Skip to main content
sharethis

รายงานข่าวเชิงลึกจาก Play the Game สโมสรฟุตบอลยุโรปชั้นนำกำลังทำลายสิ่งแวดล้อมและเอาเปรียบแฟนบอล ด้วยการบินข้ามทวีปเพื่อแข่งขันนัดกระชับมิตรก่อนฤดูกาล แม้จะอ้างว่าใส่ใจสิ่งแวดล้อม พวกเขากลับเลือกผลกำไรเหนือทุกสิ่ง 


ภาพประกอบสร้างจากเทคโนโลยี AI โดย Image Creator from Microsoft Designer

เว็บไซต์ Play the Game โดยสถาบันศึกษากีฬาแห่งเดนมาร์ก (Idan) ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อยกระดับมาตรฐานจริยธรรม ส่งเสริมประชาธิปไตย ความโปร่งใส และเสรีภาพการแสดงออก ในวงการกีฬาโลก ได้เผยแพร่ รายงานข่าวเชิงลึก 'Flying high: How European football clubs are exploiting fans and the environment' เมื่อช่วงต้นเดือน ส.ค. 2024 โดยมีรายละเอียดที่น่าสนใจดังต่อไปนี้ ...

แม้จะประกาศจุดยืนในการพิทักษ์สิ่งแวดล้อม สโมสรฟุตบอลยักษ์ใหญ่แห่งยุโรปกลับยังคงบินข้ามทวีป เพื่อทำกำไรจากเกมส์อุ่นเครื่องก่อนเปิดฤดูกาล แลกด้วยผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม งานวิจัยของ Play the Game เผยขอบเขตการเดินทางและรอยเท้าคาร์บอน (carbon footprint) อันมหาศาล

10 จาก 12 สโมสร ที่เคยเสนอก่อตั้งยูโรเปียนซูเปอร์ลีก (European Super League หรือ ESL) บินออกนอกยุโรปก่อนเปิดฤดูกาล พวกเขาเดินทางไกลนับแสนกิโลเมตรไปยังอเมริกาเหนือและเอเชีย เพื่อแข่งขันนัดกระชับมิตรที่สร้างรายได้มหาศาล และแฟนบอลต้องจ่ายค่าตั๋วแพงลิบ

ในปี 2018 กลุ่ม Relevant Sports จ่ายเงินให้สโมสรที่เข้าร่วมการแข่งขันทัวร์นาเมนต์ International Champions Cup สูงถึง 3.25 ล้านดอลลาร์ฯ ต่อนัด ตามรายงานของ Der Spiegel ซึ่งอ้างอิงข้อมูลจาก Football Leaks การทัวร์ช่วงฤดูร้อนสามารถสร้างรายได้ให้สโมสรถึง 10 ล้านดอลลาร์ฯ หรือมากกว่า

นับตั้งแต่มูลค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดในต่างประเทศของลีกยุโรปชั้นนำส่วนใหญ่ในยุโรปหยุดชะงัก สโมสรต่าง ๆ จึงมองหาโอกาสในต่างทวีปในการทำเงิน ผ่านการแข่งขันนัดกระชับมิตรที่อาจทำให้แฟนบอลต่างประเทศต้องจ่ายค่าตั๋วในราคาสูงลิบ

ฤดูร้อนนี้ ครึ่งหนึ่งของสโมสรที่เคยเสนอก่อตั้ง ESL ร่วมแข่งขันใน Soccer Champions Tour ที่สหรัฐฯ ซึ่งบัตร VIP อาจมีราคาสูงถึง 3,540 ดอลลาร์ฯ และบัตรพบปะนักเตะอาจมีราคาสูงถึง 5,000 ปอนด์ - สำหรับเกมที่ไม่ได้แข่งขันกันจริงจังมาก ที่มีการเปลี่ยนตัวผู้เล่นยกทีมได้

เที่ยวบินไปสหรัฐฯ ยังสร้างรอยเท้าคาร์บอนปริมาณมหาศาล ซึ่งขัดแย้งกับความพยายามของสโมสรที่จะแสดงภาพลักษณ์ด้านความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม การคำนวณของ BBC ชี้ว่าการเดินทางก่อนฤดูกาลไปสหรัฐฯ ในฤดูร้อนนี้ของทั้ง Chelsea และ Manchester United จะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ราว 200 ตันต่อทีม ซึ่งเทียบเท่ากับการขับรถเครื่องยนต์เบนซินเป็นระยะทาง 500,000 ไมล์ โดยคำนวณจากคณะเดินทางจำนวน 30 คน ในชั้นธุรกิจ

