Skip to main content
sharethis


 


ประชาไท - 13 ก.ย. 49 สืบเนื่องจากผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานีเรียกประชุมคณะทำงานศึกษาผลกระทบที่เกิดจากโครงการเหมือแร่โปแตช  โดยระบุว่าจังหวัดอุดรธานีได้รับแจ้งจากบริษัทอิตาเลียนไทย  ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด  (มหาชน) ขอชี้แจงการดำเนินงานโครงการเหมืองแร่โปแตชอุดรธานีในวันที่ 12 ก.ย.


 


แต่เมื่อวันที่ 4 ก.ย.ที่ผ่านมา กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานีได้เคยยื่นหนังสือขอให้เลื่อนการประชุมนี้ไปก่อน เพราะบริษัทอิตาเลียนไทยได้แถลงข่าวว่าจะถอนฟ้องแกนนำกลุ่มอนุรักษ์ฯที่เคยเป็นคดีความกันมา แต่ภายหลังอัยการกลับได้สั่งฟ้อง 5 แกนนำ พร้อมทั้งได้คุมตัวไว้ในห้องควบคุมเมื่อวันที่ 5 ก.ย.


 


อย่างไรก็ตาม เมื่อถึง วันที่ 12 ก.ย. ทางจังหวัดอุดรธานีไม่มีการเลื่อนการประชุมตามข้อเรียกร้องของกลุ่มอนุรักษ์ฯแต่อย่างใด  อีกทั้งได้มีนักจัดรายการวิทยุปลุกระดมกลุ่มคนรักษ์อุดร และกลุ่มสนับสนุนเหมืองแร่  มาตั้งแต่วันที่ 8 ก.ย. ให้ออกมารวมตัวกันเพื่อเตรียมปะทะกับกลุ่มอนุรักษ์ฯ


 


จนเวลาประมาณ 09.30 น. ของวันที่ 12 ก.ย. มีการจัดประชุมเกิดขึ้นตามกำหนด ณ  ห้องประชุมกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ศาลากลางจังหวัดอุดรธานี โดยมีกรรมการเข้าร่วมประชุมประมาณ 80 คน


 


อย่างไรก็ดีการประชุมดำเนินไปได้เพียง 30  นาที หลังจากที่นายลิขิต  จันทนสาร  ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการ  บริษัทอิตาเลียนไทย ได้ชี้แจงข้อมูลเรื่องการป้องกันผลกระทบสิ่งแวดล้อมและภาพการทำเหมืองแร่โปแตชในประเทศเยอรมันซึ่งสามารถอยู่กับชุมชนได้ เสร็จแล้ว นายพิทยา  สุนทรวิพาก   รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี  ประธานในการประชุม  ได้ปิดประชุมอย่างเร่งด่วนจนผู้เข้าร่วมประชุมรู้สึกงุนงง


 


ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ตั้งแต่เวลาประมาณ 08.00 น.ของวันที่ 12 ก.ย.  นายขวัญชัย  ไพรพนา  นักจัดรายการวิทยุคลื่นมวลชนสัมพันธ์  เอฟเอ็ม 97.50 ได้จัดรายการออกอากาศปลุกระดมให้กลุ่มคนรักษ์อุดรมารวมตัวกันเพื่อจะเคลื่อนขบวนเข้าไปล้อมกลุ่มอนุรักษ์ฯ ที่จะเข้ามาป่วนการประชุมนำเสนอข้อมูลทางวิชาการของบริษัทอิตาเลียนไทยที่ศาลากลางจังหวัด  โดยที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดก็มีรถเครื่องเสียงของชมรมคนรักษ์อุดรพร้อมด้วยมวลชนประมาณ 50 คนมารวมตัวกัน ส่วนที่สถานีวิทยุมวลชนสัมพันธ์อีกก็มีการรวมตัวด้วยอีกประมาณ 150 คน


 


ภายหลังการประชุมปิดลงอย่างกะทันหัน  นายขวัญชัย  ไพรพนาผู้จัดรายการวิทยุฯ ก็ได้ออกอากาศให้มีการตั้งขบวนมวลชนเพื่อที่จะเคลื่อนขบวนไปปะทะกับกลุ่มอนุรักษ์ฯ เพราะได้รับแจ้งว่าทางกลุ่มอนุรักษ์ฯจะเข้าปิดล้อมศูนย์ประชาสัมพันธ์ของบริษัทอิตาเลี่ยนไทย แต่ต่อมามีการออกอากาศสั่งให้ยุติกลางคันเพื่อให้สมาชิกกลุ่มคนรักษ์อุดรกลับมาคุมเชิงอยู่ที่ศาลากลางแทนเพราะไม่แน่ใจว่ากลุ่มอนุรักษ์ฯยังจะเข้ามาปิดล้อมศาลากลางอีกหรือไม่


