Skip to main content
sharethis

ในการเลือกตั้ง สส. ครั้งล่าสุดของฝรั่งเศส ฝ่ายซ้ายชนะแบบไม่ขาดลอย แต่ก็ผนึกกำลังกับสายกลางเพื่อสกัดกั้นฝ่ายขวาไว้ได้ แต่ทว่าในสภาพที่ประธานาธิบดียังคงเป็น “เอมมานูเอล มาครง” จากสายกลาง รัฐสภาที่มี สส. ฝ่ายซ้ายเป็นส่วนใหญ่แต่ไม่ใช่เสียงข้างมากเกินครึ่ง ก็ทำให้พวกเขาอาจจะต้องร่วมมือกับสายกลางทั้งในสภาและมาครง อะไรทำให้ฝรั่งเศสเดินมาถึงจุดนี้ และสภาพการเมืองเมืองฝรั่งเศสจะเป็นอย่างไรต่อไป

 

10 ก.ค. 2567 รายงานในสื่อ Vox ระบุว่า การเลือกตั้ง สส. ฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 7 ก.ค. ที่ผ่านมาผู้ลงคะแนนได้ส่งผลสะเทือนต่อสภาพแบบเดิมของการเมืองฝรั่งเศสที่สายกลางครองอำนาจและคอยสกัดกั้นฝ่ายขวา แต่มันได้กลายเป็นการเมืองที่เริ่มมีความสุดโต่งมากขึ้น

การเลือกตั้งครั้งล่าสุดนี้ แนวร่วมพรรคการเมืองฝ่ายซ้าย "นูโว ฟรอนท์ ป็อปพิวแลร์" (NFP) ได้รับชัยชนะจากการได้ที่นั่งในสภามากที่สุดนับเป็นครั้งแรกที่แนวร่วมฝ่ายซ้าย NFP ทำสำเร็จในการเลือกตั้งฝรั่งเศส สื่อโปลิติโคก็มองว่าการลงคะแนนเสียงในครั้งนี้มีลักษณะของการลงคะแนนในเชิงยุทธศาสตร์ บวกกับความร่วมมือกันระหว่างกลุ่มที่ต่อต้านฝ่ายขวาจัด ได้ส่งผลให้ทั้งฝ่ายซ้ายและฝ่ายสายกลางของ เอมมานูเอล มาครง สามารถสกัดกั้นไม่ให้ฝ่ายขวาซึ่งนำโดย มารีน เลอ แปน เข้ามามีอำนาจได้สำเร็จ

อย่างไรก็ตามสื่อโปลิติโค ก็มองว่าการเลือกตั้งครั้งนี้อาจจะนำฝรั่งเศสไปสู่ช่วงเวลาวุ่นวายทางการเมืองครั้งใหม่ เพราะไม่มีแนวร่วมกลุ่มใดเลยที่สามารถชนะได้มากพอในระดับที่เข้าใกล้จะเป็นเสียงข้างมากเกินครึ่งในสภาได้

การเลือกตั้งฝรั่งเศสครั้งนี้มีผู้มาใช้สิทธิจำนวนมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2524 และกลายเป็นเสมือนคำตักเตือนต่อพรรคขวาจัดของเลอ แปน ที่ถึงแม้จะได้คะแนนนำเป็นอันดับที่หนึ่งในการเลือกตั้งรอบแรก และเพิ่งจะได้รับชัยชนะครั้งใหญ่จากการเลือกตั้งยุโรปเมื่อเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา แต่การที่ เอมมานูเอล มาครง กับพรรคสายกลางของเขาคือพรรคเรเนสซองส์ได้ร่วมมือกับแนวร่วมฝ่ายซ้าย NFP ในการดำเนินยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง ทำให้พวกเขาสามารถสกัดกั้นกลุ่มขวาจัดได้ในที่สุด