ตัวแทนจัดการแข่งขันบอกกับ Play the Game ว่าสโมสรใหญ่ ๆ อาจพาคนมากกว่า 80 คน ในบางทัวร์ ซึ่งอาจรวมถึงนักข่าวด้วย

ความย้อนแย้งระหว่างคำพูดและการกระทำ

สโมสร Tottenham Hotspur จากอังกฤษเป็นผู้ลงนามในกรอบการดำเนินงานด้านกีฬา เพื่อการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศขององค์การสหประชาชาติ (UN) และเมื่อเร็ว ๆ นี้ก็ได้รับมาตรฐาน ISO 20121 ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลที่สำคัญสำหรับการจัดการกิจกรรมอย่างยั่งยืน อย่างไรก็ตาม สโมสรนี้เดินทางไกลกว่าสมาชิกอื่น ๆ ของสโมสรที่เคยเสนอก่อตั้ง ESL ในช่วงฤดูร้อนนี้ โดยไปเยือนญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ด้วย

ความย้อนแย้งนี้ของสโมสรที่เดินทางไปทั่วโลกในช่วงปรีซีซั่น ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากกลุ่มรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อม เช่น Cool Down Sport for Climate Action Network

"มีช่องว่างที่เพิ่มขึ้นในวงการฟุตบอลระดับสูง ระหว่างสิ่งที่สโมสรบอกว่าพวกเขาจะทำเพื่อจัดการกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศและการกระทำของพวกเขา เมื่อพูดถึงเรื่องการแข่งขันกระชับมิตรในช่วงปรีซีซั่น ช่องว่างนี้กลายเป็นเหวลึก" เฟรดดี้ เดลีย์ (Freddie Daley) นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยซัสเซ็กซ์และเป็นสมาชิกของเครือข่ายกล่าว

"สโมสรยักษ์ใหญ่ของยุโรปบินไปในระยะทางไกลโดยเครื่องบินเพื่อเล่นเกมกระชับมิตรในช่วงปรีซีซั่น ทั้งยังสวมเสื้อที่มีโลโก้ของบริษัทที่ปล่อยคาร์บอนสูง มันได้สร้างแรงกดดันทั้งต่อนักฟุตบอลและโลกของเรา ในโลกที่พยายามลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน อากาศร้อนจัดและน้ำท่วมกำลังสร้างความเสียหายให้กับสนามฟุตบอลและโครงสร้างต่าง ๆ เราจึงต้องทบทวนการเติบโตของวงการฟุตบอลที่กำลังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว"

"ไม่ว่าจะเป็นในวงการฟุตบอลหรือนอกวงการ สิ่งที่ทำสำคัญกว่าสิ่งที่พูด ถ้าสโมสรชั้นนำ จริงจังที่จะดูแลนักเตะ แฟนบอล และอนาคตของกีฬาฟุตบอล พวกเขาควรพูดน้อยลงและลงมือทำมากขึ้น"

Tottenham Hotspur บอกกับ Play the Game ว่าตั้งใจจะเดินทางแบบรักษ์โลกให้มากที่สุด โดยอธิบายว่า: "เราพยายามบินให้น้อยลง โดยให้ทั้งทีมและเจ้าหน้าที่บินด้วยเครื่องบินลำเดียวกัน ในช่วงฤดูกาลแข่งขัน ถ้าระยะทางไม่เกิน 2.5 ชั่วโมง เราจะใช้รถบัสแทน เพื่อไม่ให้กระทบต่อสภาพร่างกายและฟอร์มการเล่นของนักกีฬา"

สโมสรบอกว่าพวกเขาคำนวณมลพิษจากการเดินทางเพื่อหาทางลดลง และร่วมมือกับบริษัท Destination Sport Travel ชดเชยมลพิษ "เท่าที่ทำได้" โดยซื้อเครดิตคาร์บอนที่ผ่านการรับรองจาก UN เมื่อ Play the Game ถามว่ามีคนเดินทางไปแข่งต่างประเทศกับสโมสรกี่คน ทางสเปอร์สไม่ได้ตอบคำถามนี้

