Skip to main content
sharethis
 
เมื่อวันที่ 2 ต.ค.52   นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมเพื่อเตรียมความพร้อมการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 15ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ อ.ชะอำ จ.เพชร บุรี ที่จะมีขึ้นในวันที่ 23-25 ตุลาคม โดยการประชุมหนนี้มีรองนายกฯฝ่ายความมั่นคง รมว.กลาโหม รมว.ต่างประเทศ รวมทั้งผู้บัญชาการเหล่าทัพ รักษาการ ผบ.ตร. เข้าประชุมเพื่อหารือเกี่ยวกับมาตราการรักษาความปลอดในการประชุมอาเซียนด้วย
 
ต่อมา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ ยืนยันถึงการประชุมอาเซียหนนี้ว่า   ทุกอย่างมีความพร้อมและไม่มีอุปสรรคปัญหาใด ๆ เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย ก็จะใช้แนวทางที่เคยปฏิบัติมาคือ การประกาศใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551   และน่าจะเสนอให้ ครม.พิจารณาได้ในวันที่ 6 ตุลาคม ส่วนระยะเวลาที่จะประกาศใช้นั้น ต้องขอความเห็นชอบจาก ครม.ก่อน ซึ่งน่าจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม เป็นต้นไป ส่วนที่กลุ่มเสื้อแดงประกาศจะชุมนุมใหญ่ด้วยนั้น จะพิจารณาอีกครั้ง
 "ผมไม่อยากให้มีปัญหากับภาพลักษณ์ของประเทศ ทุกอย่างกำลังเดินไปได้ทั้งด้านเศรษฐกิจ การต่างประเทศ แม้กระทั่งการแก้รัฐธรรมนูญ ฉะนั้น อย่าให้มีอะไรสะดุดเลย" นายกรัฐมนตรี กล่าว
       
สุเทพย้ำไทยเป็นเจ้าภาพไม่มีล้ม
ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงให้สัมภาษณ์ อย่างมั่นใจว่าการประชุมอาเซียนหนนี้ ไม่มีการล้มเหมือนที่พัทยาเป็นอันขาด เพราะการประชุมคราวนี้มีความหมายและมีความสำคัญสำหรับประเทศ และนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานอาเซียนจะเป็นผู้นำการประชุมครั้งสุดท้าย เพราะต่อไปประธานอาเซียนก็ต้องเป็นขอบชาติอื่น ดังนั้นเราต้องทำให้ดีให้สมบูรณ์ โดยจะมีการควบคุมไม่ให้มีการเดินทางเข้าพื้นที่ไปจัดการชุมนุมได้เหมือนกับการประชุมอาเซียนซัมมิทที่จ.ภูเก็ต โดยรัฐบาลจะมีการประกาศใช้พรบ.ความมั่นคงในพื้นที่ประชุมอาเซียน ดูแลความเรียบร้อย รวมทั้งการจัดช่องจราจรพิเศษเพื่อการประชุมหนนี้เรียกว่า"อาเซียนเลน"เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้มาประชุม
 
เล็งใช้พรบ.มั่นคงในกทม.
เมื่อถามว่าในการประชุมได้ประเมินถึงกรณีที่กลุ่มเสื้อแดงจะไปป่วนการประชุมอาเซียนหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ได้ประเมินเลย แต่รัฐบาลทำตามกติกา มีรมว.กลาโหมเป็นผู้อำนวยการดูแลรับผิดชอบเรื่องความปลอดภัยทั้งหมด เมื่อถามว่า ในพื้นที่กทม.ที่กลุ่มเสื้อแดงก็จะมีการเคลื่อนไหวตลอดเวลาช่วงนี้ด้วยจะดูแลอย่างไรนายสุเทพ กล่าวว่าในพื้นที่กรุงเทพฯถ้ามีความจำเป็นตนก็จะใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงฯประกาศพื้นที่กระทบความมั่นคง
ส่วนพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม กล่าวว่า ในครั้งนี้จะมีการปรับแผนในการดูแลรักษาความปลอดภัยใหม่ โดยจะดูแลให้เข้มงวดมากขึ้น โดยเฉพาะมาตรการในการดูแลผู้นำ
 
ตำรวจดูแลด้านการจราจร ให้ทหารรักษาความปลอดภัย
วันเดียวกัน พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการแทน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) ออกโทรทัศน์ชี้แจงรายละเอียดให้ประชาชนรับทราบในการประชุมอาเซียนว่า ไม่น่าเป็นห่วง ได้ให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังทุกจุด ทั้งโรงแรมที่พัก และที่จัดประชุม รวมทั้งเส้นทางระหว่างเดินทาง สำหรับผู้นำประเทศต่าง ๆที่จะเข้าร่วมประชุมนั้น ได้ตอบรับที่จะเดินทางมาทุกประเทศ รวม 16 ประเทศ ทั้งนี้ตำรวจจะดูแลในด้านการจราจรเป็นหลัก ส่วนเรื่องการรักษาความปลอดภัยเป็นหน้าที่ของทหาร
 
"อนุพงษ์"เชื่อไม่รุนแรง
ด้านพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหรบก (ผบ.ทบ.) กล่าวภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้ประกาศพื้นที่ความมั่นคง ระหว่างวันที่ 12-27 ต.ค. ในพื้นที่ 9 ตำบลของ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี และ 4 ตำบลของ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และพลเรือนในการดูแลรักษาความปลอดภัย แต่จะใช้กำลังในพื้นที่เป็นหลักให้มากที่สุด เพื่อไม่ให้สิ้นเปลืองงบประมาณ เมื่อถามว่า ประเมินว่าจะเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงหรือไม่ ผบ.ทบ. กล่าวว่า เชื่อว่าคงไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น
ส่วนเรื่องที่กลุ่มเสื้อแดงขู่จะปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล ในวันที่ 17 ต.ค. ผบ.ทบ.กล่าวว่ารัฐบาลยังไม่ได้สั่งการใดๆลงมายังกองทัพบก แต่กองทัพบกมีแผนรองรับไว้แล้ว
ผบ.ทบ.ยัง กล่าวสถานการณ์ความตรึงเครียดของพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ฝ่ายกัมพูชาเคลื้อนรถถังประชิดชายแดน หันปากกระบอกปืนในฝ่ายไทย ว่า เหตุการณ์ในพื้นที่นี้ยังเป็นปกติอยู่ ทางเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ยังอยากให้มีการพูดคุยกันอย่างปกติ ไม่มีความตรึงเครียด การวางกำลังของกัมพูชาเป็นเหตุการณ์ที่นานมากแล้ว ไม่มีการเพิ่มเติมแต่อย่างใด
ถามว่าชาวบ้านในพื้นที่มีการอพยพ จะมีการความมั่นใจอย่างไรกับชาวบ้าน พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ในพื้นที่มีการความมั่นใจ และทราบดีว่าไม่มีอะไร
 
บัวแก้วยันฮุนเซ็นมาแน่
ขณะที่นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ยืนยันว่าสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา จะเดินทางมาร่วมประชุมสุดยอดอาเซียนหนนี้แน่นอน ส่วนจะมีการหารือทวิภาคีระหว่างผู้นำไทย-กัมพูชา เพื่อแก้ปัญหาข้อพิพาทตามแนวชายแดน บริเวณเขาพระวิหารหรือไม่ ขณะนี้ยังไม่ได้มีการกำหนด แต่คาดว่าผู้นำทั้ง 2 ประเทศ น่าจะได้พบกันระหว่างการประชุม อย่างไรก็ตามยืนยันว่าปัญหาข้อพิพาทระหว่างไทย-กัมพูชา ในขณะนี้ ทุกอย่างยังมีการหารือตามกระบวนการ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
 
สัมนาอาเซียนที่หัวหิน
 บ่ายวันเดียวกัน ที่สวนสาธารณะโผนกิ่งเพชร อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีการจัดสัมมนาเรื่อง "การเตรียมความพร้อมของไทยในการจัดประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 15"โดย         นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวขอร้องให้ชาวหัวหิน ชะอำ ร่วมเป็นเจ้าภาพในการประชุมหนนี้ และไม่ต้องตกใจกับเรื่องที่รัฐบาลประกาศใช้ พรบ.การรักษาความมั่นคงฯในการดูแลความเรียบร้อยในการประชุมหนนี้
ด้าน นายธานี ทองภักดี รองอธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่าผู้นำอาเซียนแต่ละชาตินั้นจะทยอยเดินทางเข้ามาพักตั้งแต่ช่วงเย็นวันพฤหัสบดีที่ 22 ต.ค. และช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 23 ต.ค. โดยในส่วนของที่ประชุมยังคงใช้โรงแรมดุสิตธานีเป็นสถานที่ประชุม โรงแรมเชอราตันจะเป็นในส่วนของศูนย์สื่อมวลชน อย่างไรก็ตามการประชุมครั้งนี้จะมีชาวต่างประเทศเดินทางมาที่นี่ประมาณ 3 พันกว่าคน โดยแบ่งเป็นสื่อมวลชนจากทั่วโลกถึงพันกว่าคน
         
เสื้อแดงทวงถาม"ฎีกา"
นายจตุพร พรหมพันธ์ แกนนำกลุ่มเสื้อแดง กล่าวถึงการเตรียมเคลื่อนไหวตลอดเดือนตุลาคมว่า ยุทธศาตร์ดังกล่าวเป็นปฎิทินการเมืองที่มีมานาน โดยจะเริ่มวันที่ 11 ตค.นี้เคลื่อนไหวชูธงทวงรัฐธรรมนูญ 2540 ซึ่งครบ 12 ปีคืนมา พร้อมยื่นถอนถอนนายกฯ จากกรณีที่รัฐบาลบริหารประเทศผิดพลาด จากนั้น 17 ตค.ก็จะทวงถามกระบวนการส่งกลับฎีกาพระราชทานอภัยโทษคืนสำนักพระราชวังซึ่งขณะนี้ผ่านมา 60 วันแล้ว ก่อนที่ในวันที่ 24 ตค.จะเปิดเวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจนอกสภา และในวันที่ 31.ตค. ก็นัดชุมนุมอีกครั้งเนื่องจากครบรอบวันเสียวิตของนายนวมทอง ไพรวัลย์ คนขับแท็กซี่ที่ต่อต้านการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549
ในขณะที่นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดีอาญาแผ่นดิน ได้ออกแถลงการโจมตีรัฐบาล ที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาปราสาทพระวิหารได้
 
รมว.ยุติธรรมบอกส่งฎีกาให้ราชฑัณฑ์แล้ว
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงความคืบหน้าในการพิจารณาฎีกาของกลุ่มคนเสื้อแดงว่า ขณะนี้ฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษได้ส่งถึงกรมราชทัณฑ์แล้ว เพื่อให้เป็นต้นเรื่องในการพิจารณารวบรวมข้อมูลให้ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นฎีกาเทียบเคียงและประวัติของผู้ต้องโทษ ในส่วนของตนจะทำหน้าที่เพียงถวายความเห็นประกอบในฎีกาดังกล่าว ที่ผ่านมากระทรวงยุติธรรมได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาร่วมพิจารณาเนื้อหาของฎีกาหลายแง่มุม เนื่องจากไม่ใช่ฎีกาปกติและตัวผู้ต้องโทษก็ไม่ได้ถูกคุมขังในเรือนจำ
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่ามีข้อเสนอให้แยกฎีกาออกเป็น 2 ส่วน โดยให้กรมราชทัณฑ์พิจารณาเฉพาะส่วนที่เป็นฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ ส่วนฎีกาในประเด็นอื่นๆให้ส่งไปให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณา
" กรณีที่คนเสื้อแดงจะนัดชุมนุมเพื่อติดตามฎีกาในเดือนตุลาคมนี้ ขอชี้แจงว่ากระทรวงยุติธรรมไม่ได้ดำเนินการใดๆให้ผิดไปจากขั้นตอนปกติ ผมไม่เคยเข้าไปก้าวก่ายแทรกแซง ปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนของข้าราชการประจำ " นายพีระพันธุ์กล่าว

 

ที่มา: เว็บไซต์แนวหน้า

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net