ภาคีนักศึกษาศาลายาและแนวร่วมนวชีวินจัดกิจกรรม Burn in Hell เผารูป พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร หน้าทำเนียบรัฐบาล เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออก ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ไม่ให้มี ส.ว. 250 เสียง ด้านนักเรียนกลุ่มเกียมอุดมไม่ก้มหัวให้เผด็จการจัดแฟลชม็อบวันศุกร์ลุกมาต้านเผด็จการ
24 ก.ค. 2563 ภาคนักศึกษาศาลายาและแนวร่วมนวชีวิน ประกาศจัดกิจกรรม Burn in Hell เรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ยกเลิกส.ว. 250 คน รวมทั้งเผารูป พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
10.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ดุสิต จัดกำลังควบคุมฝูงชนบริเวณข้างทำเนียบรัฐบาล และตั้งแผงเหล็กกั้นตลอดแนวรั้วทำเนียบรัฐบาล ป้องกันไม่ให้กลุ่มนักศึกษาจัดกิจกรรมติดแนวรั้ว
พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้จัดกำลังตำรวจมาดูแลความปลอดภัย แต่หากมีการละเมิดกฎหมายจะรวบรวมพยานหลักฐานเอาผิดภายหลัง
ขณะที่ภูมิวัฒน์ แรงกสิวิทย์ ตัวแทนแนวร่วมนวชีวินที่อดอาหารประท้วงรัฐบาล เดินทางมาร่วมกิจกรรมบริเวณสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ ตรงข้ามทำเนียบรัฐบาล และให้สัมภาษณ์ว่าวันนี้เริ่มไม่รับประทานอาหารเลยเป็นวันแรก และจะอดไปจนกว่าจะทนไหว พร้อมขอให้รัฐบาลรีบทำตามข้อเรียกร้อง
ภูมิวัฒน์ แรงกสิวิทย์ ตัวแทนแนวร่วมนวชีวินที่อดอาหารประท้วงรัฐบาล
11.20 น. กลุ่มภาคีนักศึกษาศาลายาเดินทางมาอ่านแถลงการณ์ฝั่งตรงข้ามทำเนียบรัฐบาล ให้รัฐบาลประยุทธ์ออกไป และแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจปี 2563 หลังอ่านแถลงการณ์แล้วผู้ชุมนุมร่วมกันเผาภาพ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาห้ามไม่ให้เผา เพราะอาจะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ขอให้เข้าไปยื่นข้อร้องเรียนที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล ภายในสำนักงาน ก.พ.ร. แทน แต่ผู้ร่วมกิจกรรมยืนยันจะทำกิจกรรมตามเดิม เจ้าหน้าตำรวจึงเตรียมอุปกรณ์ไว้ควบคุมเพลิงไม่ให้ลุกไหม้จนเกิดอันตรายอยู่ในบริเวณที่จัดกิจกรรม
ประมาณ 13.00 น. ที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา กลุ่มเกียมอุดมไม่ก้มหัวให้เผด็จการเตรียมจัดแฟลชม็อบ 'วันศุกร์ลุกมาต้านเผด็จการ' เวลา 14.30 น. แต่มีผู้เตรียมป้ายข้อความ "สถานที่ราชการบุคคลภายนอกห้ามเข้า" ปิดไว้บริเวณโรงเรียน รวมถึงมีตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบเข้ามายังโรงเรียน ก่อนผู้จัดจะแจ้งเปลี่ยนสถานที่จากลาน 70 ปี เป็นหน้าประตูฝั่งพญาไท
ภาพกิจกรรมที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา โดยวิศรุต บุญยา
เวลา 14.30 น. กลุ่มเกียมอุดมไม่ก้มหัวให้เผด็จการจัดกิจกรรมปราศรัยและอ่านแถลงการณ์แสดงจุดยืนต่อต้านรัฐบาลร่วมกับประชาชน โดยมีจุดยืน 3 ข้อ คือ รัฐบาลต้องบุบสภา หยุดคุกคามประชาชน และร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ก่อนจะยืนนิ่งเป็นเวลา 1 นาที เพื่อไว้อาลัยให้ประชาธิปไตย และร้องเพลงแฮมทาโร่ "ของอร่อยที่สุดก็คือภาษีประะชาชน" ท่ากลางฝนที่ตกลงมาในช่วงบ่าย