เรื่องนี้สะท้อนไว้ในประวัติศาสตร์ของฝรั่งเศสที่มีมายาวนานหลายสิบปีแล้ว จากความร่วมมือที่เรียกว่า "กอร์ดอง ซานิแตร์" ซึ่งเคยเป็นการสกัดกั้นไม่ให้ฝ่ายขวาจัดกลับมามีอำนาจในฝรั่งเศสได้อีกครั้งหลังจากที่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ฝรั่งเศสเคยตกอยู่ภายใต้การปกครองที่เลวร้ายของรัฐบาลวิชชีผู้ร่วมมือกับเผด็จการนาซี

Vox ระบุว่าการที่ฝ่ายซ้ายกลับมาได้รับชัยชนะในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นสภาพการเมืองที่มีการแบ่งขั้วในฝรั่งเศส โดยที่ถึงแม้ว่าแนวร่วมสายกลางของมาครงจะได้ที่สองในขณะที่ NFP ได้ที่หนึ่ง แต่ฝ่ายสายกลางก็ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้โดยไม่พยายามดึงดูดฝ่ายซ้ายให้ร่วมด้วย เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะมีสมาชิกของ NFP บางส่วนที่พูดต่อหน้าสาธารณะปฏิเสธที่จะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลกับพรรคของมาครง

การเลือกตั้งครั้งล่าสุดนี้เกิดขึ้นจากที่มาครงประกาศยุบสภาในเดือน มิ.ย. แล้วสั่งให้มีการเลือกตั้งด่วน ซึ่งโปลิติโคมองว่าเป็นการที่มาครงพยายามเดิมพันในครั้งใหม่หลังจากที่พ่ายแพ้ในการเลือกตั้งสภายุโรป อีกทั้งยังให้สัญญาว่าจะเขี่ยฝ่ายขวาจัดให้ตกกระป๋องให้ได้

Vox มองว่านโยบายของมาครงเป็นนโยบายแบบ เน้นเทคโนแครต ที่ให้อำนาจข้าราชการชนชั้นนำ และนโยบายแบบเสรีนิยมใหม่ที่เอื้อกลุ่มทุนใหญ่ ล้วนแต่เป็นนโยบายที่ไม่เป็นที่นิยมในฝรั่งเศส ทำให้ในรอบแรกพรรคเรเนสซองส์ของมาครงได้ที่ 3 ตามหลังพรรคแนวร่วมอื่นๆ

จากสถิติจำนวนที่นั่งในสภาของการเลือกตั้งล่าสุดยังแสดงให้เห็นอีกว่าทั้งพรรคแนวร่วมฝ่ายซ้าย และพรรคขวาจัดต่างก็ได้ที่นั่งเพิ่มขึ้น 50 กว่าที่นั่ง ในขณะที่แนวร่วมสายกลางได้ที่นั่งลดลงมาก

อย่างไรก็ตาม มาครง ก็ยังคงกล่าวปราศรัยกับฝูงชนหลังผลการเลือกตั้งครั้งล่าสุดออกมา ด้วยน้ำเสียงในเชิงท้าทายและปลุกขวัญฝ่ายของตัวเองโดยบอกว่า "แนวความคิดของพวกเรายังคงอยู่ และพวกเราก็ไม้ได้สูญเสียผู้ลงคะแนนเสียงให้"

โปลิติโคระบุว่า มาครงจะยังไม่สละตำแหน่งประธานาธิบดีของตัวเอง และจะยังคงอยู่ในตำแหน่งไปจนถึงปี 2570 ในขณะที่นายกรัฐมนตรีของฝายมาครงคือ กาเบรียล อัตตัล เสนอตัวว่าจะลาออกจากตำแหน่งหลังการเลือกตั้งในครั้งนี้ อย่างไรก็ตามมาครงเรียกร้องให้อัตตัล ยังคงดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสต่อไปเป็นการชั่วคราวเพื่อรักษาเสถียรภาพ หลังจากที่การเลือกตั้งที่ไม่มีฝ่ายใดชนะขาดทำให้รัฐบาลฝรั่งเศสอยู่ในภาวะสุญญากาศ

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

 

