Skip to main content
sharethis

วันเกิดปีที่ 70 ของ 'ทักษิณ' ยังแสดงความเห็นทางการเมือง เผยยิ่งลักษณ์อยู่ด้วยกัน ชี้ทหารยุคนี้ขาดความเป็นลูกผู้ชาย ระบุ “รีจีม” ไม่ดี แถมมีการบิดเบี้ยวกฎหมาย เอายามมาเป็น CEO ย้ำยาแก้เศรษฐกิจใช้ยุคตนไม่ได้ยุคนี้ แต่หากอยากได้ยาก็ยินดีให้คำปรึกษา แนะนักการเมืองเลิกเป็นเปรต-เทวดา หันมาเป็นมนุษย์ ย้ำโลกไม่เหมือนเดิมแล้ว ประชาชนมีตัวตายตัวแทน หมดเจนหนึ่งอีกเจนขึ้นมาแถมใฝ่ประชาธิปไตยใฝ่เสรีภาพมากกว่าเดิม

26 ก.ค.2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟสบุ๊ค 'Jom Petchpradab' ของ จอม เพชรประดับ อดีตผู้ประกาศข่าวและผู้ลี้ภัยทางการเมือง หลังรัฐประหารปี 2557 เผยแพร่การถ่ายทอดสดกิจกรรมเนื่องในวันครบรอบวันคล้ายวันเกิดปีที่ 70 ของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมบทสัมภาษณ์ 

ไม่ลืมที่จะบ่มเพาะเมล็ดแห่งความสุข

ทักษิณ กล่าวถึงการจัดการสุขภาพจิตนั้นว่า ต้องมอง 2 ด้าน ฝั่งหนึ่งเล่นงานแบบไม่มีหลักไม่มีเกณฑ์ว่ากันไปเรื่อยเปื่อย แต่อีกฝั่งหนึ่งของเราก็มีการให้กำลังใจตลอด เราก็เอาสิ่งที่เป็นบวกมาเป็นกำลังใจให้เรา ไม่เช่นนั้นเราอยู่ยาก มีอาจารย์คนหนึ่งบอกว่า มนุษย์เรานี่ความสุขความทุกข์เหมือนเม็ดฉำฉา เม็ดจามจุรี ถ้าเอาเมล็ดที่เป็นสุขมาบ่มเพาะมันก็เบ่งบาน หัวใจพองโต ถ้าเอาเม็ดที่เป็นทุกข์มาบ่มจิตใจมันก่อห่อเหี่ยว ชีวิตมันก็แย่ลงทุกวัน เพราะฉะนั้นพยายามบ่มสุขให้มากๆ อย่าบ่มทุกข์มากเกินไป ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่รับรู้เรื่องทุกข์ ก็คงต้องรับรู้ทั้งทุกข์และสุข แต่ว่าอย่าให้ทุกข์มาบั่นทอนเราจะไม่สามารถที่จะมีความสุขได้ เพราะชีวิตก็ไม่ได้ยืนยาวนานเท่าไหร่ วันนี้ 70 ปี ถือว่าตนยังแข็งแรงดีและมีจิตใจที่เข้มแข็ง

ยังแสดงความเห็นทางการเมือง เผยยิ่งลักษณ์อยู่ด้วยกัน

"ผมเป็นหนี้บุญคุณประชาชน เพราะประชาชนรักและห่วงใยผม และพรรคที่สนับสนุนผมเลือกตั้งทีไรก็ชนะตลอด วันนี้ทั้งถูกโกงถูกอะไรทุกอย่างก็ยังถือว่าทำได้ดีมาก แต้มสูงสุดแล้ว กำลังใจเหล่านี้ล่ะครับที่ทำให้ผมอยู่ได้ ถูกพยายามทำลายตลอดเวลา แต่กำลังใจก็ทำให้เราอยู่ได้ตลอดเวลา" ทักษิณ กล่าว 