แถลงการณ์ภาคีนักศึกษาศาลายา
รัฐบาลประยุทธ์ออกไป แก้ไขวิกฤติเศรษฐกิจปี 2563
นับตั้งแต่ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำรัฐประหาร ฉีกรัฐธรรมนูญ ในปี 2557 ทำลายประชาธิปไตย แล้วยัดเยียดรัฐธรรมนูญ 2560 กำหนดกติกา เลือกตั้งเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่นๆ และแต่งตั้งวุฒิสภา 250 คน สืบทอดอำนาจเผด็จการ เป็นเวลาถึง 6 ปี ซึ่งเป็นต้นเหตุให้ที่ทำให้เศรษฐกิจตกต่ำ การเมืองเลวร้าย นำมาซึ่งความทุกข์ยากเดือดร้อนของประชาชนไปทุกหย่อมหญ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงการระบาดของไวรัสโควิด รัฐบาลปล่อยให้เกิดการแพร่ระบาดเสียเองและออกมาตรการที่ก่อให้เกิดหายนะทางเศรษฐกิจ จนนำมาซึ่งวิกฤติการณ์ดังต่อไปนี้
1. ภายใต้การบริหารงานของรัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา นับตั้งแต่ปี 2557 เศรษฐกิจไทเติบโตระดับต่ำอย่างต่อเนื่องและอยู่ท้ายสุดในกลุ่ม ประเทศอาเซียนด้วยกัน จนกระทั่งการแพร่ระบาดของโควิดทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตในอัตรา - 8 เนื่องจากการส่งออก และการท่องเที่ยวที่ ตกต่ำลงอย่างมาก ในขณะที่สังคมไทยมีความเหลื่อมล้ำกันเป็นอย่างมาก โดยเอื้อประโยชน์ต่อนายทุนผูกในการเอารัดเอาเปรียบประชาชนคน ไทยทำให้คนรวยยิ่งรวยยิ่งขึ้น คนจนยิ่งยากจนมากยิ่งขึ้น
2. รัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ได้ทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้ ในเรื่องของการเพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเดือนละ 1,000 บาท เพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำ วันละ 425 บาท และเพิ่มเงินเดือนคนจบปริญญาตรีเดือนละ 20,000 บาท การประกันราคาพืชผลการเกษตร ปล่อยให้ชาวนา ชาวไร่ ล้มละลาย สูญเสียที่ดินทำกินการไม่ทำตามสัญญาประชาคม เป็นการแสดงให้เห็นถึงความโกหกหลอกลวงของรัฐบาล จึงหมดความชอบธรรม ในการบริหารประเทศ
3. การบริหารงานผิดพลาดและการกอบโกยโกงกินจากปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด ทำให้หน้ากากอนามัยขาดแคลน แต่ปรากฏว่า มีการส่งออกไปต่างประเทศ สร้างความร่ำรวยให้กับธุรกิจผู้จำหน่ายและผลิตหน้ากากอนามัยหลายพันล้านบาท รวมทั้งความอ่อนแอในการ ปล่อยให้มีกองทัพบกมีอภิสิทธิ์ในการจัดการแข่งขันชกมวย จนทำให้ไวรัสโควิดแพร่ระบาดไปในหลายจังหวัด แม้แต่การแพร่ระบาดรอบสอง เกิดขึ้นจากการให้อภิสิทธิ์กับกลุ่มทหารและการทูตจนนำเชื้อเข้ามาภายในประเทศ
4. รัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำให้ผู้จบการศึกษาปีละ 5 แสน คนตกงาน โดยไม่มีการเยียวยาหรือมีมาตรการประกันรายได้คนว่างงาน ทำให้ คนว่างงานมีจำนวนถึง 8 ล้านคน กลายเป็นคนยากจนข้นแค้น การเยียวยาจากรัฐเดือนละ 5000 บาท ไม่ถ้วนหน้าและเป็นการเลือกปฏิบัติ โดย ที่รัฐบาลได้ก่อหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 57 % ของรายได้ประชาชาติอันจะเป็นภาระชดใช้หนี้ให้กับคนรุ่นต่อไปอีก