เบื้องหลัง 'รอยเท้าคาร์บอน' จากการแข่งขันก่อนฤดูกาลของสโมสรฟุตบอลยักษ์ใหญ่


ภาพประกอบสร้างจากเทคโนโลยี AI โดย Image Creator from Microsoft Designer

สโมสรที่เคยเสนอก่อตั้ง ESL สร้างมลพิษจากการเดินทางทั่วโลกมานานแล้ว Play the Game รวบรวมข้อมูลพบว่าระหว่างปี 2014-2023 สโมสรเหล่านี้ 12 ทีมแข่งอุ่นเครื่องก่อนเปิดฤดูกาลทั้งหมด 653 นัด โดย 412 นัด หรือ 63% เป็นการแข่งในต่างประเทศ

ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ทีมส่วนใหญ่เดินทางไปแข่งนอกยุโรปก่อนเปิดฤดูกาล ซึ่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากกว่าเดิมมาก เพราะต้องบินไกล จาก 412 เกมที่แข่งต่างประเทศ 262 เกมเล่นในเอเชียหรืออเมริกาเหนือ คิดเป็น 40% ของเกมอุ่นเครื่องทั้งหมด

เกมในอเมริกาเหนือส่วนใหญ่จัดในสหรัฐฯ Real Madrid และ Manchester United แข่งที่นั่นทีมละ 24 เกม คิดเป็น 56% และ 45% ของเกมอุ่นเครื่องทั้งหมดของแต่ละทีม ทั้งสองทีมร่วมแข่งรายการที่ทำเงินมหาศาล เพื่อหารายได้เพิ่ม

สโมสรที่เคยเสนอก่อตั้ง ESL บอกกับ Play the Game ว่าพวกเขาไม่มีแผนจัดการเรื่องมลพิษจากการเดินทางไกลช่วงก่อนเปิดฤดูกาลของทีมที่อาจเข้าร่วม

แม้แต่เมื่อทีมเหล่านี้แข่งในบ้าน คู่แข่งก็มักมาจากต่างประเทศ ใน 10 ปีที่ผ่านมา เกมอุ่นเครื่องของสโมสรที่เคยเสนอก่อตั้ง ESL แค่ 26% ที่แข่งในบ้านกับทีมในประเทศเดียวกัน Manchester City แข่งในบ้านกับทีมอังกฤษแค่ 7 เกม ส่วน Barcelona แข่งในบ้านกับทีมสเปนแค่ 8 เกม

ในรอบ 10 ปี Real Madrid ไม่ได้แข่งในสเปนเลย 5 ปี และแข่งกับทีมสเปนด้วยกันแค่ปีเดียว ปี 2020 โควิด-19 ทำให้แผนอุ่นเครื่องพัง Real Madrid เลยได้แข่งแค่นัดเดียวกับ Getafe ทีมเพื่อนบ้านในมาดริด

ความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมในช่วงก่อนฤดูกาล

หลายทีมแข่งกับทีมยุโรปอื่น ๆ ระหว่างเก็บตัวซ้อม ส่วนการแข่งในที่ไกล ๆ มักเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาทางธุรกิจ เพื่อหารายได้เพิ่มและสร้างความสัมพันธ์กับแฟนบอลต่างชาติ

ผลลัพธ์คือมีการแข่งอุ่นเครื่องมากมายที่แทบไม่มีความหมายอะไร นอกจากเป็นโฆษณาให้บริษัทผู้สนับสนุน ใครจำการแข่งอย่าง Casinò Lugano Cup, Chevrolet Cup หรือ Coupang Play Series ได้บ้าง? แต่การแข่งพวกนี้ก็ดึงดูดทีมยักษ์ใหญ่ของยุโรปมาร่วมได้หลายทีม

ปีเตอร์ คริสป์ (Peter Crisp) จากกลุ่ม Fossil Free Football บอกกับ Play the Game ว่า "ทีมที่เดินทางไปทั่วโลกช่วงก่อนเปิดฤดูกาล ปล่อยมลพิษเยอะ กำลังทำให้นักฟุตบอลและชุมชนที่พวกเขาต้องพึ่งพาเสี่ยงอันตราย"

"พวกเขาไม่สนใจสองเรื่องสำคัญ คือ ความกังวลว่านักฟุตบอลถูกใช้งานหนักเกินไป และภัยจากสภาพอากาศรุนแรงที่เกิดจากการใช้น้ำมันและถ่านหิน ซึ่งกำลังเป็นปัญหาอยู่แล้ว"

