29 มี.ค. ศบค. แถลงพบผู้ป่วยรายใหม่ 143 ราย สะสม 1,388 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย สะสม 7 ราย

29 มี.ค. 2563 ศบค. แถลงยืนยันพบผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ 143 ราย สะสม 1,388 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย สะสม 7 ราย กทม.สูงสุด 641 ราย 3 จังหวัดชายแดนใต้ 82 ราย

29 มี.ค. 2563 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน ในฐานะโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) แถลงว่า ภาพรวมสถานการณ์ทั่วโลกใน 196 ประเทศ 2 เขตบริหารพิเศษ 1 เรือสำราญ ข้อมูลตั้งแต่ 5 ม.ค. – 29 มี.ค.นี้ พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อจำนวน 640,000 คน เสียชีวิตวันเดียว ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 67,000 คนโดยเสียชีวิต 29,000 คน ย้ำว่าสถานการณ์ยังไม่ดี

สหรัฐอเมริกา มีผู้ติดเชื้อสูงสุด 116,050 คน ป่วยใหม่เพิ่ม 21,625 คน รองมาเป็นอิตาลี 92,472 คน เสียชีวิต 10,023 คน ส่วนจีน 81,394 คนเสียชีวิต 3,295 คน

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สำหรับประเทศไทยอยู่ในลำดับที่ 34 ของโลก โดยพบผู้ป่วยเพิ่ม 143 คน รวมผู้ป่วยสะสม 1,388 คน อาการหนัก 17 คน กลับบ้านแล้ว 111 คน รักษาตัวอยู่ 1,270 คน เสียชีวิตเพิ่ม 1 คน รวมเสียชีวิต 7 คน โดยผู้เสียชีวิตคนล่าสุดอยู่ในจ.นนทบุรี อายุ 68 ปี มีประวัติเชื่อมโยงกับสนามมวย ขณะเดียวกันตัวเลขยังพบมีผู้ป่วยในกทม.จำนวน 641 คน พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ 82 คน ภาคกลาง 135 คน และอื่นๆ 530 คน

สำหรับผู้ป่วยใหม่ 143 คน จำแนกเป็น กลุ่มที่ 1 ผู้สัมผัสใกล้ชิด 70 คน ได้แก่ สนามมวย 5 คน สถานบันเทิง 15 คน สัมผัสกับผู้ป่วย 49 คน เข้าร่วมพิธีทางศาสนาที่มาเลเซีย 1 คน ฯลฯ

กลุ่มผู้ป่วยรายใหม่ 43 คน ได้แก่ เดินทางกลับจากพื้นที่เสี่ยง 22 คน สถานที่แออัดที่ใกล้ชิดคนจำนวนมาก 8 คน บุคลลากรทางการแพทย์ 8 คน และปอดอักเสบไม่ทราบสาเหตุ 5 คน

นอกจากนี้มีกลุ่มผู้ป่วยรอการสอบสวน 30 คน

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า พื้นที่ควรเฝ้าระวังมากที่สุดคือ กทม.-ปริมณฑล ชลบุรี ภูเก็ต สระแก้ว และ 4 จังหวัดภาคใต้คือ สงขลา ยะลา ปัตตานี นราธิวาส เนื่องจากยังพบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในรอบวันที่ 19-28 มี.ค.นี้

“สิ่งที่กังวลพบว่าร้อยละ 18.4 ของผู้ป่วยติดเชื้อไม่แสดงอาการ และแสดงอาการเพียง 81.6 เท่านั้น และส่วนใหญ่ กลุ่มวัยทำงาน จึงเป็นผู้ที่นำพาหะ ดังนั้นเท่ากับว่าทุกคนในประเทศ ไทยมีความเสี่ยง ส่วนผู้ป่วยเป็นชายร้อยละ 61.1 และหญิงร้อยละ 38.9”

