Skip to main content
sharethis

“ยุทธพร” ประธานอนุ กมธ.จำแนกการกระทำฯ เผยว่าวันนี้ กมธ.นิรโทษฯ ชุดใหญ่มีข้อสรุปเรื่องคณะกรรมการนิรโทษกรรมที่จะตั้งมาตามกฎหมายว่ามีหน้าที่และสัดส่วนอย่างไร และมีการคุยเรื่องมาตรการป้องกันทำผิดซ้ำแต่ยังไม่ได้ข้อสรุปคุยต่อนัดหน้า ส่วนจะมีฐานความผิดได้บ้างที่จะได้นิรโทษฯ เลยยังไม่มีการพิจารณา แต่คาดว่าจะพิจารณาทุกอย่างเสร็จทันต้นกรกฎาคมนี้เพื่อให้ทันสมัยประชุมสภาฯ

27 มิ.ย.2567 เวลา 13.00 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม (กมธ.นิรโทษฯ) ของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งตามกำหนดการวันนี้มีประเด็นพิจารณา 4 ประเด็นคือ คณะกรรมการที่จะตั้งขึ้นตามกฎหมาย มาตรการป้องกันการทำผิดซ้ำ  การสร้างความสมานฉันท์ และฐานความผิดที่จะได้รับการนิรโทษกรรม

ยุทธพร อิสรชัย ประธานอนุ กมธ.ศึกษาและจำแนกการกระทำฯ ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าการประชุมวันนี้ว่าได้มีการลงมติในประเด็นเรื่องอำนาจหน้าที่และสัดส่วนของคณะกรรมการพิจารณานิรโทษฯ เท่านั้น โดยมีการพิจารณาถึงเรื่องมาตรการป้องกันการทำผิดซ้ำด้วยแต่ยังต้องคุยกันต่อในการประชุมครั้งต่อไปในสัปดาห์หน้า

ประธานอนุ กมธ. กล่าวว่าสำหรับประเด็นเรื่องคณะกรรมการที่จะตั้งขึ้นมานั้นมีข้อสรุปว่าจะเป็นรูปแบบผสมผสานกล่าวคือ การกระทำในบางฐานความผิดจะมีการเขียนในกฎหมายให้ได้รับการนิรโทษกรรมเลยเพื่อความรวดเร็ว ส่วนบางฐานความผิดที่ยังมีความไม่ชัดเจนก็จะให้คณะกรรมการมีหน้าที่ในการพิจารณา และที่มีการพูดคุยกันก็คือจะมีการปรับโครงสร้างของคณะกรรมการให้ฝ่ายบริหารเข้ามามีบทบาทสำคัญแล้วก็มีตัวแทนจากฝ่ายข้าราชการประจำที่เพิ่มมากขึ้น แล้วก็ปรับหน้าที่อำนาจต่างๆ ของคณะกรรมการให้มีความชัดเจนมากขึ้น

ยุทธพรกล่าวว่าบางฐานความผิดที่จะระบุในกฎหมายให้ได้รับการนิรโทษฯ เลย นั้นก็คงจะมีการพูดคุยกันในที่ประชุมครั้งต่อๆ ไปว่าจะมีประเภทใดบ้าง แต่อนุ กมธ.จำแนกการกระทำได้เสนอไว้ 3 ประเภท หนึ่งคือการกระทำในคดีหลัก  สองคือการกระทำในคดีรอง และประเภทที่สามคือการกระทำในคดีซึ่งมีความอ่อนไหวในทางการเมือง

ประธานอนุ กมธ. อธิบายว่าหลายคนอาจจะเข้าใจว่าคดีที่มีความอ่อนไหวทางการเมืองจะมีแค่มาตรา 112 กับ 110 แต่ยังมีความผิดในฐานเกี่ยวกับชีวิต ร่างกาย และเสรีภาพด้วย ซึ่งเป็นการกระทำต่อเพื่อนมนุษย์แล้วก็เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนด้วย ก็ถือว่าเป็นคดีที่มีความอ่อนไหวด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องเอามาคุยกันใน กมธ.ชุดใหญ่ ว่าเห็นด้วยตามนี้หรือไม่ แต่ก็ยังไม่ได้มีการกำหนดว่าจะมีการประชุมเรื่องนี้เมื่อไหร่ ซึ่งครั้งหน้าคงเป็นเรื่องมาตรการป้องกันการทำผิดซ้ำเนื่องจากในวันนี้ยังมีประเด็นที่เห็นไม่ตรงกันอยู่