"การคิดแบบ 'ธุรกิจเหมือนเดิม' และการพยายามจัดแข่งให้มากขึ้นเรื่อยๆ เป็นอันตราย ควรเปลี่ยนมาเป็นการดูแลที่คำนึงถึงข้อจำกัดจริง ๆ ของร่างกายนักฟุตบอลและของโลก ถึงเวลาแล้วที่ทีมดัง ๆ ต้องเป็นผู้นำจริง ๆ ด้วยการลดมลพิษ เพื่อรักษาอนาคตของวงการฟุตบอล" คริสป์ กล่าว

Manchester City สร้างรอยเท้าคาร์บอนในช่วงก่อนฤดูกาลมากที่สุด

Manchester City คว้าแชมป์มากมายใน 10 ปีที่ผ่านมา และตอนนี้พวกเขาได้ "แชมป์" อีกอย่าง คือเป็นทีมที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการเดินทางช่วงก่อนเปิดฤดูกาลมากที่สุด

Play the Game ทำวิจัยพบว่า ตั้งแต่ปี 2014 ถึงซัมเมอร์ที่แล้ว แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แข่งอุ่นเครื่องนอกยุโรปมากกว่า 75% ของเกมทั้งหมด

งานวิจัยนี้พบว่า มี 19 ทีมดังของยุโรป ที่แข่งอุ่นเครื่องนอกทวีปมากกว่า 10 เกมใน 10 ปีที่ผ่านมา ทีมเหล่านี้แข่งในบ้านกับทีมในประเทศเดียวกันแค่ 30% ของเกมอุ่นเครื่องทั้งหมด

จาก 19 ทีมที่เดินทางมากสุด 56% ของเกมนอกประเทศจัดในสนามกลาง เช่น สนามคริกเก็ตเมลเบิร์นในออสเตรเลีย การแข่งแบบนี้ยิ่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกมาก เพราะทั้งสองทีมต้องบินมาจากอีกประเทศ

ยกตัวอย่างเช่น ซัมเมอร์ที่แล้ว Spurs และ West Ham ทีมคู่แข่งในพรีเมียร์ลีก บินไกลกว่า 14,000 กิโลเมตรไปแข่งกันที่เพิร์ธ ออสเตรเลีย ส่วน Manchester City บินไปแข่งกับ Atletico Madrid ในรายการ Coupang Play Series ที่กรุงโซล เกาหลีใต้ ซึ่งอยู่ห่างออกไปเกือบ 9,000 กิโลเมตร

พรีเมียร์ลีก: แชมป์การสร้างมลพิษจากการเดินทางก่อนฤดูกาล

ไม่น่าแปลกใจเลยที่พรีเมียร์ลีกอังกฤษ ลีกฟุตบอลที่รวยที่สุดในโลก เป็นตัวการใหญ่ที่สุดในเรื่องเดินทางไกล ๆ ช่วงก่อนเปิดฤดูกาล

10 ปีที่ผ่านมา ทีมพรีเมียร์ลีกบินไปออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ช่วงก่อนเปิดฤดูกาลถึง 12 ครั้ง และแข่งนอกยุโรป 230 เกม คิดเป็นกว่า 20% ของเกมทั้งหมด ทุกปีตั้งแต่ 2014-2019 มีทีมพรีเมียร์ลีกอย่างน้อยหนึ่งทีมบินไปออสเตรเลียหรือนิวซีแลนด์

หลังจากกลับมาเดินทางไกลช่วงก่อนเปิดฤดูกาลอีกครั้งในปี 2022 มี 4 ทีมบินไปออสเตรเลีย Tottenham Hotspur ถึงขนาดบินไปอีกรอบช่วงท้ายฤดูกาล 2023/24 เหมือนกับ Newcastle ทั้งสองทีมนี้ใช้เครื่องบินเจ็ทส่วนตัวด้วย

สโมสรฝรั่งเศสแข่งขันใกล้บ้านมากกว่า

ทีมสโมสของฝรั่งเศสดูจะสร้างปัญหาสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุดช่วงก่อนเปิดฤดูกาล งานวิจัยพบว่า ทีมลีกเอิงแข่งนอกฝรั่งเศส 31% และแข่งนอกยุโรปแค่ 3% ซึ่งน้อยที่สุดในบรรดา 5 ลีกใหญ่ของยุโรป ทีมฝรั่งเศสมักอุ่นเครื่องในสนามเล็ก ๆ ในประเทศก่อนเปิดฤดูกาล