ทักษิณ ตอบคำถามถึงยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ว่าอยู่ด้วยกัน แต่คนละบ้าน

"มือมันต้องวางตลอดอยู่แล้ว กินข้าวก็ต้องวางบนโต๊ะ นั่งก็ต้องวางบนหน้าขาตัวเอง มันต้องวางมือไม่เช่นนั้นมันหนัก" ทักษิณ ตอบประเด็นที่มีข่าวการวางมือทางการเมือง

ทักษิณ กล่าวด้วยว่า ตนไม่ได้มีบทบาททางการเมืองอะไรมาก ได้แต่ให้กำลังใจคน สนับสนุนคน เพราะตนอยู่เมืองนอก 10 กว่าปี ต้องทำมาหากินและแวะเยี่ยมเพื่อนฝูงบ้าง ส่วนการเมืองไทยนั้นมีคนทำหน้าที่ของเขาแล้ว วันนี้ สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ เป็นหัวหน้าพรรค สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เป็นประธานยุทธ์ศาสตร์ในการบริหารพรรค เราคงไม่ต้องกังวลถือว่าพรรคก็ไปได้ดี และประชาชนก็เข้าใจว่าพรรคนี้เป็นสายเลือกหรือดีเอ็นเอจากพรรคไทยรักไทยเป็นต้นมา

ส่วนที่ออกไปอยู่ทื่อื่นประชาชนก็ไม่ได้มองว่าเป็นไทยรักไทยเลือกตั้งทีไรก็แพ้ ครั้งนี้ใช้กำลังภายในทุกรูปแบบก็ได้แค่นี้ ถือว่าพรรคที่เป็นดีเด็นเอของเราก็ยังแข็งแรงดี ประชาชนยังสนับสนุน เพราะเรายังเป็นพรรคการเมืองที่ยึดดีเอ็นเอเดิมคือพรรคที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง รักษาระบอบประชาธิปไตยเพื่อให้สิทธิเสรีภาพประชาชน จึงได้รับการสนับสนุน แม้จะอยู่ในภาวะที่ออกกฎหมายกติกามากลั่นแกล้งเอาเปรียบอย่างไร

ทหารยุคนี้ขาดความเป็นลูกผู้ชาย

"ผมก็ไม่เคยเห็นทหารยุคไหนที่ขาดความเป็นลูกผู้ชายเหมือนยุคนี้นะ ผมคิดว่ามันไม่เท่อะ ชนะที่ประชาชนเลือกอย่างแท้จริงมันเท่กว่า ชนะแบบให้กรรมการช่วยมันไม่เท่ เอากติกาช่วย เอากรรมการช่วย เอาคนช่วยนี่ มันไม่เท่นะครับ เพราะฉะนั้นไปที่ไหนความนับหน้าถือตามันไม่มีเพราะมันไม่เท่" ทักษิณ กล่าว

สำหรับการแสดงออกซึ่งความคิดเห็นทางการเมืองนั้น ทักษิณ กล่าวว่า ตนเป็นคนไทย เป็นอดีตนายกฯ ที่ห่วงใยประชาชนตลอดเวลา การแสดงความคิดเห็นเป็นเสรีภาพพื้นฐาน ยิ่งเรามีประชาชนที่ห่วงใยจะให้ลืมประชาชนไปเลยนั้นก็เหมือนขาดความรับผิดชอบ