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า แนวโน้มกราฟที่บ่งชี้ว่ายังมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้น ซึ่งจากตัวเลขจุดตัดที่วิเคราะห์ ชัดเจนว่าหลังจากเริ่มมีผู้ป่วยจากกลุ่มสนามมวย สถานบันเทิง จากตัวเลขหลัก 10 เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นหลัก 100 คนจนทำให้ตัวเลขสะสมทั่วประเทศแล้ว จากการประกาศของ กทม.ทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายแรงงานเดินทางกลับภูมิลำเนา รวมทั้งแรงงานต่างชาติ

“ผลของการติดเชื้อ 5-7 วัน ซึ่งหลังการประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินจะครบ 7 วัน จึงมีแนวโน้มที่ตัวเลขคนป่วยจะเพิ่มขึ้น ดังนั้นหากจะให้ได้ผลลดการแพร่เชื้อคนไทยร้อยละ 90 ของไทยต้องร่วมมือกันให้มากที่สุด”

นอกจากนี้นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ผู้ป่วยใหม่ 19-28 มี.ค.ที่ผ่านมา กระจายตัวไปทั่วประเทศ ทุกคนในประเทศไทยมีความเสี่ยง ขอให้ช่วยประเทศด้วยการอยู่ที่บ้าน หรือรักษาที่ รพ. ส่วนคนที่อาการเล็กน้อย ได้มีการปรับเปลี่ยนโรงพยาบาลบางแห่ง เช่น กรมสุขภาพจิต กรมอนามัย เข้ามารักษาในสถานที่ดังกล่าว

ส่วนการพูดคุยกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กำชับเรื่องให้ดูรายละเอียดการแพร่ระบาดของเชื้อ และยังต้องมีการขยายเวลาในการดำเนินการในระดับพื้นที่ และให้มีการรายงานในระดับจังหวัดแบบรายวัน  
 

อนึ่ง กลุ่มภารกิจด้านข่าวและสื่อมวลชนสัมพันธ์ สำนักสารนิเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้สรุปข้อมูลการข่าวกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ประจำวันที่ 29 มี.ค. 2563 โดยละเอียดไว้ดังนี้

1. สถานการณ์ ถึงวันที่ 29 มีนาคม 2563 ณ เวลา 08.00 น.

1. ผู้ป่วยรักษาหายกลับบ้านแล้ว 111 ราย ยังรักษาในโรงพยาบาล 1,270 ราย เสียชีวิต 7 ราย รวมผู้ป่วยสะสม 1,388 ราย

2. สถานการณ์ทั่วโลกใน 197 ประเทศ 2 เขตบริหารพิเศษ 2 เรือสำราญ ข้อมูลตั้งแต่ 5 มกราคม – 29 มีนาคม 2563 (07.00 น.) พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อจำนวน 645,158 ราย เสียชีวิต 29,951 ราย ส่วนประเทศจีนพบผู้ป่วย 81,394 ราย เสียชีวิต 3,295 ราย สหรัฐอเมริกาพบผู้ป่วย 116,050 ราย เสียชีวิต 1,937 ราย อิตาลีพบผู้ป่วย 92,472 ราย เสียชีวิต 10,023 ราย

2. สธ.เผยผู้ติดเชื้อโคโรนา 2019 กลับบ้าน 11 ราย พบรายใหม่เพิ่ม 143 ราย

กระทรวงสาธารณสุข เผยผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 รักษาหายกลับบ้าน 11 ราย พบรายใหม่ 143 ราย เสียชีวิต 1 ราย ให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยง ปฏิบัติตามมาตรการที่รัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขกำหนดอย่างเคร่งครัด เพื่อการรักษาที่ทันท่วงที ลดอัตราการเสียชีวิต

นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พร้อมด้วยนายแพทย์ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค และนายแพทย์บัญชา ค้าของ รองอธิบดีกรมอนามัย แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ว่า วันนี้มีผู้ป่วยกลับบ้านได้ 11 ราย และมีผู้ป่วยเพิ่ม 143 ราย แบ่งเป็น 3 กลุ่มดังนี้