การเมืองที่สุดขั้วมากขึ้น

ถึงแม้ว่าจะสกัดกั้นไม่ให้ฝ่ายขวาจัดเข้ามาครองอำนาจในสภาได้ แต่ฝรั่งเศสก็เผชิญปัญหาใหม่ตรงที่จะจัดตั้งแนวร่วมรัฐบาลอย่างไรให้ลงตัว พรรคแนวร่วมฝ่ายซ้ายเองประกอบด้วยหลายพรรคการเมือง ทั้งพรรคกรีนส์, พรรคสังคมนิยม, พรรคคอมมิวนิสต์, และลา ฟรองซ์ อันซูมีส (LFI) ที่นำโดย ฌอง-ลุค เมลองชอง ผู้ที่มีความดุดันและชวนให้เกิดข้อโต้แย้ง แนวร่วมฝ่ายซ้ายก็มีปัญหาเรื่องความแตกแยกแบบฝังรากลึกทั้งในเรื่องส่วนตัวและเรื่องอุดมการณ์ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา

แต่ เรมี เลอฟาเบรอ นักรัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยแห่งลิลเลอ ได้กล่าวให้สัมภาษณ์ต่อสื่อไว้ว่า "ตามประวัติศาสตร์แล้ว เวลาที่มีภัยคุกคามจากฝ่ายขวาสุดโต่ง ฝ่ายซ้ายมักจะร่วมมือกันเสมอ"

อย่างไรก็ตามมีอีกปัญหาหนึ่งคือการที่มาครงดูจะยังไม่ยอมสละตำแหน่งง่ายๆ แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องอยู่ร่วมกันกับฝ่ายซ้ายในสภาให้ได้ ทำให้มีการวิเคราะห์ว่ามาครงอาจจะต้องพึ่งพาฝ่ายซ้ายมากขึ้นในการบริหาร เป็นการส่งสัญญาณให้เห็นถึงสภาพการเมืองของฝรั่งเศสในตอนนี้ สื่อ Vox มองว่าการเลือกตั้งในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าสิ่งที่มีอำนาจนำการเมืองฝรั่งเศสในตอนนี้ไม่ใช่สายกลางอย่างมาครงอีกต่อไป แต่เป็นไม่ฝ่ายขวาจัดก็ฝ่ายซ้าย

แพทริก ชามอเรล นักวิชาการอาวุโสที่ศูนย์สแตนฟอร์ดในวอชิงตันกล่าวว่า "มาครงประสบความสำเร็จในการสร้างพรรคสายกลาง ... แต่มันก็ไม่มีทางเลือกอื่น เพราะทางเลือกทั้งหมดเหลืออยู่ที่ว่าจะเป็นขวาจัดหรือซ้ายจัด เขาได้ทำลายขวากลางและซ้ายกลางไปแล้ว และในตอนนี้เขาก็กำลังทำให้พรรคตัวเองล่ม ดังนั้นแล้วมันจะไม่เหลืออะไรอย่างอื่นนอกจากการเมืองสุดขั้ว"

 

ฝ่ายซ้ายได้แต้มเพราะเสนอนโยบายเศรษฐกิจ-ปากท้องประชาชน

แม้แต่ในนิตยสารไทม์ ก็นำเสนอพาดหัวรายงานว่า "Macron’s Disastrous Election" หรือ "การเลือกตั้งที่ล้มเหลวของมาครง" ไทม์ระบุว่า นับตั้งแต่การเลือกตั้งครั้งแรกในปี 2560 มาครงวางเป้าหมายของตัวเองที่จะเน้นเรื่องการทำให้ฝ่ายขวาจัดที่กำลังได้รับความนิยมอ่อนกำลังลง ทว่า แม้แต่เป้าหมายนี้ มาครงก็ทำไม่สำเร็จ เพราะพรรคขวาจัดของ เลอ แปน กลับยิ่งเข้มแข็งขึ้น