“รีจีม” ไม่ดี

ทักษิณ กล่าวด้วยว่า ตนมีสิทธิในฐานนะเป็นมนุษย์คนหนึ่งที่จะพูดและวิจารณ์อะไรก็ได้ แต่ตนก็ต้องรู้ว่าเมื่อไหร่ควร เมื่อไหร่ไม่ควร แล้วจะพูดแล้วมันจะเสียหายประเทศ วันนี้เราต้องแยก 3 ส่วน ประเทศคือสูงสุด และก็ประชาชน แล้วก็ “รีจีม” (Regime หรือผู้ที่มีอำนาจปกครอง)ที่เข้ามาทำหน้าที่ดูแลประเทศและบริหารประชาชน แต่รีจีมที่เข้ามาระยะหลังรัฐประหารมักจะใช้ทรัพยากรของประเทศเพื่อรักษาเสถียรภาพให้ตนเองไม่ได้รักษาเสถียรภาพให้ประเทศและประชาชน ตรงนี้คือความเสียหาย บางทีความขัดแย้งที่ไม่ยอมจบนี่ก็เพราะว่ารีจีมต้องการรักษาอำนาจตัวเองมากกว่ารักษาประเทศและประชาชน อันนี้เป็นสิ่งที่ต้องแยกแยะให้ออก

"บ้างครั้งผู้มีอำนาจไปปกป้องตนเอง แล้วพอคนวิจารณ์ก็ไปหาว่าไม่รักชาติก็มี จริงๆ เขารักชาติมากกว่า แต่เขาไม่ได้รักรีจีม เพราะรีจีมไม่ดี" ทักษิณ กล่าว

สำหรับคำถามเรื่องกลับประเทศไทยนั้น ทักษิณ ตอบว่า ตนไม่ทราบ ตนคงต้องจุดธูป

การบิดเบี้ยวกฎหมาย

ทักษิณ กล่าวว่า สิ่งที่น่าห่วงวันนี้คือการบิดเบี้ยวกฎหมาย ประเทศไหนก็แล้วแต่ หากความยุติธรรมไม่อยู่นั้น ซึ่งเริ่มต้อนตั้งแต่การออกกติกา เพื่อให้คนอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ไม่ให้คนที่แข็งแรงกว่าข่มเหงคนที่อ่อนแอกว่ามันถึงจะอยู่ร่วมกันอย่างสันติในสังคมได้ แต่เริ่มต้นออกกฎหมายก็เป็นกฎหมายที่รังแก แล้วขั้นตอนที่ 2 คือการใช้กฎหมาย ก็ใช้รังแก เริ่มต้นด้วยการตีความหน้าด้านๆ 

"ความเก่งผมไม่เคยกลัวใคร แต่ผมกลัวความหน้าด้าน เพราะว่าสำคัญคือหน้าเราไม่ด้านเท่าเขา ให้หน้าด้านมุดรูดีกว่า" ทักษิณกล่าว พร้อมระบุว่า วันนี้การตีความกฎหมาย การออกกฎหมายก็ดี การใช้กฎหมายแบบหน้าด้าน ไม่มีทางทำให้ประเทศสันติได้ 

"สมมติเราไปดูบอล ปรากฎว่าออกกติกามาว่า ฝ่ายหนึ่งถือปืนได้ ไม่ต้องวิ่ง ยิงเอา อีกฝ่ายหนึ่งต้องวิ่งแทบตาย ให้ใส่กางเกงในลงไปวิ่ง ยังไม่ทันเริ่มก็รู้ว่าแพ้ แต่ว่าเริ่มใช้สิทธิที่เอาเปรียบตรงนี้ทันทีนี่คนดูตีกันแล้ว คนดูบางที่ก็ตีกันเอง บางที่ก็ลงไปตีกรรมการเลย เพราะฉะนั้นอันนี้มันเป็นสิ่งที่แค่เอากีฬามาเปรียบเทียบก็รู้แล้ว เรานั่งดูถ้ากรรมกรเฮ็งซวยเมื่อไหร่นี่ ดูบอลไม่สนักแล้ว เพราะฉะนั้นวันนี้เราอยากได้ผู้เล่นที่ยึดในกติกา เราอยากได้กติกาที่เป็นกลางเพื่อให้เราเล่นกันอย่างมีความสุข เราอยากได้กรรมการที่มีจรรยาบรรณในวิชาชีพ หากได้กรรมการที่ไม่มีจรรยาบรรณในวิชาชีพมันก็ดูไม่สนุกและนำไปสู่ความขัดแย้งหรือตีกันของคนดูได้" ทักษิณกล่าว

