Skip to main content
sharethis

สุญญากาศการเมือง อุทยานฯ รุดสำรวจเลี้ยงวัว-ควายเขตป่า ชาวกะเหรี่ยง จ.ลำปาง ค้านหวั่นกระทบวิถีทำกิน ชาวกะเหรี่ยง 2 หมู่บ้านค้านอุทยานฯ ถ้ำผาไทสำรวจเลี้ยงสัตว์ในป่า เหตุไม่เห็นด้วยเงื่อนไข พ.ร.บ.อุทยานฯ ปี 62 ของ คสช. มองรัฐฉวยโอกาสช่วงสุญญากาศการเมือง

 

18 พ.ค. 2566 มูลนิธิพัฒนาภาคเหนือรายงาน ชุมชนกะเหรี่ยงบ้านกลาง หมู่ 5 และบ้านแม่ส้าน หมู่ 6 ต.บ้านดง อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง ยื่นหนังสือขอปฏิเสธการสำรวจการเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท (เตรียมการ) โดยยื่นถึงหัวหน้าอุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท (เตรียมการ), ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 (ลำปาง) และอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช

หนังสือระบุว่า ตามที่อุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท (เตรียมการ) ได้ประสานงานมายังผู้ใหญ่บ้านบ้านกลาง หมู่ที่ 5 และ บ้านแม่ส้าน หมู่ 6 ต.บ้านดง อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง เพื่อสำรวจการครอบครองสัตว์เลี้ยงของราษฎรในพื้นที่ดังกล่าว ในวันที่ 18 พ.ค. 2566 ซึ่งเป็นชุมชนของชาวกะเหรี่ยงโปว์ที่อยู่อาศัยและทำกินในพื้นที่นี้มาอย่างยาวนาน และได้มีการขับเคลื่อนให้เกิดการแก้ปัญหาด้านพื้นที่ทำกินและพื้นที่จิตวิญญาณร่วมกับสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ (สกน.) และขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) มาจนถึงรัฐบาลปัจจุบัน เนื่องจากชุมชนได้รับผลกระทบจากการประกาศเขตป่าของรัฐ รวมถึงมีความกังวลต่อบทบัญญัติตามกฎหมาย โดยเฉพาะพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติปี 2562 ที่ไม่สอดคล้องกับวิถีชุมชน

“ซึ่งที่ผ่านมากระบวนการแก้ไขปัญหาร่วมกับรัฐบาล รวมถึงหน่วยงานราชการในพื้นที่มีแนวโน้มเป็นไปในทางที่ดี เห็นได้จากการประชุมเพื่อจัดทำบันทึกการรับฟังความเห็นและตรวจสอบพื้นที่แนวเขตอุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท (เตรียมการ) ตามข้อเรียกร้องของชุมชนบ้านกลางและบ้านแม่ส้าน เมื่อวันที่ 29 มี.ค. 2566” หนังสือระบุ

ชุมชนบ้านกลาง หมู่ที่ 5 และบ้านแม่ส้าน หมู่ 6 ต.บ้านดง อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง จึงขอปฏิเสธการสำรวจการเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท (เตรียมการ) ด้วยเหตุผลดังนี้

1. พื้นที่ทั้งหมดของชุมชนได้รับการกันออกจากพื้นที่เตรียมการประกาศอุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท เป็นที่เรียบร้อยแล้วตามข้อเรียกร้องของชุมชน ซึ่งได้มีการดำเนินการร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่

2. ชุมชนอยู่ในระหว่างการแก้ปัญหาร่วมกับขบวนการประชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) และรัฐบาล ซึ่งมีมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2565ว่าด้วยการเห็นชอบแนวทางการแก้ไขปัญหาของ ขปส. ซึ่งตามแนวทางข้อที่ 3 ที่ให้มีการแต่งตั้งคณะทำงานศึกษาผลกระทบจากกฎหมายลำดับรองประกอบพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติปี 2562

3. ขณะนี้อยู่ในระหว่างบรรยากาศในการเลือกตั้งและการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ซึ่งมีกรอบระยะเวลาประมาณ 2 เดือน ในขณะที่กระบวนการแก้ไขปัญหาของภาคประชาชนก็จะได้รับการสานต่อ ในรัฐบาลต่อไป

อุทยานฯ แจง เลี้ยงวัว-ควาย อาจเป็นเหตุไฟป่า

ธนากร สิงห์เชื้อ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท (เตรียมการ) ชี้แจงกับชาวบ้านว่า การดำเนินการเป็นนโยบายของอธิบดีคนใหม่ ท่านอรรถพล เจริญชันษา ว่าไฟป่าส่วนหนึ่งอาจจะเกี่ยวกับเรื่องการเผาเพื่อให้หญ้ามันออก เราแค่ต้องการขอข้อมูลเพื่อบริหารจัดการร่วมกัน จะได้รู้ว่ามีคนเลี้ยงกี่คน เลี้ยงกี่ตัว ที่ผ่านมาเราปล่อยอิสระ แต่เราจะได้บริหารจัดการร่วมกัน เจ้าหน้าที่จะได้ข่วยกันดูด้วย เผื่อมีเสือมากิน ขอความร่วมมือ