ในขณะเดียวกัน ไทม์ก็วิเคราะห์ว่าที่แนวร่วมฝ่ายซ้ายใหม่ NFP ทำคะแนนได้ดีมากในครั้งนี้ เพราะพวกเขาหันมาจับนโยบายทางเศรษฐกิจในการหาเสียงซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่ประชาชน เช่นข้อเสนออย่างการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ และการขึ้นภาษีคนรวย บวกกับปัจจัยเรื่องแรงต่อต้านพรรคขวาจัดจากผู้ลงคะแนนเสียงบางส่วนก็มีส่วนที่ทำให้ฝ่ายซ้ายได้คะแนน

สื่อ Vox ได้เสนอเรื่องนโยบายของฝ่ายซ้าย NFP ไปในทางเดียวกันคือระบุถึงเรื่องที่ NFP เสนอนโยบายด้านความเป็นอยู่ของประชาชน อย่างการลดอายุเกษียณเป็น 60 ปี การตรึงราคาสินค้าพื้นฐานเพื่อแก้ปัญหาวิกฤตค่าครองชีพของประชาชนซึ่งเป็นปัญหาที่แพร่ไปทั่วยุโรปหลังการระบาดใหญ่ของ COVID-19 และหลังจากที่รัสเซียทำสงครามกับยูเครน นอกจากนี้ยังเสนอนโยบายที่โต้ตอบพรรคขวาจัดโดยตรงอย่างการสัญญาว่าจะทำให้กระบวนการขอลี้ภัยง่ายขึ้น ตรงกันข้ามกับพรรคขวาจัดที่ทำให้ผู้อพยพเป็นตัวร้ายและสัญญาว่าจะลดจำนวนผู้อพยพ ในประเด็นต่างประเทศฝ่ายซ้าย NFP ยังเสนอว่าจะให้การยอมรับรัฐปาเลสไตน์และผลักดันให้มีการหยุดยิงในกาซ่า

ในฝรั่งเศสนั้น ตำแหน่งประธานาธิบดีมักจะเน้นดูแลเรื่องการกลาโหมและนโยบายต่างประเทศ ขณะที่นายกรัฐมนตรีและรัฐสภาจะเป็นผู้กำหนดวาระแห่งชาติ หรือก็คือดูแลจัดการเรื่องภายในประเทศ เรื่องนี้สื่อ Time มองว่าผลการเลือกตั้งปัจจุบันทำให้ศูนย์กลางอำนาจการเมืองฝรั่งเศสเปลี่ยนจากประธานาธิบดีมาอยู่ที่รัฐสภา ทำให้มาครงผู้เคยมีรัฐบาลเป็นพรรคสายกลางด้วยกันต้องอยู่ร่วมกับรัฐสภาฝ่ายซ้าย โดยที่เขาไม่สามารถเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งใหม่อีกครั้งได้ไปจนถึงปีหน้า ทำให้ในตอนนี้มาครงถูกลดบทบาทให้เป็นผู้สังเกตการณ์จากภายนอก เป็นหนึ่งในผู้มีบทบาทคนหนึ่งจากผู้มีบทบาทจำนวนมาก

 

อนาคตการเมืองฝรั่งเศสจะเป็นอย่างไรต่อไป

ผลลัพธ์ที่ย่ำแย่ของพรรคสายกลางในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด ยังได้จุดประเด็นให้คนตั้งสมมุติฐานว่า หรือการสั่งจัดเลือกตั้งใหม่นี้ มาครงไม่ได้ตั้งใจจะชนะตั้งแต่แรก แต่เป็นการกะจะให้พรรคขวาจัดเข้ามาเป็นฝ่ายบริหารที่ต้องแชร์อำนาจกับประธานาธิบดีสายกลาง ซึ่งอาจจะกลายเป็นการทำให้พรรคขวาจัดของ เลอ แปน สูญเสียความขลังในฐานะพรรคที่ต่อต้านสถาบันการเมืองแบบดั้งเดิม ลดโอกาสในการที่ขวาจัดจะชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2570

