Skip to main content
sharethis

กมธ.ศึกษานิรโทษกรรมฯ ไม่ฟันธงรวม 112 หรือไม่ พร้อมทำความเห็นเป็นแนวทางให้สภาฯ ตัดสินใจ โดยแบ่งเป็น 3 ประเภท คือ 'เห็นว่าควรรวม-ไม่ควรรวม-รวมแบบมีเงื่อนไข' ด้าน 'ชัยธวัช' มองว่า การรวมแบบมีเงื่อนไขอาจเป็นข้อเสนอที่ดีที่จะทำให้ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยพิจารณา เป็นทางเลือกใหม่ๆ คาดเสร็จสิ้นภายในสัปดาห์หน้า

 

18 ก.ค. 2567 เพจเฟซบุ๊ก "The reporters" ถ่ายทอดสดออนไลน์เมื่อเวลา 14.46 น. ติดตามคณะกรรมาธิการวิสามัญตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ สภาผู้แทนราษฎร มีการพิจารณาและลงมติในคดีและฐานความผิดที่จะนิรโทษกรรมฯ โดยเฉพาะในฐานความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 110 (ประทุษร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี และรัชทายาท) และ 112 (หมิ่นประมาทกษัตริย์)

ชูศักดิ์ ศิรินิล พรรคเพื่อไทย และเป็นประธานคณะกรรมาธิการฯ ให้สัมภาษณ์สื่อ สรุปการทำงานของกรรมาธิการศึกษาแนวทางการตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรมคดีการเมืองฯ ระบุว่าวันนี้มีข้อยุติเกือบทั้งหมดแล้ว โดยเบื้องต้น สรุปได้ออกเป็น 3 ประเด็น

ทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่าควรมีการนิรโทษกรรมการกระทำที่มีมูลเหตุแรงจูงใจทางการเมืองชัดเจน ระยะเวลา 2548 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน และมีบทนิยามที่ชัดเจนว่าความผิดที่มีแรงจูงใจทางการเมืองมีความผิดอะไรบ้าง โดยจะมีผนวกแนบท้ายว่า เป็นความผิดโดยเอกฉันท์ไม่มีฝ่ายไหนขัดข้อง

มีมติว่าเรื่องของความผิดต่อชีวิต และละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง ตามมาตรา 288 และมาตรา 289 เราไม่นิรโทษกรรม เพราะเป็นการประทุษร้ายต่อชีวิต ไม่ได้มีแค่ต่อรัฐฝ่ายเดียว แต่ทำให้ประชาชนล้มตาย เป็นต้น

ฐานความผิดที่เกี่ยวกับมาตรา 110 และมาตรา 112 คณะกรรมการฯ ตั้งว่าเป็นความผิดที่มีความอ่อนไหวทางการเมือง กมธ.ไม่ได้มีการลงมติเด็ดขาด เนื่องจากมีความเห็นที่หลากหลาย แต่จะส่งความเห็นโดยแยกเป็น 3 แนวทาง ประกอบด้วย

ประเภทแรก คือเห็นว่าไม่ควรรวมอยู่ใน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมคดีการเมือง ความเห็นประเภทที่ 2 ให้นิรโทษกรรมโดยไม่มีเงื่อนไขอะไร และความเห็นประเภทที่ 3 นิรโทษกรรมแบบมีเงื่อนไข โดยมีการกำหนดเงื่อนไขแนวทางแบบต่างๆ ซึ่งจะระบุไว้ในรายงาน

ชูศักดิ์ กล่าวว่า โดยรวม กมธ.เห็นว่าเรามีหน้าที่ศึกษา และควรส่งความเห็นทั้งหมดเพื่อให้สภาฯ พิจารณา ทีนี้ขึ้นอยู่กับสภาฯ ว่าจะพิจารณาอย่างไร และชูศักดิ์ ยืนยันด้วยว่าไม่มีการปิดกั้นความเห็นของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง 

ชูศักดิ์ กล่าวว่า ขั้นตอนต่อไปนี้เลขาฯ จะจัดทำรายงาน และคาดว่าจะส่งรายงานได้ภายในสิ้นเดือนนี้ (ก.ค.) และจะเสนอต่อสภาฯ ต่อไป เพื่อจะได้นำความเห็นของ กมธ.ไปใช้ร่างกฎหมายของแต่ละพรรคการเมือง

ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า เมื่อนำเสนอรายงานต่อสภาฯ แล้ว สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของแต่ละพรรคการเมืองจะไปออกแบบทำกฎหมายของตัวเองโดยเอาข้อมูลและความเห็นต่างๆ ที่ทั้งที่มีเอกภาพ และมีความเห็นแตกต่างกัน ไปร่างกฎหมายของตัวเองขึ้นมา ขณะที่ประเด็นเกี่ยวกับการนิรโทษกรรมคดีมาตรา 112 และมาตรา 110 มีคนที่เห็นด้วยว่าควรนิรโทษกรรมแบบมีเงื่อนไขป้องกันการกระทำผิดซ้ำ ตัวของชัยธวัช จะทำหน้าที่ไปรวบรวมวิธีเงื่อนไขแบบต่างๆ และข้อเสนอแนะมาใส่ในรายงาน ให้เสร็จภายในสัปดาห์หน้า

ชัยธวัช มองการกำหนดเงื่อนไขในการรวมมาตรา 112 เข้าไปรวมใน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมคดีการเมือง โดยมีการกำหนดเงื่อนไขขึ้นมานั้นเป็นเรื่องที่ดี ซึ่งจะต้องไปกำหนดเงื่อนไข และรายละเอียดอีกทีว่ามีวิธีการใดบ้าง แต่อย่างน้อยเป็นข้อเสนอใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนในสังคม เพื่อให้ฝ่ายที่อาจจะเห็นแตกต่างกันได้พิจารณาและอาจจะยอมรับกันได้

ชัยธวัช กล่าวยกตัวอย่างเช่น ก่อนที่จะมีสิทธิได้รับการพิจารณานิรโทษกรรมหรือไม่ อาจจะต้องมีการมาแถลงข้อเท็จจริงของผู้ที่กระทำผิด หรือผู้ที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดว่าเหตุใดกระทำการไปอย่างนั้น มีแรงจูงใจทางการเมืองอะไรในการกระทำ หรืออาจจะถูกซักถามว่ามีใครอยู่เบื้องหลังหรือไม่ อย่างไร ให้ต้องออกมาแถลง และเปิดโอกาสให้คู่กรณีได้ให้ข้อมูลกับผู้ถูกกล่าวหาอีกด้านหนึ่ง หรืออาจจะมีมาตรการให้ทำกิจกรรมอย่างอื่นๆ หรือการรายงานตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเคยใช้ในช่วงนิรโทษกรรมออกจากป่า ก็จะนำมาประยุกต์ใช้ด้วย ซึ่งเป็นทางเลือกเชิงนโยบายให้สังคมได้เลือก

หัวหน้าพรรคก้าวไกล ระบุว่า ตอนแรกมองว่าอาจได้ข้อยุติวันนี้ แต่ประธาน กมธ.ให้การบ้านเขาไปทำงานเพิ่มเติม และจะให้เสร็จให้ได้ภายในสัปดาห์หน้า และหลังจากนั้น จะได้แถลงในมุมมองของพรรคก้าวไกล และได้อะไรบ้างจากการทำงาน

“นำเสนอรายงาน สมาชิกได้พิจารณารายงานในสภาฯ แล้ว ผมคิดว่าน่าจะมีหลายพรรคยื่นร่าง นิรโทษกรรมของตัวเอง และเราเห็นตรงกันว่า การนิรโทษกรรมจะเป็นการคลี่คลายการเมืองและความขัดแย้ง เพียงแต่อาจจะเห็นไม่ตรงกันในรายละเอียดบางอย่าง" ชัยธวัช กล่าว และระบุว่า พรรคก้าวไกล น่าจะมีการคุยกันภายในอีกว่าจะมีการปรับเปลี่ยนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมคดีการเมืองอย่างไร  

ทั้งนี้ ก่อนจบการแถลงข่าวนายชูศักดิ์ ยืนยันว่า การประชุมวันนี้เป็นไปด้วยดี ทุกฝ่ายพูดคุยกันอย่างมีเหตุผล ‘ไม่มีทุบโต๊ะ’

ก่อนหน้ามีการสัมภาษณ์ กมธ.นิรโทษกรรมคดีการเมือง ประดิษฐ์ สังขจาย สส.พระนครศรีอยุธยา พรรคภูมิใจไทย แถลงต่อสื่อ เน้นย้ำจุดยืนว่าพรรคฯ ไม่เห็นด้วยที่จะนิรโทษกรรมตามผู้ที่กระทำความผิดตามมาตรา 110 และมาตรา 112 ตามประมวลกฎหมายอาญา ทั้งนี้ เป็นจุดยืนและคำประกาศอุดมการณ์ของพรรคภูมิใจไทย ที่ประกาศไว้ใน ราชกิจจานุเบกษา และพรรคยังยืนยันในเรื่องความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ดังนั้น พรรคไม่เห็นด้วยที่จะตรา พ.ร.บ.เพื่อนิรโทษกรรม มาตรา 110 และมาตรา 112 

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net