Skip to main content
sharethis

'เอโว โมราเลส' อดีตผู้นำโบลิเวีย อ้าง 'ลุยส์ อาร์เซ' ปธน.ปัจจุบัน จัดฉากทำรัฐประหารตัวเอง คาดหวังฉุดคะแนนนิยมช่วงก่อนเลือกตั้งปี 2568 ด้านรัฐบาลยังคงปฏิเสธเรื่องดังกล่าว

 

5 ก.ค. 2567 เว็บไซต์ ABC News รายงานเมื่อ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา ระบุว่า เอโว โมราเลส อดีตประธานาธิบดีของโบลิเวีย กล่าวเมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 2567 ระบุว่า ลุยส์ อาร์เซ ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน กำลังหลอกประชาชนโบลิเวีย โดยการทำรัฐประหารตนเอง เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อสร้างคะแนนนิยมทางการเมืองให้กับตัวเอง

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

 

เอโว โมราเลส เมื่อปี 2551 (ถ่ายโดย: Joel Alvarez)

เอโว โมราเลส เป็นหนึ่งเป็นคนแรกๆ ที่มีอิทธิพลในโบลิเวีย ผู้ออกมาพูดถึงเหตุการณ์พยายามก่อรัฐประหารที่เกิดขึ้น เหตุการณ์ในตอนนั้นมีทหารกองทัพโบลิเวียราว 200 นาย ที่เคลื่อนพลไปที่ทำเนียบประธานาธิบดีพร้อมกับรถหุ้มเกราะ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 25 มิ.ย. 2567 ซึ่งในช่วงที่เกิดเหตุโมราเลส เรียกร้องให้ "ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการจลาจลนี้ต้องถูกจับกุมและถูกดำเนินคดี"

อย่างไรก็ตาม เมื่อ 30 มิ.ย. โมราเลส แสดงความเห็นในทำนองเดียวกับนักวิเคราะห์คนอื่นๆ ที่มองว่า อาร์เซ จัดฉากเหมือนมีการพยายามทำรัฐประหาร เพื่อเรียกร้องความเห็นใจจากประชาชนโบลิเวีย เนื่องจากช่วงเวลานี้คะแนนความนิยมในตัวของอาเซ ตกต่ำลงอย่างมาก

โมราเลส ให้สัมภาษณ์ทางรายงานวิทยุท้องถิ่นว่า อาร์เซ ไม่เคารพในความจริง หลอกลวงทุกคน หลอกลวงชาวโบลิเวีย และคนทั้งโลก

นอกจากนี้ อดีตประธานาธิบดี ได้สนับสนุนข้อกล่าวหาที่มาจากอดีตนายพล ฮวน โฮเซ ซูนีกา ผู้ถูกกล่าวหาพยายามก่อรัฐประหาร โดยโมราเลส ระบุว่า ก่อนหน้านี้ซูนีกา บอกกับเพื่อนทหาร และสมาชิกครอบครัวของเขา เกี่ยวกับแผนการทำรัฐประหารที่กำลังจะเกิดขึ้น และตอนที่ถูกขังในเรือนจำ ซูนีกา กล่าวกับทางการโบลิเวียว่า อาร์เซ ได้ "ทรยศ" เขา

ซูนีกา ยืนยันว่า อาร์เซ ซึ่งเป็นประธานาธิบดีคนปัจจุบัน เป็นคนที่พูดกับเขาด้วยตัวเองว่า "สถานการณ์ย่ำแย่มาก ล่อแหลมมาก มันจึงจำเป็นที่จะต้องเตรียมการอะไรสักอย่างเพื่อที่จะเพิ่มความนิยมให้กับผม" ซึ่งทฤษฎีนี้เป็นที่ยอมรับโดยศัตรูคู่แข่งทางการเมืองของอาร์เซ อย่างรวดเร็ว โดยการบอกว่าเป็น "การรัฐประหารตัวเอง"

ซูนีกา กล่าวในช่วงที่กำลังถูกควบคุมตัวเพื่อส่งไปยังเรือนจำว่า "พอผ่านไปช่วงหนึ่ง คนก็จะรู้ความจริง"

ผู้นำอาร์เจนตินา กล่าวในทำนองเดียวกับความคิดเห็นของโมราเลส ในเรื่องความเป็นไปได้ว่าจะเป็นการพยายามรัฐประหารตัวเอง

จาร์เวียร์ มิเลย์ ประธานาธิบดีฝ่ายขวาของอาร์เจนตินา กล่าวว่า การพยายามก่อรัฐประหารในโบลิเวีย ถือเป็น "เรื่องหลอกลวง" โดยอ้างรายงานข่าวกรองเป็นหลักฐานสำหรับเรื่องนี้ รวมถึงบอกอีกว่าลักษณะความคืบหน้าของสถานการณ์ในตอนนั้น "ไม่ค่อยน่าเชื่อถือ"

รัฐบาลอาร์เซ โต้ตอบเกี่ยวกับข้อกล่าวหาในเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมาว่า พวกเขา "ปฏิเสธอย่างหนักแน่นต่อความเห็นที่ไม่เป็นมิตร และด่วนตัดสิน"