ยุทธพรกล่าวว่าสำหรับเรื่องมาตรการป้องกันการทำผิดซ้ำที่ยังมีความเห็นไม่ตรงกัน เช่น ประเด็นที่อนุ กมธ.เสนอว่าควรจะเป็นหนึ่งในหน้าที่ของคณะกรรมการนิรโทษกรรมด้วย แต่ก็มีบางความเห็นในที่ประชุมใหญ่ว่าเรื่องนี้ควรเขียนในกฎหมายเลยไม่ต้องเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการนิรโทษกรรมอีก ซึ่งคงมีการคุยเรื่องนี้ในครั้งหน้า

ทั้งนี้เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าส่วนของมาตรการป้องกันการทำผิดซ้ำนี้ สำหรับกรณีที่เป็นคดีจากการใช้สิทธิเสรีภาพแสดงออกหากมีมาตรการดังกล่าวจะเป็นการทำให้ผู้ที่ถูกดำเนินคดีถูกไม่ให้ทำพฤติกรรมเดิมจะกลายเป็นจำกัดสิทธิเสรีภาพการแสดงออกไปด้วยหรือไม่

ประธานอนุ กมธ. อธิบายเพิ่มเติมในส่วนนี้ว่าตามข้อเสนอของอนุ กมธ.จะถือว่าทุกคนเป็นผู้บริสุทธิ์ทั้งหมดเลยไม่ได้มีการไปกำหนดห้ามทำแบบนั้นแบบนี้แล้วก็ไม่มีการกำหนดระยะเวลา แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ Amnesty Program  คือ เป็นกระบวนการสำหรับบุคคลที่เคยได้รับการนิรโทษกรรมในเรื่องนั้นโดยไม่ได้จำกัดฐานความผิดใด มีคณะอนุกรรมการนิรโทษกรรมที่มาดูว่ามีการกระทำความผิดที่เกิดขึ้นแบบนั้นหรือไม่ ถ้ามีการกระทำความผิดเกิดขึ้นแบบนั้นอีกก็จะนำไปสู่การดำเนินคดีต่อกระบวนการยุติธรรมใหม่อีกครั้ง ไม่ได้เป็นการลงโทษซ้ำอะไร แล้วเบื้องต้นก็ไม่ได้มีการกำหนดระยะเวลาว่าจะต้องมีการติดตามดูกี่ปีเพราะว่าตัวคณะกรรมการนิรโทษกรรมชุดใหญ่ก็จะมีวาระเพียงแค่ 2 ปี เมื่อครบวาระ คณะอนุกรรมการ Amnesty Program  ก็หมดไปด้วย

“เพราะฉะนั้นเราก็จะถือว่าทุกคนเป็นผู้บริสุทธิ์ตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว ไม่ได้ถือว่าเป็นคนที่จะต้องมีเงื่อนไขหรือว่ามีข้อจำกัดอะไร ไม่มีอย่างนั้น” ยุทธพรกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าสำหรับประเด็นที่ยังรอการพิจารณาอยู่อีก 3 ประเด็นนี้คาดว่าจะเสร็จทันก่อน กมธ.หมดอายุหรือไม่ ยุทธพรตอบประเด็นนี้ว่า กมธ.ชุดใหญ่ก็คงจะขับเคลื่อนจนเสร็จเพราะว่ามีการต่ออายุมาหลายครั้ง แล้วก็มีหมุดหมายที่ปักไว้ว่าทุกอย่างต้องเรียบร้อยก่อนเปิดสมัยประชุมของรัฐสภาในวันที่ 3 ก.ค.ที่จะถึงนี้ ดังนั้นทุกอย่างก็ต้องเรียบร้อยภายในต้นเดือนกรกฎาคมนี้ กมธ.ชุดใหญ่ก็คงจะไม่มีการเลื่อนอีก

ยุทธพรได้กล่าวเสริมถึงงานในส่วนของ อนุ กมธ.ที่เขาเป็นประธานอยู่นั้นเสร็จเรียบร้อยหมดแล้วก็ได้ส่งรายงานให้ กมธ.ชุดใหญ่ไปแล้วเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน คือ 16 มิ.ย.2567 ส่วนรายงานของอนุ กมธ.ตอนนี้อยู่ระหว่างจัดพิมพ์โดยทางสภาผู้แทนราษฎรจะเป็นผู้นำมาเผยแพร่สาธารณะต่อไป

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net