทัศน์แบบนี้เราจะต้องบริหารจัดการสถานการณ์อย่างไร เราจะลดความเสี่ยงต่างๆ ในการจัดตั้งรัฐบาล ผมไม่ได้กังวลอะไร ปล่อยให้คณะทำงานและคณะจัดตั้งทำงานในเรื่องของการบริหารจำนวนเสียงที่เหมาะสม ในเรื่องของการสานต่อนโยบายที่สัญญาให้กับประชาชนผ่านนโยบายของทุกพรรค 

"ยืนยันว่า (การจัดตั้งรัฐบาล) ผ่าน" พิธา กล่าว และระบุว่า ตอนนี้ทางพรรคฯ มีโรดแมป และเป้าหมายที่ชัดเจน เป็นไปไม่ได้ถ้าจะมีฉากทัศน์ออกมาที่เราคาดไม่ถึง เพราะว่าเราได้คาดไว้ก่อนแล้ว เพราะว่าเราคาดไว้ก่อนแล้วว่า จะทำยังไงให้การจัดตั้งรัฐบาล เป็นไปได้ด้วยดี

พิธา กล่าวถึงรายละเอียดของคณะทำงานที่จัดตั้งขึ้นมา จะต้องจัดหาเสียงที่มีเสถียรภาพ และไม่เสียดุลย์ในการบริหาร เบื้องต้น มีอีก 2 พรรคการเมืองที่ติดต่อเข้ามาเพิ่ม แต่ขอสงวนชื่อพรรคการเมืองไว้ก่อน โดยทางคณะกรรมการก็จะวินิจฉัยดูว่าในเรื่องของจุดยืนและนโยบาย ถ้าเอาจุดยืนเป็นที่ตั้งจะสามารถร่วมงานได้หรือไม่ ตอนนี้ยังมีคณะกรรมการนี้ทำงานอยู่ และก็ไว้วางใจต่อคณะกรรมการที่ทำงานเรื่องนี้

"ผมยังคิดว่า 313 เสียง ณ วันนี้ เป็นความปกติของระบบประชาธิปไตย ที่เพียงพอ เพราะฉะนั้น การที่เราจะต้องมานั่งคิด หรือเพื่อให้ได้ 376 เสียง โดยการที่จะต้องตามหาเพิ่มเติม ยังไม่ได้เป็นประเด็นสำคัญตอนนี้" พิธา กล่าว 

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์

พิธา กล่าวว่า การหา ส.ส. ร่วมรัฐบาลเพิ่มต้องพิจารณาโดยคำนึงถึงเสถียรภาพของรัฐบาล การทำงานร่วมกันเป็นทีม นโยบายตรงกัน จุดยืนตรงกัน และอุดมการณ์ตรงกัน หรือไม่ อันนี้เป็นข้อสอง ส่วนข้อแรก ของการทำ MoU เดี๋ยวรอรายละเอียดวันที่ 22 พ.ค. 2566 แต่จะทำให้ครอบคลุม มิติการเมือง มิติปากท้อง และมิติอนาคตของประเทศ ตอบได้ประมาณนี้ 

สำหรับเรื่องการแบ่งเก้าอี้กระทรวง พิธา ระบุว่า เรื่องกระทรวงไม่ใช่ตัวตั้ง แต่มีการคุยบ้างแล้ว  ใครคุมกระทรวงไหน เป็นปลายเหตุ เอาสาเหตุและเป้าหมายเป็นตัวตั้ง และค่อยดูว่าใครเหมาะ

เรื่อง ส.ว. มีผลต่อการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ พิธา ระบุว่า ไม่กังวล และไม่ประมาท ต้องพร้อมรับมือให้ได้ทุกมิติ การเตรียมตัวของเราเองก็สำคัญ เราเป็นบุคคลสาธารณะก็ต้องยอมรับการตรวจสอบ แต่ถ้ามีมูลเหตุจูงใจทางการเมืองเราก็ต้องพร้อมรับผลกระทบที่เกิดขึ้น 