39% ของเกมอุ่นเครื่องทีมบุนเดสลีกาแข่งนอกเยอรมนี แต่หลายทีมไปแข่งที่ออสเตรียซึ่งอยู่ใกล้ ๆ โดยนั่งรถบัสไปแทนเครื่องบิน ใน 10 ปีที่ผ่านมา มีอย่างน้อย 12 ทีมจาก 18 ทีมในบุนเดสลีกาไปออสเตรียทุกปี ยกเว้นปี 2020 ช่วงโควิด-19 ระบาด

ผลกระทบของโควิด-19 ต่อข้อมูลการเดินทาง

ข้อมูลที่เป็นพื้นฐานของงานวิจัยนี้รวมถึงปี 2020 ซึ่งผลกระทบของโควิด-19 ได้ลดการเดินทางระหว่างประเทศลงอย่างมาก รวมทั้งการเดินทางของสโมสรฟุตบอล

ปี 2020 ไม่มีทีมลาลีกาเลยที่แข่งอุ่นเครื่องนอกสเปน ส่วนพรีเมียร์ลีก มีแค่ Liverpool ที่แข่ง 2 เกมในออสเตรีย เป็นทีมเดียวที่แข่งนอกอังกฤษ ทางเซเรีย อา มีแค่ Verona แข่งในสวิตเซอร์แลนด์ และ Inter Milan แข่งในสโลวีเนีย เป็นการไปแข่งต่างประเทศเพียงครั้งเดียว

โควิด-19 ทำให้การเตรียมทีมก่อนเปิดฤดูกาลหยุดชะงักนานกว่าหนึ่งปี ส่วนหนึ่งเพราะข้อจำกัดด้านสาธารณสุข อีกส่วนเพราะการหยุดชะงักทำให้ลีกต้องใช้เวลานานขึ้นในการแข่งให้จบหรือเริ่มต้นฤดูกาลใหม่

เรื่องนี้ทำให้การเดินทางของทีมเหล่านี้ดูน้อยกว่าที่ควรจะเป็น เพราะการเดินทางไกล ๆ ถูกยกเลิกเนื่องจากโควิด-19 เช่น West Ham ที่จะไปออสเตรเลียปี 2020

จริง ๆ แล้ว ถ้าไม่มีโควิด-19 จำนวนเกมที่แข่งนอกยุโรปอาจจะมากกว่านี้ประมาณ 10-20%

แทบไม่มีการแข่งขันก่อนฤดูกาลในแอฟริกาเลย

ช่วงซัมเมอร์ปี 1992 ก่อนพรีเมียร์ลีกเปิดตัว มีเกมอุ่นเครื่อง 172 เกม เป็นเกมในต่างประเทศ 75 เกม (44%) แต่มีแค่ Crystal Palace และ Sheffield Wednesday ที่กล้าบินออกนอกยุโรป โดยทั้งสองทีมไปแอฟริกาใต้

แม้ว่าหลายสิบปีที่ผ่านมา ฟุตบอลยุโรปจะมีแฟนบอลในแอฟริกาเพิ่มขึ้นมาก แต่ทีมยุโรปกลับแทบไม่สนใจไปเยือนประเทศเพื่อนบ้านทางใต้เลย

แอฟริกาอยู่ไม่ไกลนัก ประเทศแอฟริกาเหนือ เช่น ตูนิเซียและโมร็อกโก ที่จะเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2030 ร่วมกับสเปนและโปรตุเกส สามารถนั่งเรือไปจากฝรั่งเศส อิตาลี และสเปนได้ แต่ใน 10 ปีที่ผ่านมา จากการแข่งอุ่นเครื่องกว่า 6,000 ครั้งของทีมจาก 5 ลีกใหญ่ในยุโรป มีแค่ 9 ครั้งเท่านั้นที่แข่งในแอฟริกา

เรื่องนี้ทำให้เห็นว่า ที่สโมสรบอกว่าไปทัวร์ก่อนเปิดฤดูกาลเพื่อพบปะแฟนบอลทั่วโลกนั้น ไม่ใช่เหตุผลที่แท้จริง จริง ๆ แล้วพวกเขาต้องการไปหารายได้จากต่างประเทศมากกว่า

