Skip to main content
sharethis

ศาลกำแพงเพชร พิพากษา 'พลเมือง' ชายชาวกำแพงเพชร จำคุก 3 ปี ก่อนลดเหลือ 1 ปี 6 เดือน รอการลงโทษ 2 ปี เนื่องจากรับสารภาพ จากข้อหา ม.112 หลังถูกหุ้นส่วนที่ขัดแย้งด้านธุรกิจนำข้อความในแชต "LINE" ไปแจ้งความ

 

15 มิ.ย. 2566 เว็บไซต์ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า เมื่อ 14 มิ.ย. 2566 ศาลจังหวัดกำแพงเพชรนัดฟังคำพิพากษาคดีของ "พลเมือง" (นามสมมติ) ชาวจังหวัดกำแพงเพชร ในข้อกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฯ มาตรา 14 (3) เหตุเกิดจากสนทนาในกลุ่มไลน์ของผู้ประกอบธุรกิจร่วมกัน แต่ต่อมาเกิดการทะเลาะเบาะแว้งกันภายหลังจึงนำข้อความในกลุ่มสนทนาไลน์ (LINE) มากล่าวหา

คดีนี้มีผู้กล่าวหาที่รู้จักกับจำเลยได้นำข้อความในแชทสนทนาไลน์กลุ่มมากล่าวหาต่อ พ.ต.ท.ณัฐวุฒิ สิงหา พนักงานสอบสวน สภ.เมืองกำแพงเพชร โดยผู้กล่าวหามีเหตุขัดแย้งทางธุรกิจที่ทำร่วมกันกับ "พลเมือง"

เมื่อวันที่ 22 มี.ค. 2565 "พลเมือง" เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียก โดยพนักงานสอบสวนแจ้งพฤติการณ์โดยคร่าวว่า เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2564 ผู้ต้องหาได้ส่งข้อความลงในแอพพลิเคชันไลน์ซึ่งเป็นข้อความที่ไม่บังควร และเป็นการดูหมิ่นกษัตริย์ ผู้กล่าวหาจึงร้องทุกข์ให้ดำเนินคดี และต่อมาเมื่อวันที่ 29 ก.ย. 2565 พนักงานสอบสวนได้เรียกให้ “พลเมือง” เข้ารับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฯ มาตรา 14 (3)

จากนั้นวันที่ 29 พ.ย. 2565 พนักงานอัยการมีความเห็นสั่งฟ้องคดีต่อศาลจังหวัดกำแพงเพชร โดยสรุปคำฟ้องระบุว่าเมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2564 จำเลยได้พิมพ์ข้อความลงในกลุ่มไลน์ที่มีสมาชิกอยู่จำนวน 5 คน ซึ่งเป็นข้อความจาบจ้วงหมิ่นประมาทต่อบุคคลที่สาม ทำให้พระมหากษัตริย์ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง

หลังจากศาลนัดตรวจพยานหลักฐานไปแล้วเมื่อวันที่ 20 ธ.ค.2565 และศาลกำหนดวันนัดสืบพยานในเดือนเมษายน 2566 ก่อนวันนัดสืบพยาน พลเมืองได้ตัดสินให้การเป็นรับสารภาพตามข้อกล่าวหา ศาลจึงมีคำสั่งให้สถานพินิจสืบเสาะพฤติกรรมของจำเลยเพิ่มเติม ประกอบการจัดทำคำพิพากษา

ศาลอ่านคำพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) เป็นการกระทำกรรมเดียวมีความผิดหลายบท ให้ลงโทษบทหนักคือตามมาตรา 112 พิพากษาลงโทษจำคุก 3 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษลงกึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 1 ปี 6 เดือน

เมื่อพิเคราะห์รายงานจากสำนักงานคุมประพฤติแล้วเห็นว่า แม้การกระทำของจำเลยเป็นการจาบจ้วง ล่วงเกินดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ ส่งผลกระทบกระเทือนต่อสถาบันกษัตริย์และจิตใจของประชาชน แต่จำเลยทำไปเพื่อต้องการให้ผู้ประกอบธุรกิจเกรงกลัว ซึ่งหลังจากถูกดำเนินคดีจำเลยรู้สึกเข็ดหลาบแล้ว และจำเลยป่วยเป็นโรคซึมเศร้า การลงโทษจำคุกจำเลยระยะสั้นย่อมไม่เป็นประโยชน์ต่อจำเลยและสังคม เห็นควรรอการลงโทษของจำเลยมีกำหนด 2 ปี และให้รายงานตัวต่อคุมประพฤติไว้ 1 ปี มีกำหนด 4 ครั้ง ให้เข้าร่วมกิจกรรมอบรมที่สำนักงานคุมประพฤติเห็นสมควร และทำงานบริการสังคม 12 ชั่วโมง ยกคำร้องขอบวกโทษจำเลยเนื่องจากคดีอาญาของจำเลยก่อนหน้านี้ เนื่องจากศาลพิพากษารอการลงโทษ

หลังอ่านคำพิพากษา ศาลได้กล่าวตักเตือนจำเลยห้ามกระทำการลักษณะเดียวกันนี้ ห้ามกระทำความผิดอาญาใดๆ อีก และกำชับให้ทำตามเงื่อนไขที่ศาลกำหนดให้ครบถ้วน มิฉะนั้นโทษจำคุกนี้สามารถนำกลับมาลงโทษจำเลยได้

จากการติดตามของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน มีผู้ถูกดำเนินคดีในจังหวัดกำแพงเพชรอย่างน้อย 5 ราย ใน 5 คดี โดยคดีนี้นับเป็นคดีที่ 3 ที่มีการรับสารภาพและศาลจังหวัดกำแพงเพชรพิพากษาให้รอการลงโทษ ส่วนอีก 2 คดี ยังอยู่ในชั้นของพนักงานอัยการและชั้นศาล

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net