รายงานของอังค์ถัดระบุว่า นโยบายมาตรฐานของเวิลด์แบงก์และไอเอ็มเอฟ ประสบความล้มเหลว ไม่สามารถช่วยลดความยากจนได้เลย โดยการปฏิรูปต่างๆ แบบพึ่งพิงตลาด ซึ่งประเทศกำลังพัฒนาส่วนใหญ่ดำเนินการผลักดันให้กลุ่มประเทศกำลังพัฒนาใช้ ไม่ได้ผลเป็นไปตามคำมั่นสัญญาแต่อย่างใด
อังค์ถัดยังได้เสนอให้ รัฐบาลในประเทศยากจนทั้งหลาย กล้าหลาญที่จะใช้นโยบายแทรกแซงเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องตลาดแลกเปลี่ยนเงินตรา, อัตราดอกเบี้ย, การค้า, การไหลเวียนของเงินทุน, หรือการสนับสนุนรายได้ ทั้งนี้ ไฮเนอร์ ฟลาสเบก เจ้าหน้าที่อาวุโสด้านโลกาภิวัตน์ของอังค์ถัด กล่าวระหว่างการแถลงรายงานชิ้นนี้ที่นครเจนีวา ได้ยกตัวอย่างของจีน ซึ่งสามารถรักษาการเติบโตอย่างสูงลิ่วได้อย่างต่อเนื่องในระยะไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยที่อัตราดอกเบี้ยและอัตราเงินเฟ้อก็ต่ำด้วย
"ถ้าคุณดูแนวความคิดเดิมๆ ในทฤษฎีการพัฒนาและเศรษฐกิจมหภาค แล้วดูจีนในช่วง 20 ปีหลังมานี้ คุณจะพบว่า 95% ของนักเศรษฐศาสตร์ที่ดีควรจะต้องได้ข้อสรุปว่า จีนไม่มีทางที่จะทำได้ แต่มันกำลังเป็นไปได้ และเป็นไปแล้ว ... เพราะพวกเขาใช้เครื่องมือตัวช่วยต่างๆ มากกว่า และนโยบายต่างๆ ซึ่งกำหนดกันออกมาก็ช่างแตกต่างไปจากพวกนโยบายเดิมๆ ที่เป็นตัววางกรอบสิ่งซึ่งพวกเราเรียกกันว่า เงื่อนไขทางการเงินอันแข็งแรง"
รายงานชิ้นนี้ยังชี้ด้วยว่า การลดเลิกระเบียบกฎเกณฑ์ทางการเงินที่ใช้อยู่ในละตินอเมริกา ได้นำไปสู่วิกฤตธนาคารหลายต่อหลายระลอก ทว่าเศรษฐกิจในเอเชียตะวันออก กลับสามารถประคองรักษาอัตราการขยายตัวเอาไว้ได้ ด้วยการใช้ระเบียบควบคุมสินเชื่อแห่งชาติ และมาตรการควบคุมการไหลเวียนของเงินทุน
อย่างไรก็ตาม ศุภชัย พานิชภักดิ์ เลขาธิการอังค์ถัด ได้ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า มีช่องทางที่ชาติต่างๆ จะเข้าแทรกแซงสนับสนุนอุตสาหกรรมในประเทศของตน โดยที่ไม่ถอยหลังเลิกราบรรดาดอกผลซึ่งได้มาจากการเจรจาเปิดเสรีการค้าทั้งหลาย โดยเตือนด้วยว่า รายงานของอังค์ถัดนี้ เป็นเพียงการเสนอให้ใช้นโยบายสนับสนุน อุตสาหกรรมในประเทศ แต่การสนับสนุนดังกล่าวจะต้องไม่ยืนยาวไปตลอดกาล และเป็นวิธีในเชิงยุทธศาสตร์เท่านั้น
"สำหรับบางประเทศแล้ว จำเป็นต้องมีการแทรกแซงกันบ้างในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อให้อัตราแลกเปลี่ยนกลายเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งซึ่งสามารถนำมาใช้สร้างความได้เปรียบให้แก่พวกผู้ผลิตภายในประเทศมากขึ้น ในการแข่งขันในตลาดส่งออก"
วันเดียวกัน นาย
ทั้งนี้ไอเอ็มเอฟมีสมาชิก 184 ประเทศทั่วโลก แต่การเปลี่ยนแปลงของสภาวะเศรษฐกิจโลกในช่วงหลายปีที่ผ่านมาไม่ได้สะท้อนสถานภาพที่เป็นจริงของสมาชิกบางประเทศ เช่น จีน ที่บัดนี้เป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจแล้ว ทั้งนี้แผนการของไอเอ็มเอฟนี้จะส่งให้ผู้ว่าการธนาคารชาติของแต่ละประเทศสมาชิกพิจารณา ซึ่งคาดว่าจะมีการอนุมัติแผนขั้นสุดท้ายในการประชุมประจำปีของไอเอ็มเอฟที่สิงคโปร์ในระหว่างวันที่ 19 - 20 กันยายนนี้
................................................................................................................
ที่มา : เว็บไซต์ผู้จัดการ และ เว็บไซต์ศูนย์ข่าวแปซิฟิก
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)