เพื่อไทย: ยืนยันหนุน 'พิธา' เป็นนายกฯ แน่นอน-เรื่อง 112 ตกลงกันได้

ชลน่าน กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยมี 141 เสียง เราขออนุญาตยืนยันว่า พรรคเพื่อไทย ยืนยันที่จะสนับสนุนหัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกฯ คนที่ 30 ของประเทศไทย ให้เป็นรัฐบาลแห่งความหวัง และความฝันของพี่น้องประชาชนให้ได้ ขอยืนยันครั้งที่ 100 หรือ 500 หรือ 600 ก็ยอม เพราะว่ากระแสช่วงที่ผ่านมาเยอะมาก เลยอยากมาชี้แจงต่อสื่อมวลชน จะได้ไม่มีข้อสงสัย

ชลน่าน ศรีแก้ว

ชลน่าน ระบุต่อว่า 2 แนวทางที่เราประกาศจัดตั้งร่วมรัฐบาล เรานำมาประกอบการพิจารณาทั้งหมด เรื่องแรก เราไม่ได้เสนอเงื่อนไข ยกเป็นหน้าที่ของพรรคแกนนำ เป็นคนเสนอเงื่อนไข ทำ MOU มาให้ทุกพรรคช่วยกันดู เข้าไปดูว่าอันไหนรับได้ อันไปปรับแก้ อะไรไปด้วยกันไม่ได้ดลย ก็พิจารณา แต่ร่างไม่ได้ผูกมัดอะไรนัก แต่ละพรรคก็เสนอเข้าไป ทุกอย่างที่ท่านถาม อยู่ในเนื้อหา MOU ถ้าเราลงนามร่วมกันก็แสดงว่าเราสรุปจบไปแล้ว ประเด็นนี้ขั้นตอนนี้ไม่ใข่เรื่องที่เราจะไม่ร่วมกัน (112) มีข้อตกลงที่เราเห็นร่วมกันได้

"ผมในนามของเพื่อไทย ยืนยันว่าจะทำภารกิจนี้ให้สัมฤทธิ์ผล เราจะผลักมห้มี 376 เสียง ทุกฝ่ายช่วยกัน ไม่ใช่หน้าที่ของพรรคแกนนำ เราบอกว่าพรรคแกนนำร่วมดำเนินการ แต่เมื่อทำงาน ช่วยทำงานร่วมกัน มั่นใจว่าจะมีเสียงในสภา 376 เสียง และเขาสู่การจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน" ชลน่าน กล่าว

ไทยสร้างไทย: จุดยืนคง ม.112 แต่ต้องไม่เป็นเครื่องมือทำร้ายคนอื่น

สุดารัตน์ กล่าวว่า พรรคไทยสร้างไทย เรายืนยันว่าสนับสนุนพิธาเป็นนายกฯ ส่วนเรื่องนโยบายยังไม่ได้เริ่มนับหนึ่งคุยกัน หลังจากวันนี้จะมีการตั้งคณะกรรมการร่วมกัน เพื่อนับหนึ่งทำนโยบาย ขอยืนยันสำหรับพวกเรา การทำนโยบายสำคัญกว่าการแบ่งกระทรวง 

หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ระบุต่อว่า ด้านนโยบายมาตรา 112 ไทยสร้างไทยชัดเจนว่า เรามีจุดยืนด้าน มาตรา 112 พูดชัดเจนทุกเวทีว่า อย่างแรกหน้าที่ของพรรคทุกพรรคต้องรักษาตามรัฐธรรมนูญ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ถ้าทำอะไรแล้วกระทบต่อสถาบันกษัตริย์ เป็นหน้าที่ของทุกพรรคการเมืองที่ต้องปกป้อง 