 


ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า กลุ่มอนุรักษ์ฯได้ส่งตัวแทน ประมาณ 10 คน เข้าไปยื่นหนังสือต่อนายกฤษฎา  แก้วสองเมือง  ปลัดป้องกันจังหวัดอุดรธานี  ที่ได้เปิดห้องทำงานรับหนังสือพร้อมทั้งแถลงต่อผู้สื่อข่าวว่า กลุ่มอนุรักษ์ฯ  ได้เดินทางมายื่นหนังสือเรียกร้องให้คณะกรรมการฯ อย่าบิดเบือนเจตนารมณ์คณะทำงาน และให้ผู้ว่าฯวางตัวเป็นกลาง          


 


นอกจากนี้ มีการรายงานเพิ่มเติมว่าอีกว่า ด้านกลุ่มอนุรักษ์ฯส่วนใหญ่ ประมาณ 800 คนได้เคลื่อนขบวนไปรณรงค์สร้างความเข้าใจกับประชาชนรอบพื้นที่ทำเหมืองในเขต กิ่ง  อ. ประจักษ์ศิลปาคม  และ อ.เมือง บางส่วน  พร้อมทั้งแจกแถลงการณ์รณรงค์กับประชาชนว่า บริษัทอิตาเลียนไทยแหกตาคนอุดรฯ  อีกทั้งได้ระบุคำสาปแช่งขอให้ผู้กล่าวเท็จ  มือถือสากปากถือศีลจงพินาศฉิบหาย


 


นางสาวเนาวรัตน์   ดาวเรือง  ตัวแทนกลุ่มอนุรักษ์ฯ ระบุว่า จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 5 ก.ย. ซึ่งชาวบ้าน 5 คน ถูกสั่งฟ้องในข้อกล่าวหาบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ และถูกควบคุมตัวเยี่ยงนักโทษเป็นเวลานานหลายชั่วโมงก่อนได้รับการประกันตัวนั้น เป็นเหตุการณ์ที่จดจำฝังแน่นอยู่ในจิตใจ เนื่องจากว่าผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานีและบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล็อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ได้หลอกลวงชาวบ้านและประชาชนไทยทั่วไป


 


โดยการร่วมมือกันแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 11 ส.ค. ที่ผ่านมา ณ ศาลากลางจังหวัดอุดรธานี ว่ายินดีถอนแจ้งความชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ฯ 5 คน ที่ถูกดำเนินคดีข้อหาบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ เป็นวิธีการสร้างภาพให้กับบริษัทด้วยการหลอกลวงกล่าวเท็จ  และในวันที่ 12 ก.ย. ผู้ว่าฯ ยังได้ดำเนินการจัดประชุมคณะทำงานศึกษาผลกระทบที่เกิดจากโครงการเหมืองแร่โปแตชจังหวัดอุดรธานี (ชุดใหญ่) เพื่อให้บริษัทอิตาเลียนไทยมาชี้แจงข้อมูลสร้างภาพเพิ่มขึ้นไปอีก เป็นการฉวยโอกาสให้ข้อมูลด้านเดียวเหมือนเช่นที่เคยทำมาหลายครั้งแล้ว


 


ส่วนในหนังสือของกลุ่มอนุรักษ์ ฯ มีเนื้อความระบุว่า เกิดการแบ่งแยกประชาชนในพื้นที่โดยใช้วิธีว่าจ้างชาวบ้านมาฟังข้อมูลด้านเดียวของโครงการ หลอกเด็กเยาวชนพาไปเที่ยวแล้วออกข่าวว่าสนับสนุนโครงการ ลอบเข้าหาผู้ใหญ่บ้าน กำนัน อบต. และพาไปเลี้ยงข้าว ใช้เงินซื้อเป็นรายหัว ล้มวัวเลี้ยงชาวบ้าน จ้างนักจัดรายการวิทยุให้โฆษณาชวนเชื่อไปทั่วเมืองอุดรธานี โดยยุยงปลุกระดมให้เกิดการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายเพื่อทำร้ายชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ฯ ขึ้นให้ได้ 


