นักศึกษาหญิง มช. ถูกเจ้าหน้าที่คุมสอบห้ามให้เข้าห้องสอบ เหตุเพราะใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงสแล็คสีดำมาสอบ โดยเจ้าหน้าที่ไล่ให้กลับเปลี่ยนใส่กระโปรงก่อนถึงจะอนุญาตให้เข้าห้องสอบ เจ้าตัวยืนยันไม่กลับไปเปลี่ยนเป็นกระโปรงพร้อมตั้งคำถาม “ทำไมการที่ใส่กางเกงถึงผิดระเบียบ” เรียกร้องให้พื้นที่มหาวิทยาลัยมีเสรีภาพในแต่งกาย นักศึกษาสามารถแต่งกายตามเพศวิถีที่ตนเองนิยามได้

13 ก.ย. 2567 เฟซบุ๊กเพจ “SAAP 24:7” โดยกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่รายงานว่า เมื่อช่วงสอบกลางภาคที่ผ่านมามีนักศึกษาหญิง (ไม่ประสงค์เปิดเผยชื่อ) ชั้นปีที่ 3 จากคณะสื่อสารมวลชน ถูกเจ้าหน้าที่คุมสอบสอบห้ามไม่ให้เข้าสอบ หลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบว่านักศึกษาหญิงคนดังกล่าวแต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงสแล็คสีดำเข้าสอบ

เจ้าหน้าที่คุมสอบไม่อนุญาตให้นักศึกษาหญิงคนดังกล่าวเข้าสอบหากใส่กางเกงมาสอบ และแจ้งให้กลับไปเปลี่ยนเป็นกระโปรงเพื่อเข้าสอบแทน สุดท้ายนักศึกษาคนดังกล่าวตัดสินใจไม่กลับไปเปลี่ยนใส่กระโปรง เพราะเห็นว่าการกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าใช้เวลามาก ซึ่งจะส่งผลให้ไม่สามารถกลับมาสอบได้ทันตามกำหนดเวลา

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังนักศึกษาหญิงที่ถูกห้ามไม่ให้เข้าสอบพบว่า เจ้าหน้าที่คุมสอบในวิชาจิตวิทยาทั่วไปเป็นผู้ห้ามไม่ให้ตนเองเข้าห้องสอบ เพราะใส่กางเกงสแล็ค ทั้งนี้ เจ้าตัวคิดว่าการใส่ชุดนักศึกษาไม่ได้จำเป็นต่อการสอบ เพราะไม่ได้เป็นเครื่องวัดทักษะความรู้ที่เรียนมาทั้งหมด ซึ่งการถูกห้ามสอบจากเหตุผลที่ว่าแต่งกายผิดระเบียบ ทำให้ตนเองรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะห้องอื่นสามารถเข้าสอบได้ตามปกติ แต่ห้องสอบของตนกลับไม่สามารถเข้าสอบได้

“ทำไมการที่ใส่กางเกงถึงผิดระเบียบ ในเมื่อเราก็ใส่กางเกงแสล็คสีดำ ไม่สุภาพและไม่ถูกระเบียบอย่างไร ตอนนั้นไม่มีการอธิบายเพิ่มเติมเลย บอกแค่ว่าผิดระเบียบและให้ไปเปลี่ยนเป็นกระโปรง ซึ่งมันก็ใกล้เวลาสอบแล้ว หลายคนที่โดนบางคนหออาจจะอยู่ลึกเหมือนเรา ไปกลับก็ใช้เวลา อาจเข้าสอบไม่ทันแบบนี้” นักศึกษา กล่าว

ทั้งนี้ หลังการสอบกลางภาคผ่านไปนักศึกษาคนดังกล่าวได้ไปคุยกับอาจารย์ประจำภาควิชาแล้วและได้รับอนุญาตให้สอบกลางภาคย้อนหลัง

อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวอยากขอผลักดันเรื่องเสรีภาพในแต่งกายให้เกิดขึ้นภายในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่โดยระบุว่า “เสรีภาพในที่นี้อย่างแรกคือเรื่องเพศกับการแต่งกาย การแต่งกายไม่ได้จำเป็นต้องผูกกับเพศสภาพที่สังคมกำหนดให้ แต่นักศึกษาต้องสามารถที่จะแต่งกายได้ตามเพศวิถีที่ตนเองนิยาม เสรีภาพอีกอย่างที่อยากพูดถึงคือเรื่องของชุดนักศึกษา เพราะคิดว่าเราควรผลักดันไม่ให้ต้องจำเป็นต้องใส่ชุดนักศึกษาแล้วด้วยซ้ำไป เพราะนอกจากจะเป็นค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่คิดว่าไม่จำเป็นแล้ว ยังเป็นตัวจำกัดความเป็นตัวเองด้วย”