Skip to main content
sharethis

เลขาธิการพรรคก้าวไกลแถลงข่าวขอโทษไม่สามารถผลักดันให้เกิดรัฐบาลตามเจตจำนงของประชาชนได้ ยอมรับพร้อมเป็นฝ่ายค้าน ระบุเพื่อไทยไม่เคยพูดคุยให้ก้าวไกลถอย ม.112 และไม่เคยขอให้โหวตให้ 'เศรษฐา' แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของเพื่อไทย


ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล (แฟ้มภาพ)

2 ส.ค. 2566 Thai PBS รายงานว่านายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล แถลงข่าวหลังพรรคเพื่อไทยประกาศเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลโดยที่ไม่มีพรรคก้าวไกล และพรรคก้าวไกลจะไปเป็นฝ่ายค้านว่า พรรคก้าวไกลขอโทษประชาชนที่ไม่สามารถผลักดันให้เกิดการจัดตั้งรัฐบาลตามเจตจำนงของประชาชนได้สำเร็จ หลังจากนี้พรรคเพื่อไทยจะแยกกับพรรคก้าวไกลไปจัดตั้งรัฐบาลด้วยตัวเอง

จากการพูดคุยของตัวแทนทั้ง 2 พรรคเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยแจ้งว่าจะขอออกจาก MOU ทั้ง 2 ฉบับ คือ MOU ในการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกันระหว่าง 8 พรรคการเมือง และ MOU ที่พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยทำร่วมกันในการพูดคุยเลือกประธานสภา

นอกจากนี้ในการพูดคุยกัน พรรคเพื่อไทยไม่ได้มีการขอให้พรรคก้าวไกลพิจารณาถอยเรื่องการเสนอเรื่องมาตรา 112 และตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่เคยมีการเจรจากันในเรื่องนี้ ซึ่งพรรคเพื่อไทยให้เหตุผลว่าพรรคการเมืองที่พรรคเพื่อไทยไปพูดคุย เกือบทั้งหมดไม่ต้องการให้พรรคก้าวไกลเข้าร่วมรัฐบาล ไม่ว่าจะมีเรื่อง มาตรา112 หรือไม่ก็ตาม

นายชัยธวัช ยังกล่าวว่าพรรคเพื่อไทยไม่ได้ขอให้พรรคก้าวไกลโหวตให้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของเพื่อไทย ในวันที่ 4 ส.ค.นี้ เพราะถือเป็นเอกสิทธิ์ของแต่ละพรรค ซึ่งการพูดคุยเมื่อช่วงเช้าแกนนำของพรรคเพื่อไทยบางคนยังแสดงความกังวลว่า หากพรรคก้าวไกลจะโหวตให้แคนดิเดตนายกฯ จากเพื่อไทย อาจจะทำให้ สว.ไม่ไว้วางใจพรรคเพื่อไทยได้ 

เมื่อถามว่าในอนาคตจะร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยได้หรือไม่ นายชัยธวัช ตอบว่า ตอนนี้ MOU ไม่มีอีกแล้วทั้ง 2 ฉบับ ซึ่ง MOU ฉบับหลังระหว่างเพื่อไทยกับก้าวไกลที่เคยตกลงกันว่าจะร่วมมือกันผลักดันกฎหมายหลายฉบับ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการปฏิรูปกองทัพและการนิรโทษกรรมคดีทางการเมือง อันนี้ไม่มีอยู่แล้ว

อย่างไรก็ตามในฐานะ สส. พรรคก้าวไกลยังสามารถเสนอร่างกฎหมายและเสนอแนะมาตรการต่างๆ ที่เป็นประโยชน์กับประชาชน และหวังว่า สส. จะเห็นชอบด้วยแม้ไม่ได้เป็นฝ่ายเดียวกัน

"ถ้าเราเป็นฝ่ายค้านก็สามารถผลักดันกฎหมายต่างๆ ได้ แม้ว่าในสมัยที่แล้วร่างกฎหมายของเราไม่เคยผ่านสภาฯ แต่ในสมัยนี้หวังว่าจะมีหลายฉบับผ่าน หากพรรครัฐบาลเห็นชอบว่าเป็นประโยชน์ส่วนรวมจริงๆ" นายชัยธวัช ระบุ

ส่วนประเด็นเรื่อง มาตรา 112 เป็นเพียงแค่ข้ออ้าง ฝ่ายการเมืองจำนวนมากด้วยเฉพาะกลุ่มอำนาจเก่า ไม่ต้องการเห็นพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล และหลายพรรคที่เคยแถลงร่วมกับพรรคเพื่อไทยก็ระบุชัดเจนว่าไม่ต้องการร่วมงานกับพรรคก้าวไกล เพราะอุดมการณ์ทางการเมืองไม่ตรงกัน

เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวอีกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นถึงความบิดเบี้ยวของการเมืองไทย ปัญหาของการเมืองไทยจริงๆ คือ อำนาจสูงสุดไม่ใช่ของประชาชน เป็นปัญหาใหญ่ของการเมืองไทยในยุคสมัยนี้ ซึ่งคงเป็นภารกิจที่จะต้องผลักดันและเปลี่ยนแปลงอย่างสุดความสามารถ เพื่อให้การเมืองไทยกลับมาเป็นระบอบประชาธิปไตยปกติที่เสียงและอำนาจของประชาชนสำคัญที่สุด

และเมื่อถามว่าจากกันด้วยดีกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายชัยธวัช ตอบว่า การพูดคุยเมื่อเช้า เราเข้าใจซึ่งกันและกัน แต่อย่างไรก็เห็นว่าถ้า 8 พรรคการเมืองจับมือกันแน่นก็ไม่เชื่อว่าจะเกิดการพลิกขั้วรัฐบาลได้ แต่วันนี้พรรคเพื่อไทยออกจาก MOU แล้ว การจัดตั้งรัฐบาลคงเป็นอีกแบบหนึ่ง และหากรัฐบาลใหม่สามารถผลักดันให้เกิดการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดย สสร.ได้จริง การเลือกตั้งก็น่าจะเกิดขึ้นหลังจากที่รัฐธรรมนูญบังคับใช้ไม่นาน และคงเป็นสิ่งที่สังคมคาดหวังด้วย

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net