 


ด้วยเหตุผลนี้กลุ่มอนุรักษ์ฯ ขอเตือนว่า ผู้ว่าฯกำลังตกเป็นเหยื่อของบริษัทอิตาเลียนไทย โดยมีนักการเมืองและนักธุรกิจบางคน รวมทั้งพวกมิจฉาชีพที่ใช้อาชีพจัดรายการวิทยุบังหน้ามีส่วนร่วมรู้เห็นในการสร้างสถานการณ์รุนแรง เพื่อหวังจะทำร้ายชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ฯขึ้นให้ได้  ผู้ว่าฯ กำลังยืนอยู่บนเส้นแบ่งระหว่างผู้ปกครองที่มีเมตตาธรรมกับผู้สมรู้ร่วมคิดกับโจร ทั้งที่ชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ฯ มิได้เป็นกลุ่มคนที่เป็นพิษเป็นภัยต่อสังคมเลย    


 


นอกจากนี้ทางกลุ่มอนุรักษ์ยังเห็นว่าคณะทำงานศึกษาผลกระทบและประชาสัมพันธ์โครงการเหมืองแร่โปแตชจังหวัดอุดรธานี (ชุดเล็ก) ยังทำงานไม่เสร็จสิ้น แต่ผู้ว่าฯ กลับเชิญคณะทำงานชุดใหญ่มาประชุมเพื่อเปิดโอกาสให้บริษัทอิตาเลียนไทยทำการประชาสัมพันธ์โครงการเพื่อสร้างภาพ เป็นการกระทำที่กลุ่มอนุรักษ์ฯ ไม่เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง จึงขอเรียกร้องดังนี้


 


1.ขอให้คณะทำงานชุดเล็กได้ทำงานต่อไป เพื่อนำผลที่ได้จากการศึกษาผลกระทบมาทำการประชาสัมพันธ์ให้กับสาธารณชนในจังหวัดอุดรธานีและประเทศชาติได้รับทราบข้อมูลที่ถูกต้องแท้จริง ไม่ใช่ข้อมูลด้านเดียวเช่นการประชุมครั้งนี้ ดังนั้น การประชุมของคณะทำงานชุดใหญ่ในวันที่ 12 ก.ย.ไม่สมควรเกิดขึ้น จึงขอให้ยกเลิกเสีย


 


2. หากภายในปีนี้ ผู้ว่าฯ ยังถลำลึกเข้าข้างบริษัทฯ จนไร้ความเป็นกลาง  และบริษัทอิตาเลียนไทย ผู้มาใหม่ยังใช้วิธีการแบ่งแยกประชาชนสร้างความรุนแรงกับกลุ่มอนุรักษ์ฯ ด้วยการใช้เงินซื้อผู้นำชาวบ้าน ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน อบต. อบจ. และผู้มีอิทธิพล รวมทั้งการโฆษณาชวนเชื่อข้อมูลโครงการฯ แต่ด้านเดียวเช่นนี้ต่อไป กลุ่มอนุรักษ์ฯ จะไม่ขอใช้แนวทางการเจรจาพูดคุยเพื่อสร้างความสมานฉันท์อีกต่อไป โดยจะขอลาออกจากการเป็นคณะทำงานทั้งชุดใหญ่และชุดเล็กอย่างแน่นอน 


 


ด้านนายกฤษฎา  แก้วส่องเมือง   ปลัดป้องกันจังหวัดอุดรธานี  กล่าวว่า  ทางจังหวัดยืนยันถึงการดูแลความทุกข์สุขของประชาชนในพื้นที่   ไม่ใช่ยึดมั่นในกฎหมายอย่างเดียว  ผู้ว่าฯเป็นห่วงในเรื่องการดูแลชาวบ้านมาก  หากเกิดความเดือดร้อนฝ่ายปกครองจะดูแลชาวบ้านเป็นอันดับแรก เพราะจังหวัดต้องดูแลทุกฝ่ายที่ผ่านเรื่องวุ่นวายต่างๆจากและเกิดเหตุบานปลาย ต่อไปจะต้องดำเนินการทุกอย่างโปร่งใส  และจะรับเรื่องไว้นำเรียนผู้ว่าฯต่อไป 

เอกสารประกอบ

แถลงการณ์กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี วันที่ 12 ก.ย. 2549

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net