ทักษิณ กล่าวถึงคำว่า "rule of law" ด้วยว่า มันไม่ได้หมายถึงสันติอย่างเดียว แต่มันหมายถึงเศรษฐกิจด้วย หากที่ไหนไม่มีหลักนิติธรรมที่ดี เศรษฐกิจพักหมดเพราะไม่มีคนเชื่อถือ เพราะกติกาไม่สากล และไปคิดว่า rule of law เป็นของต่างประเทศไม่เกี่ยวกับเรา เราจะมั่วอย่างไรนั้น ก็ไม่ได้ เพราะโลกมันเชื่อมโยงกัน วันนี้สิ่งหนึ่งที่เกิดในมุมหนึ่งของโลกก็จะรู้กันทั้งโลกเพราะโลกเชื่อมโยงกัน หากไทยยังปล่อยให้เป็นแบบนี้ก็จะนำไปสู่ความยากจน ความขัดแย้ง ดัชนีความสุขมันตกต่ำทุกวัน 

นักการเมืองเลิกเป็นเปรต-เทวดา หันมาเป็นมนุษย์

"ตอนก่อนที่ผมจะตั้งพรรคไทยรักไทย ผมบอกว่าการเมืองบางค่ายชัดเจนเลยให้รู้ว่าข้านี้คือเปรต จะหาตังส์อย่างเดียว บางคนก็จะบอกว่าข้านี้สะอาดจะเป็นเทวดาอย่างเดียว บางคนฉลาดกว่าแต่ไม่ค่อยถูกต้องเท่าไหร่ ทำตัวหน้าเป็นเทวดาแต่ตัวเป็นเปรต เพราะฉะนั้นวันนี้มันถึงเวลาที่เราต้องเป็นมนุษย์ มนุษย์ที่แข็งแรง มนุษย์ที่แข็งแรงก็คือ เป็นมนุษย์ที่มีสิ่งที่สะอาดอยู่ในตัว มากกว่าสิ่งที่สกปรก แต่สิ่งสกปรกมันเป็นสิ่งที่มันไม่มีทางกำจัดได้หมด ถ้ามนุษย์เราเอาเชื่อโรค 18% ที่มีอยู่ในตัวเราออกให้หมด ตายเร็วนะ เพราะไม่มีภูมิคุ้มกัน หรือถ้าใส่เชื่อโรคเกิน 18% ก็ตายเร็วอีก มันกัดกร่อน" ทักษิณ กล่าว

"มันไม่มีอะไรดีที่สุดในโลกนี้ แต่ประชาธิปไตย มันทำให้เราสามารถได้เรียนรู้ความหลากหลาย ความคิดต่างๆ ของมนุษย์ คนคนหนึ่งเดินมาเพราะพยายามหาจุดดีของเขาให้ได้ คุยกับเขาเราจะได้จุดดี" ทักษิณ กล่าว พร้อมระบุว่า ประชาธิปไตยถึงบอกให้คนพูดแสดงออกเยอะๆ มันเป็นประโยชน์ ถ้าฝ่ายค้านแนะนำไม่ดีก็ไม่ต้องเชื่อ ที่ดีก็ควรเอาไปฟัง รัฐบาลต้องใจกว้างหรือเป็นฝ่ายค้านก็ต้องใจกว้างที่จะแนะนำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน การตำหนิการตรวจสอบเป็นหน้าที่ที่ฝ่ายค้านต้องทำ เพราะฉะนั้นวันนี้ต้องใจกว้าง ยิ่งอยู่ในฐานะสำคัญและเป็นศูนย์กลางของการบริหารประเทศต้องใจกว้าง