5. รัฐบาลประยุทธ์ เป็นเผด็จการใช้กฎหมายปราบปรามคุกคามประชาชนที่มีความเห็นแตกต่างจากรัฐบาล ด้วยการปล่อยให้มีการใช้ความ รนแรงโดยมีการคุ้มฆ่าสูญหายไปถึง 9 ชีวิตด้วยกัน และการทำร้ายนักกิจกรรม 3 คน โดยไม่สามารถจับกุมคนร้ายได้ จึงเป็นอาชญากรรมแห่งรัฐ ใช้กฎหมายคุกคามประชาชน ทำลายสิทธิเสรีภาพของประชาชน เช่น การขยายการใช้ พรก. ฉุกเฉินออกไปยาวนาน และใช้เป็นเครื่องมือคุกคามประชาชน
ภาคีนักศึกษาศาลายา เห็นว่าหาก ปล่อยให้รัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา บริหารประเทศต่อไปอีกจะทำให้เศรษฐกิจ พังทลาย สร้างหายนะให้กับประเทศชาติ ประชาชนจะทุกข์ยากเดือดร้อนแสนสาหัส ดังนั้นเพื่อเป็นการแก้ไขวิกฤติการณ์ของบ้านเมืองในขณะนี้ รัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชาควรที่จะลาออกทันที แก้ไขรัฐธรรมนูญให้มีความประชาธิปไตย แล้วยุบสภาเพื่อจัดการเลือกตั้งใหม่โดยเร็วที่สุด เพื่อจะได้รัฐบาล ที่มาจากการเลือกตั้งที่เป็นประชาธิปไตยต่อไป
แถลงการณ์ กลุ่มเกียมอุดมไม่ก้มหัวให้เผด็จการ
เรื่อง ขอร่วมแสดงจุดยืนต่อต้านต่อต้านรัฐบาลร่วมกับประชาชน
รัฐบาลที่มี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี มีที่มาไม่ชอบธรรม เพราะการจัดตั้งรัฐบาลครั้งแรกมาจากการรัฐประหาร และครั้งที่สองจากรัฐธรรมนูญที่เอื้อผลประโยชน์ให้กับฝ่ายของตน รัฐบาลชุดนี้ได้แสดงให้ประชาชนเห็นถึงการขาดความสามารถในการบริหารประเทศ โดยเฉพาะการบริหาร เศรษฐกิจที่ไร้ประสิทธิภาพและเสื้อผลประโยชน์ให้กลุ่มทุนใหญ่ นอกจากนี้ยังมีการใช้อำนาจรัฐเกินขอบเขต เช่น ข่มขู่ คุกคามประชาชน รวมไปถึงการไม่เคารพอำนาจอธิปไตยของประชาชนผู้เป็นเจ้าของประเทศ
ในช่วงที่ผ่านมา นักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชนจำนวนมากได้ออกมาร่วมแสดงจุดยืน ต่อต้านรัฐบาลผ่านการชุมนุมทั่วประเทศ และในเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยมีจุดยืนร่วมกัน 3 ประการ ได้แก่
1. รัฐบาลต้องยุบสภา คืนอํานาจให้กับประชาชน และจัดการเลือกตั้งใหม่ เพื่อเปิดทางให้กับผู้ที่ประชาชนเห็นว่าเหมาะสมกว่ามาบริหารประเทศแทน
2. รัฐบาลต้องหยุดคุกคามประชาชน ทั้งการใช้กําลังจับกุม หรือบังคับสูญหาย และการดําเนินคดีอย่างไม่เป็นธรรมกับประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับการบริหารของรัฐบาล โดยเฉพาะนักกิจกรรมทางการเมือง
3. รัฐบาลต้องจัดให้มีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง รวมถึงเนื้อหาของรัฐธรรมนูญต้องเคารพอํานาจอธิปไตยของประชาชน และมีการตรวจสอบและ ถ่วงดุลที่มีประสิทธิภาพตามหลักประชาธิปไตยสากล
กลุ่มเกียมอุดมไม่ก้มหัวให้เผด็จการ ซึ่งมีจุดยืนต่อต้านอํานาจนิยม และระบอบเผด็จการ จึงขอเป็นส่วนหนึ่งในการแสดงจุดยืนต่อต้านต่อต้านรัฐบาลเผด็จการร่วมกับภาคประชาชน เพื่อร่วมปกป้อง อนาคตของคนไทยทุกคน สร้างความหวังของประเทศชาติ และสร้างระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ต่อไป
“เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ”
กลุ่มเกียมอุดมไม่ก้มหัวให้เผด็จการ
24 กรกฎาคม 2563
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)