ข้อห่วงใยของชาวบ้านเราคือเราไม่อยากให้บัตรประชาชน และพิกัด เรามาแลกเปลี่ยนกันดีกว่า วันนี้มันเป็นงานด่วน ผมก็ขึ้นมาด้วยตัวเองเพื่อสร้างความเข้าใจกับชาวบ้านด้วย

โดยอุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท (เตรียมการ) ได้นำหนังสือถึงผู้ใหญ่บ้าน เรื่อง สำรวจการเลี้ยงปศุสัตว์ (โค กระบือ แพะ และแกะ) ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ระบุว่า อธิบดีอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้รับรายงานสถานการณ์ไฟป่าที่เกิดขึ้นในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น ทำให้เกิดความเสียแก่ป่าอนุรักษ์ ตลอดจนเกิดฝุ่นละอองและหมอกควันเป็นจำนวนมาก ส่งผลกระทบต่อนะบบนิเวศ สภาพแวดล้อม และกระทบกับสุขอนามัยของประชาชน สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการกระทำของมนุษย์ เช่น การเผาเพื่อเตรียมพื้นที่การเกษตรจนลุกลามเข้าพื้นที่ป่า การเผาป่าเพื่อเก็บหาของป่าและล่าสัตว์

รวมถึงการเผาป่าเพื่อใช้เป็นพื้นที่เลี้ยงปศุสัตว์ เป็นต้น เพื่อควบคุมและกำกับดูแล สกัดกั้นไม่ให้เกิดไฟป่าลุกลามและรุนแรงมากขึ้น จึงสั่งการให้หน่วยงานในสังกัดกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เร่งรัดดำเนินการสำรวจการเลี้ยงปศุสัตว์ (โค กระบือ แพะ และแกะ) ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ เช่น อุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ เขตห้ามล่าสัตว์ป่า วนอุทยาน และพื้นที่เตรียมการประกาศอุทยานแห่งชาติ/เขตรักษาสัตว์ป่า/เขตห้ามล่าสัตว์ป่า

ชาวบ้านยืนยันคัดค้าน อย่าหาแพะถ้าแก้ไฟป่าไม่ได้ มองฉวยโอกาสสุญญากาศการเมือง

แก้ว ลาภมา ผู้ใหญ่บ้าน บ้านแม่ส้าน หมู่ 6 กล่าวว่า บ้านเราเป็นที่อุทยานฯ ที่มีการกันพื้นที่อุทยานฯ ออกแล้ว เราควรเป็นป่าสงวนฯ หรือไม่ ทำไมต้องมีอุทยานฯ มาดำเนินการ และเราไม่ยอมนับกฎหมายอุทยานฯ ปี 2562 เรากังวลหลายเรื่อง เราก็ดูแลป่า บริหารจัดการป่าอยู่แล้ว แล้วสำรวจวัวควายโดยอุทยานฯ นี่มันก็จะกระทบต่อชาวบ้านด้วย วัวควายเราไม่ได้เลี้ยงเป็นแหล่ง ตามธรรมชาติของเราคือเราเลี้ยงตามธรรมชาติอยู่แล้ว

ด้านสมชาติ รักษ์สองพลู ผู้ใหญ่บ้าน บ้านกลาง หมู่ 5 กล่าวว่า ถ้าดูจากหนังสือของอธิบดีคือชัดเจนมากว่าเป็นการพยายามจะเอาคนในป่าเป็นแพะรับบาปในเรื่องไฟป่า ไม่ได้บอกเลยว่าไฟป่าเกิดจากพืชเลิงเดี่ยว ข้าวโพด มันชอบธรรมไหมที่จะบอกว่าให้คนเลี้ยงวัวควายเป็นควันรับบาป อยู่ๆ คุณก็จะมาสำรวจด้วยสมมติฐานแบบนี้ ซึ่งมันเป็นความไม่เข้าใจวิถีชีวิตของคนในผ่าที่เลี้ยงวัวเลี้ยงควาย ซึ่งมันล่อแหลมมาก

“หัวหน้ามีเงินเดือน 3-4 หมื่น ไม่ต้องเดือดร้อน แต่ผมไม่มีเงินกัน ต้องเลี้ยงลูก ส่งเรียน ก็ต้องเลี้ยงวัวควาย ถ้ามองความเป็นจริงมันคือการละเมิดสิทธิ ไม่มีความเป็นธรรม แล้วจะเอาบัตรประชาชนของชาวบ้านไปเราก็กลัว ว่าใครเลี้ยงที่ไหน เกิดไฟไหม้ ผมก็ตายสิ เพราะไฟป่าทุกวันนี้เราทำสุดความสามารถแล้ว แต่มันไหม้มาจากที่อื่น มันเป็นเรื่องอคติและการเหมารวมของอธิบดี มันจะเกิดปัญหาในอนาคต” สมชาติกล่าว

หลังจากนั้นชาวบ้านได้ยื่นหนังสือ โดยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท (เตรียมการ) รับว่าจะนำไปรายงานผู้บังคับบัญชาต่อไป

 

 

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net