โลกไม่เหมือนเดิมแล้ว ปชช.มีตัวตายตัวแทน หมดเจนหนึ่งอีกเจนขึ้นมา

เรื่องฝ่ายประชาธิปไตยที่ต่อสู้กับเผด็จการตลอดหลายปีที่ผ่านมาที่ฝ่ายแรกรู้สึกว่าแพ้ตลอดนั้น ทักษิณ กล่าวว่า ตนที่ต้องมาอยู่ต่างประเทศก็เพราะความซื้อบื้อที่ไม่เข้าใจการเมืองของชนชั้นนำในกรุงเทพฯ ถึงวันนี้ความเข้าใจถึงแม้จะดีแล้ว แต่ก็ต้องยอมรับว่ากลยุทธ์ก็เปลี่ยนแปลงไปเรื่อย

"ใครจะไปคิดว่าประยุทธ์จะอยู่ 5 ปี แต่ใครจะไปคิดว่า 5 ปี ถอนรากถอนโคนความเป็นประชาธิปไตยจากหัวใจประชาชนไม่ได้ เพราะฉะนั้นผมเชื่อว่าประชาชนมีตัวตายตัวแทน หมดเจเนอเรชั่นหนึ่งก็มีเจเนอเรชั่นหนึ่งขึ้นมา เจเนอเรชั่นหลังๆ นี่จะใฝ่ประชาธิปไตยใฝ่เสรีภาพมากกว่าเดิม แต่ขณะเดียวกันฝ่ายการเมืองในกรุงเทพก็พยายามจะบีบคั้นลดเสรีภาพลงไป" ทักษิณ กล่าว พร้อมย้ำว่า โลกเปลี่ยนไปเยอะ โลกไม่เหมือนเดิมแล้ว ประชาชนรู้เรื่องโลกทั้งโลกไม่ใช่เฉพาะในประเทศ ความรู้สึกเปรียบเทียบมีตลอดเวลา เพราะฉะนั้นอย่าไปคิดว่าจะเอากะลาใบหนึ่งมาครอบแล้วให้อยู่ข้างในนิ่งๆ นั้น ไม่มีทาง

เอายามมาเป็น CEO ย้ำยาแก้เศรษฐกิจใช้ยุคตนไม่ได้ แต่หากอยากได้ยายินดีให้คำปรึกษา

"เอาชัดๆ ผมยังเป็นคนไทย ถึงแม้จะโดนยึดพาสปอตก็ตาม ผมยังมีหัวใจเป็นคนไทย ผมยังคิดตลอดเวลาว่าผมจะต้องต้องทำหน้าที่ช่วยประเทศไทยและคนไทย แต่ผมไม่ได้ปกป้องรีจีมที่ไม่ดี ถ้ารีจีมดีแน่นอนเราต้องช่วยกัน ถ้ารีจีมบางทีมันไม่ดีไม่พอ แล้วยังไม่เก่ง บ้านเมืองวันนี้ บริษัทใหญ่ๆ กว่าจะเลือก CEO ได้ เขาต้องให้ฮันเตอร์ไปหาพวกเก่งๆ มาทำงาน อันนี้อยู่ๆ จากหัวหน้ายามเป็น CEO ก็ได้แค่นี้" ทักษิณ ตอบคำถามเรื่องวางมือการเมืองนั้น

ทักษิณ กล่าวว่า หวังว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะเปลี่ยนสไตล์ได้ และสูตรเศรษฐกิจที่ตนใช้สมัยไทยรักไทยนั้นเอามาใช้อีกไม่ได้ เหมือนยารักษาโรคช่วงเวลาไม่เหมือนกัน สมมติฐานโรคไม่เหมือนกัน ไวรัสก็กลายพันธุ์ ยากเม็ดเดิมก็ไม่หาย หากอยากได้ยาเม็ดใหม่ก็ถามกับตนได้ และไม่เคยหวงวิชายินดีให้คำปรึกษา

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net