เรื่องนี้นับเป็นกระแสย้อนกลับ หลังจากที่ในช่วงสัปดาห์ที่แล้วตอนมีการรัฐประหาร ผู้นำหลายแห่งในภูมิภาคพากันแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับอาร์เซ

มาเรีย เนลา ปราดา รัฐมนตรีประจำสำนักประธานาธิบดีโบลิเวีย กล่าวโต้ตอบโมราเลส ผ่านทางช่องโทรทัศน์ของรัฐบาล เตือนให้โมราเลส อย่า "กลายเป็นหุ่นเชิด, หุ่นกระบอก และเครื่องมือของจักรวรรดิ์นิยมที่มีเจตนาจะปล้นประเทศของพวกเรา" อีกทั้งยังกล่าวหาว่า "พวกฟาสซิสต์ฝ่ายขวา" ต้องการที่จะ "บิดเบือนประวัติศาสตร์"

"สิ่งที่ฉันอยากประณามยิ่งกว่า คือสิ่งที่มาจากคนอย่างเอโว โมราเลส ผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นฝ่ายซ้าย มันมีความผันผวนทางอุดมการณ์ระหว่างเรื่องที่ว่าอะไรคือการรัฐประหารและอะไรคือการรัฐประหารที่ล้มเหลวในประเทศของพวกเรา" ปราดา กล่าว

ความสัมพันธ์ระหว่างโมราเลส อาร์เซ และ "การรัฐประหาร" ก่อนหน้านี้

แม้ว่าโมราเลส จะไม่ได้เป็นประธานาธิบดีคนปัจจุบัน แต่ก็ยังเป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพลในโบลิเวีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่คนปลูกใบโคคา และสหภาพแรงงาน ในขณะที่อาร์เซ เผชิญกับความไม่พอใจของประชาชนในช่วงที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ

ก่อนหน้านี้โมราเลส เคยเป็นเพื่อนของอาร์เซ แต่ในปี 2562 โมราเลส ลาออกจากการเป็นประธานาธิบดีในช่วงที่มีความวุ่นวาย เหตุเกิดจากการที่เขาจะเข้าดำรงตำแหน่งผู้นำติดต่อกันเป็นสมัยที่ 3 ซึ่งขัดหลักรัฐธรรมนูญ โดยที่ตอนนั้น โมราเลส ได้หนีออกจากประเทศ และพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าเป็นการรัฐประหาร

หลุยซ์ อาร์เซ (ที่มา: UNCTAD)

จากเหตุการณ์ครั้งดังกล่าวทำให้ผู้แทนฝ่ายอนุรักษ์นิยม คือ เจนีน อันเยซ ขึ้นดำรงตำแหน่งรักษาการประธานาธิบดีแทนโมราเลส แต่ในสมัยที่เธอดำรงตำแหน่งก็เต็มไปด้วยเรื่องที่ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ ในปัจจุบัน อันเยซ กำลังรับโทษจำคุก 10 ปี จากข้อกล่าวหาว่า เธอยึดอำนาจประธานาธิบดีอย่างผิดกฎหมาย หลังจากที่โมราเลส ลาออก

ในการเลือกตั้งปี 2563 โมราเลส แสดงการผลักดันอาร์เซ ให้เป็นผู้แทนสำหรับขบวนการสังคมนิยมโบลิเวียของโมราเลส ที่เรียกว่า 'MAS'

แต่ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็แย่ลงหลังจากที่โมราเลส กลับสู่ประเทศโบลิเวีย และต่อมา เขาก็ประกาศแผนการว่าจะลงเลือกตั้งเป็นผู้แทนของ MAS ในปี 2568 ในฐานะคู่แข่งอาร์เซ การขับเคี่ยวกันระหว่าง 2 คนนี้เป็นไปอย่างขมขื่นมากขึ้นเรื่อยๆ จากการที่พันธมิตรของโมราเลส กลับมาสกัดกั้นการออกกฎหมายจำนวนมากของอาร์เซ ในสภาโบลิเวีย

อาร์เซ กล่าวให้สัมภาษณ์ต่อสื่อว่า "พวกเราถูกโจมตีทางการเมือง" แต่ "พวกเราก็ไม่ได้โจมตีโต้ตอบกลับ"

ความขัดแย้งนี้ทำให้ชาวโบลิเวีย จำนวนมากไม่พอใจ และความคิดเห็นของโมราเลส ที่ว่า อาร์เซ ทำรัฐประหารตัวเองนั้นก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น

โมราเลส กล่าวทางรายการวิทยุของโบลิเวีย "เกาซาชุน โคคา" ระบุว่า เขารู้สึกว่าเหตุการณ์นี้ส่งผลเสียหายต่อภาพลักษณ์ของโบลิเวีย และกองทัพโบลิเวีย และกล่าวขอโทษที่เคยแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับอาร์เซ

 

แปลและเรียบเรียงจาก

Bolivian president orchestrated a 'self-coup,' political rival Evo Morales claims, ABC News, 01-07-2024
 

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net