กลุ่มที่ 1 ผู้ป่วยที่มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วย หรือเกี่ยวข้องกับสถานที่ที่พบผู้ป่วยก่อนหน้านี้ จำนวน 70 ราย ได้แก่ กลุ่มสนามมวย 5 ราย, กลุ่มสถานบันเทิง 15 ราย, กลุ่มผู้สัมผัสกับผู้ป่วยที่มีรายงานมาแล้ว 49 ราย และผู้ร่วมพิธีทางศาสนาที่ประเทศมาเลเซีย 1 ราย

กลุ่มที่ 2 ผู้ป่วยรายใหม่ จำนวน 43 ราย ได้แก่ กลุ่มที่เดินทางกลับจากพื้นที่เสี่ยงทั้งคนไทยและคนต่างชาติ 22 ราย, กลุ่มผู้ทำงาน/อาศัย และเดินทางไปในสถานที่แออัดต้องใกล้ชิดคนจำนวนมากหรือเกี่ยวข้องกับชาวต่างชาติ 8 ราย กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ 8 ราย และกลุ่มอื่นๆ ตามเกณฑ์เฝ้าระวัง เช่น ปอดอักเสบไม่ทราบสาเหตุ 5 ราย

กลุ่มที่ 3 ผู้ที่ได้รับผลยืนยันทางห้องปฏิบัติการพบเชื้อแต่อยู่ระหว่างรอประวัติและสอบสวนโรค 30 ราย

วันนี้มีผู้ป่วยเสียชีวิต 1 ราย เป็นชายไทยอายุ 68 ปี มีโรคประจำตัว ความดันโลหิตสูง และเบาหวาน มีอาการเหนื่อยหอบ เข้ารักษาที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ตรวจพบปอดอักเสบ และภาวะวิกฤติระบบทางเดินหายใจ จึงส่งต่อไปที่โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า อาการไม่ดีขึ้น และเสียชีวิตวันที่ 26 มี.ค. 2563 ส่วนผู้ป่วยอาการหนัก 17 ราย มีอาการปอดอักเสบ ใส่เครื่องช่วยหายใจและเฝ้าระวังอาการใกล้ชิด ในจำนวนนี้ 1 ราย ใช้เครื่อง ECMO อาการอยู่ในภาวะวิกฤต สรุปวันนี้ มีผู้ป่วยกลับบ้านแล้ว 111 ราย รักษาในโรงพยาบาล 1,270 ราย เสียชีวิต 7 ราย รวมมีผู้ป่วยสะสม 1,388 ราย

วันนี้เป็นที่น่ายินดีของผู้ที่เดินทางมาจากประเทศอิตาลี จำนวน 83 คนที่ได้กักตัวเฝ้าระวังสังเกตอาการที่อาคารรับรองฐานทัพเรือสัตหีบ ซึ่งในวันนี้ครบ 14 วัน ทุกคนได้รับการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ไม่พบเชื้อ กลับบ้านได้ทั้งหมด ทุกคนอาการปกติ

ในส่วนผู้ป่วยที่อาการวิกฤตจำนวน 17 ราย ร้อยละ 50 เป็นผู้สูงอายุที่อายุมากกว่า 70 ปี และมีโรคเรื้อรังประจำตัว จึงเป็นกลุ่มเสี่ยงที่สำคัญ ขณะนี้ประเทศไทยมีผู้สูงอายุ 70 ปีขึ้นไป จำนวน 4.7 ล้านคน (ข้อมูลจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ) จึงขอให้กลุ่มคนที่มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ซึ่งได้แก่ ผู้สูงอายุตั้งแต่ 70 ปีขึ้นไป กลุ่มคนที่มีโรคประจำตัว และกลุ่มเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปีลงมา ปฏิบัติตามมาตรการที่รัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขกำหนดอย่างเคร่งครัด ขอให้อยู่ในเคหสถานหรือสถานที่พัก อยู่ในบ้าน เพื่อป้องกันการติดเชื้อจากสภาพแวดล้อมภายนอก และเมื่อมีอาการป่วย มีไข้ ไอ มีอาการระบบทางเดินหายใจ ให้รีบพบแพทย์โดยเร็ว เพื่อการรักษาที่ทันท่วงที ลดอัตราการเสียชีวิต

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท