กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า แถลงยอกรายงานตัวเข้าโครงการพาคนกลับบ้าน จำนวน 412 ราย ซึ่งผ่าน 6 ขั้นตอน คือ สร้างความเข้าใจ รับรายงานตัว และอบรมปรับทัศนคติโดยใช้หลักศาสนา ปลดเปลื้องพันธะทางกฎหมาย ขับเคลื่อนชมรมพาคนกลับบ้าน ฝึกอาชีพ และการติดตามพัฒนาสัมพันธ์เมื่อกลับภูมิลำเนา
5 เม.ย.2561 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า) รายงานว่า วันนี้ เมื่อเวลา 9.00 น. ที่ ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า, พ.อ.ธนาวีร์ สุวรรณรัตน์ รองโฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า และ พ.อ.พรรษิษฐ์ สุพรรณชนะบุรี ผู้อำนวยการกองพาคนกลับบ้าน ศูนย์สันติวิธีเปิดเผยว่าจากผลการดำเนินงานโครงการพาคนกลับบ้านในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา เพื่อเปิดโอกาสหรือช่องทางให้ผู้ก่อเหตุรุนแรงกลับมาต่อสู้ด้วยแนวสันติ และเข้าสู่การอบรมปรับความคิดความเชื่อให้มาร่วมกันพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ และได้รับการพัฒนาคุณภาพชีวิต ให้กลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติสุข โดยมียอดรายงานตัวเข้าโครงการพาคนกลับบ้าน ประจำปี 2561 จำนวน 412 ราย ซึ่งได้ดำเนินการตามกรรมวิธีทั้ง 6 ขั้นตอน คือ 1.การรณรงค์สร้างความเข้าใจ 2.การรับรายงานตัว และอบรมปรับทัศนคติโดยใช้หลักศาสนา 3. การปลดเปลื้องพันธะทางกฎหมาย 4.การขับเคลื่อนชมรมพาคนกลับบ้าน 5.การฝึกอาชีพพัฒนาคุณภาพชีวิต 6.การติดตามพัฒนาสัมพันธ์เมื่อกลับภูมิลำเนา เพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรม และเกิดเป็นผลสัมฤทธิ์อย่างสูงสุดให้เป็นไปตามนโยบายแม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4
กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ระบุว่า การดำเนินโครงการประจำปี 2561 แบ่งออกเป็น 2 ส่วน
ส่วนที่ 1 การดำเนินการต่อเป้าหมายประจำปี จำนวน 288 ราย แยกเป็นรายงานตัวปี 2560 จำนวน 127 ราย และปี 2561 จำนวน 161 ราย กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้ดำเนินการตามขั้นตอนกระบวนการโครงการพาคนกลับบ้านที่สำคัญ ดังนี้ (1) การอบรมปรับทัศนคติโดยใช้หลักศาสนาอิสลามที่ถูกต้อง “หลักสูตรประชาร่วมใจทำความดี เพื่อแผ่นดิน” จำนวน 147 ราย (2) การปลดเปลื้องพันธะทางกฎหมาย หมาย ป.วิฯอาญา มอบตัวและประกันตัวเรียบร้อย 133 ราย อยู่ระหว่างการดำเนินการ 155 ราย (3) การอบรมวิชาชีพ/การพัฒนาคุณภาพชีวิตรับมอบปัจจัยการผลิต 147 ราย (4) การติดตามสร้างความสัมพันธ์เมื่อกลับภูมิลำเนาโดยหน่วยในพื้นที่ติดตามพบปะอย่างต่อเนื่อง
ส่วนที่ 2 การดำเนินการต่อบุคคลที่ประสงค์เข้าร่วมโครงการพาคนกลับบ้าน (จากประเทศเพื่อนบ้าน) จำนวน 124 ราย ตั้งแต่ 3 ก.พ.61 เพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามกรรมวิธีของโครงการพาคนกลับบ้านตามนโยบาย แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ที่มุ่งเน้นเชิงคุณภาพเป็นประการสำคัญ โดยได้ดำเนินการดังนี้
(1) การแต่งตั้งคณะทำงานพิสูจน์สัญชาติผู้เข้าร่วมโครงการพาคนกลับบ้าน เพื่อให้การดำเนินการ เป็นไปอย่างรอบคอบ รัดกุม และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อการสร้างความสันติสุขอย่างยั่งยืน (2) การจัดตั้งศูนย์พิสูจน์สัญชาติ เพื่อดำเนินคัดกรอง/ดำเนินกรรมวิธีของบุคคลเป้าหมายเก็บรูปแบบสารพันธุกรรมบุคคลเพื่อพิสูจน์สัญชาติ ก่อนเข้าร่วมโครงการ และพิสูจน์พฤติกรรมการกระทำความผิดพร้อมดำเนินการออกบัตรประจำตัวประชาชนให้กับบุคคลที่พิสูจน์ได้ว่ามีสัญชาติไทย
(3) การฝึกอบรมพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ อบรมอาชีพเพื่อให้มีคุณภาพชีวิต/รายได้ สามารถเลี้ยงดูครอบครัวได้ตลอดการเข้าพักอาศัย (บ้านสันติสุข) จำนวน 30 หลัง ณ นิคมอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล อำเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานี ตลอดระยะ 6 เดือน หลังจากนั้นจะเดินทางกลับไปประกอบอาชีพยังภูมิลำเนาหรือเข้าทำงานในโครงการพระราชดำริต่อไป
- แม่ทัพภาค 4 เยี่ยมผู้เข้าร่วมโครงการพาคนกลับบ้าน ลงพื้นที่ อ.เบตง เช็คหลังยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
- 'มาราปาตานี' ยันยังไม่มีข้อสรุปเรื่อง 'พื้นที่ปลอดภัย' ตามที่ฝ่ายไทยกล่าวอ้าง
- ยะลาเดินหน้า 'โครงการพาคนกลับบ้าน' เปิดโอกาสให้ผู้เห็นต่างได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติสุข
- รัฐ-ผู้เห็นต่าง-ประชาสังคม คุยอะไรกันในโครงการพาคนกลับบ้าน ที่นราธิวาส
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา มารา ปาตานี (Mara Patani) แถลงเรียกร้องให้รัฐไทยหยุดสร้างความสับสนและความเข้าใจผิด 4 ข้อ โดยหนึ่งในนั้นคือ โครงการ "พาคนกลับบ้าน" และ พื้นที่ปลอดภัย 14 แห่ง ซึ่งทางแม่ทัพภาคที่ 4 ได้ประกาศออกมาแล้ว นั้นไม่มีส่วนสัมพันธ์กับกระบวนการพูดคุยสันติสุขระหว่างมารา ปาตานีและรัฐบาลไทยแต่อย่างใด
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)