สื่อ เลอมอนด์ รายงานว่าผู้ที่ทำตามยุทธวิธีให้ผู้แทนถอนตัวจากการเลือกตั้งรอบที่สองเพื่อลดความเสี่ยงที่พรรคขวาจัดจะได้เสียงข้างมาก เป็นความคิดของ นายกรัฐมนตรี อัตตัล ไม่ใช่ของมาครง ซึ่งหมายความว่า ผู้ที่ทำให้ฝ่ายขวาจัดพ่ายการเลือกตั้งรอบที่สองได้เป็นเพราะแผนการของเหล่าผู้แทนฝ่ายซ้ายกับสายกลาง ไม่ใช่เพราะมาครงเอง

คำถามต่อมาคืออนาคตการเมืองฝรั่งเศสจะเป็นอย่างไรต่อไป หลังจากที่ฝ่ายซ้ายชนะไม่ขาดในสภา Vox ระบุว่า อาจจะยังถือเป็นเรื่องยากที่ในอีก 3 ปีข้างหน้าฝ่ายซ้าย NFP จะสามารถผลักดันนโยบายได้ทั้งหมด แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นการปฏิรูปแบบแยกส่วนไป เนื่องจากฝ่ายซ้ายจะต้องอาศัยการผูกมิตรกับพรรคอื่นๆ ในการผลักดันร่างบัญญัติต่างๆ ผ่านสภาให้ได้ แต่ฝ่ายซ้ายบางส่วนเช่นเมลองชองก็ดูเหมือนจะไม่อยากผูกมิตรกับฝ่ายสายกลางของมาครง

ดีเดียร์ เมาส์ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องกฎหมายรัฐธรรมนูญฝรั่งเศสกล่าวว่าพวกเขาจะต้องเผชิญกับสถานการณ์แบบที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน จากการที่พวกเขาขาดรัฐบาลเสียงข้างมากในสภาโดยที่ยังไม่มีตัวเลือกนายกรัฐมนตรีที่ชัดเจน

Vox ระบุอีกว่านโยบายขวากลางแบบเสรีนิยมใหม่ของมาครงก็ไม่ใช่สิ่งที่เข้ากันได้กับการเมืองดั้งเดิมของฝรั่งเศส ผู้คนประท้วงต่อต้านนโยบายต่างๆ ของมาครงทำให้พรรคเรเนสซองส์ของเขาอยู่ในภาวะตีบตัน ไม่ใช่พรรคสายกลางที่ดำเนินต่อไปได้อีก แต่พรรคขวาจัดกับฝ่ายซ้ายที่ถึงแม้จะทำได้ดีในการเลือกตั้งแต่ก็ยังคงไม่มั่นคง ซึ่งอาจจะส่งผลให้การเมืองฝรั่งเศสยังคงขาดเสถียรภาพและชวนให้เกิดคำถามว่าการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งถัดไปในปี 2570 จะเป็นเช่นไร พวกเขาจะได้ผู้นำฝ่ายซ้ายที่กลับคืนมามีพลังในฝรั่งเศสหรือไม่ หรือว่าแนวร่วมของพวกเขาจะล่มสลายไป แต่ที่แน่ๆ ฝ่ายขวาจัดที่พ่ายแพ้ในครั้งนี้ก็จะยังคงอยู่ไม่หายไปไหน

 

 

เรียบเรียงจาก

France’s elections showed a polarized country, Vox, 09-07-2024

https://www.vox.com/explainers/359421/france-elections-new-popular-front-macron-le-pen-melenchon

French left beats Le Pen’s far right in election shock, Politico, 07-07-2024

https://www.politico.eu/article/france-legislative-election-2024-second-round-front-populaire-jean-luc-melenchon-raphael-glucksmann-shock-victory/

Macron’s Disastrous Election, TIME, 08-07-2024

https://time.com/6995779/france-macron-disastrous-election/

French President Emmanuel Macron asks prime minister to remain temporarily after election leaves government in limbo, ABC News, 08-07-2024

https://abcnews.go.com/International/wireStory/french-president-emmanuel-macron-asks-prime-minister-remain-111738269

 

 

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net