สุดารัตน์ เกยุราพันธ์ุ

นอกจากนี้ ทางพรรคไทยสร้างไทย ยังมีจุดยืนมาตรา 112 ในการปกป้องสถาบันกษัตริย์ แต่ต้องไม่ถูกใช้เป็นเครื่องมือทำร้าย หรือกลั่นแกล้งทางการเมือง ซึ่งในเรื่องรายละเอียดของนโยบายนี้ต้องมีการพูดคุยกัน

"การที่มีผู้มีอำนาจมาใช้ 112 ในการกลั่นแกล้งหรือทำร้ายบุคคล ต้องมีการมาพิจารณาดู แต่ประเด็นเรื่องการทำให้มาตรา 112 ปกป้องสถาบันอย่างดี และไม่เป็นเครื่องมือให้กับใครที่มีอำนาจไปทำร้ายคนอื่นเป็นหลักการ เรายืนยันให้ปกป้องสถาบัน ไม่ต้องการให้ใช้ 112 ไปทำร้าย การลงรายละเอียดแต่ละพรรคอาจมีจุดยืนที่ต่างกัน ต้องคุยกันในมาตรานี้ และทุกนโยบายต้องคุยกัน ไม่ใข่มาตรานี้อย่างเดียว เพระปัญหาประทศมีหลายเรื่อง" สุดารัตน์ ทิ้งท้าย 

วันมูหะมัดนอร์ หัวหน้าพรรคประชาชาติ ระบุว่า พรรคประชาชาติเราเคารพประชาธิปไตยของพี่น้องทุกคน การเลือกตั้งที่ผ่านมา ประชาชนให้ความไว้วางใจให้กับพรรคก้าวไกลมีเสียงข้างมากที่สุด แสดงให้เห็นว่าประชาชนต้องการผู้นำรัฐบาล ที่มาจากพรรคก้าวไดล ด้วยความเคารพต่อคะแนนเสียงของประชาชน พรรคประชาชาติขอสนับสนุนพิธา จัดตั้งรัฐบาล ยินดีให้ความร่วมมือทุกประการ ผลการจัดตั้งรัฐบาลของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน ให้สำเร็จ 

วันมูหะมัดนอร์ อยากจะเรียกร้องให้ทุกท่าน รวมทั้งสื่อมวลชน โปรดให้การเคารพต่อการตัดสินใจของประชาชนในประเทศนี้ ถ้าเราไม่เคารพ แน่นอนครับว่าเราก็จะติดกับปัญหาเดิมๆ ที่ไม่สามารถจะก้าวไปข้างหน้าอย่างสง่างามได้ ผมอยากให้ทุกฝ่าย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) สื่อมวลชน ข้าราชการ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) โปรดได้คำนึงถึงพี่น้องประชาชนให้มากที่สุดว่าเขาตัดสินใจอย่างไร และเขาต้องการอะไร เพื่อเราจะได้เดินไปข้างหน้า ไปด้วยกัน ปัญหาวิกฤตประเทศมีมากมายพอสมควรแล้ว ทั้งประเทศ ภูมิภาค และโลก เราไม่มาจมอยู่กับปัญหาเดิมๆ เราชอบใคร รักใครไม่ว่า แต่ถ้าเราไม่รักประชาชน ปัญหาเดิมๆ ก็มาอีก อยากให้ประชาชน และสื่อให้กำลังใจพวกเรา เพื่อเราจะได้ทำงานให้รอดวิกฤต เราทำ 5-6 พรรคไม่ได้ ประชาชนจะต้องอยู่เบื้องหลังของความสำเร็จทั้งหมด ผมยืนยันว่าสิ่งที่หัวหน้าพิธา พูดเป็นสิ่งที่เราตัดสินใจร่วมกัน วันนี้ยังไม่มีราบละเอียดที่ค้างคาใจ แต่วันที่ 22 ท่านจะเห็นแสงของการก้าวไปข้างหน้า เราตั้งใจจริงๆ ขอฝากความหวังนี่ให้กับทุกๆ คนด้วยความจริงใจ
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net