การตอบสนองของพรีเมียร์ลีก

พรีเมียร์ลีกเป็นลีกที่มีทีมใหญ่เดินทางไกลช่วงก่อนเปิดฤดูกาลมากที่สุด Play the Game เลยถามพรีเมียร์ลีกว่า ได้แนะนำทีมต่าง ๆ ให้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกหรือชดเชยมลพิษจากการเดินทางไกล ๆ ช่วงก่อนเปิดฤดูกาลหรือไม่

พรีเมียร์ลีกไม่ได้ตอบคำถามตรง ๆ แต่บอกว่าไม่มีกฎกลางเรื่องการเดินทาง แต่ละทีมต้องวางแผนกันเอง

พรีเมียร์ลีกอธิบายว่า ช่วง 3 เดือนแรกของปี 2022 ทีมของพวกเขาบินในประเทศ 59 เที่ยว คิดเป็นแค่ 0.079% ของเที่ยวบินในประเทศทั้งหมดของอังกฤษ แต่นี่เป็นการบินไปแข่งจริง ไม่ใช่ไปอุ่นเครื่องเพื่อหาเงิน เมื่อ Play the Game ถามอีกครั้งเรื่องทีมบินไปแข่งไกล ๆ ช่วงก่อนเปิดฤดูกาล พรีเมียร์ลีกตอบว่า "เราไม่มีความเห็นเพิ่มเติม"

ในเดือน ก.พ. 2024 สโมสรพรีเมียร์ลีกได้ลงนามในข้อตกลงด้านความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม (Environmental Sustainability Commitment) ซึ่งรวมถึงมาตรการปฏิบัติการ 4 ข้อ ได้แก่ การแต่งตั้งพนักงานระดับสูงของสโมสรเพื่อพัฒนาคำแนะนำด้านความยั่งยืน การพัฒนานโยบายความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมที่ 'แข็งแกร่ง' ภายในสิ้นฤดูกาล 2024/25 และการสนับสนุนกรอบการทำงานร่วมกันผ่านกลุ่มทำงานด้านความยั่งยืนของพรีเมียร์ลีก (PLSWG)

สโมสรยังตกลงที่จะทำงานเพื่อพัฒนาวิธีการมาตรฐานในการวัดการปล่อยมลพิษสำหรับวงการฟุตบอลทั้งหมด ไม่มีการกำหนดวันที่สำหรับข้อตกลงนี้ แต่สโมสรตกลงที่จะจัดทำชุดข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (ขอบเขต 1, 2 และ 3) ภายในสิ้นฤดูกาล 2025/26 ขอบเขต 3 น่าจะครอบคลุมผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการเดินทางในช่วงก่อนฤดูกาล

กลับสู่หนทางอีกครั้ง

เมื่อไม่มีข้อจำกัดเรื่องโรคระบาดแล้ว ทีมพรีเมียร์ลีกก็กลับมาเดินทางไกลอีกครั้ง 10 จาก 20 ทีมจะบินไปอเมริกาเหนือ อีก 3 ทีมจะไปญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ทุกทีมพาคนไปเยอะ ทั้งนักเตะ เจ้าหน้าที่และทีมงาน บินไปหลายพันไมล์ด้วยเครื่องบินเจ็ท

ในขณะที่ทีมฟุตบอลยักษ์ใหญ่ของยุโรปพยายามหาแฟนบอล ผู้สนับสนุน และเงินเพิ่ม อย่างไม่หยุดหย่อน แต่ 'สิ่งแวดล้อม' กลับเป็นฝ่ายที่ต้องแบกรับผลกระทบแทน.

รายงานข่าวเชิงลึกชิ้นนี้ครอบคลุมเฉพาะเกมของทีมชุดแรกที่เล่นในเดือน ก.ค.-ก.ย. เท่านั้น เกมที่เล่นโดยทีมพรีเมียร์ลีกอังกฤษในเวลส์ สกอตแลนด์ และไอร์แลนด์เหนือ ไม่นับว่าเป็นเกมในต่างประเทศ แหล่งข้อมูล: Soccerway, Worldfootball.net, Wikipedia, เว็บไซต์ของสโมสร

รายงานข่าวเชิงลึกชิ้นนี้ได้รับการพัฒนาด้วยการสนับสนุนจาก Journalismfund Europe

 

ที่มา:
Flying high: How European football clubs are exploiting fans and the environment (Play the Game, 7 August 2024)
 

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net