Skip to main content
sharethis

ชัยธวัช ย้ำ ก้าวไกล ไม่ได้เป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบัน ซัด ณฐพร กล่าวหาเท็จซ้ำซาก ยันต่อสู้ถึงที่สุด อย่าหวังซ้ำรอยอนาคตใหม่ พร้อมเดินหน้าแก้ 112 ปลดแอกกฎหมายปิดปากประชาชนเห็นต่างอย่างมีเสรีภาพ

เมื่อวันที่ 3 ก.พ. 63 ที่อาคารรัฐสภา ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ โฆษกพรรค ยกทีมส.ส.พรรคก้าวไกล แถลงต่อสื่อมวลชน จากกรณีที่ณฐพร โตประยูร ได้ไปยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งเมื่อวานนี้ (2 ก.พ. 64) ให้พิจารณายื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งยุบพรรคก้าวไกล โดยกล่าวหาว่าพรรคก้าวไกลกระทำผิดตาม พ.ร.ป. ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 ม. 45 และ ม.92 (2) (3) กล่าวคือ กระทำการ หรือส่งเสริม สนับสนุนให้ผู้ใดกระทำการอันเป็นการก่อกวนหรือคุกคามความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน และกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขนั้น

ชัยธวัช กล่าวว่า ประเด็นเเรกข้อกล่าวหาของณฐพรต่อพรรคก้าวไกลล้วนเป็นความเท็จทั้งสิ้น พรรคก้าวไกลไม่ได้เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข แต่เราเป็นพรรคการเมืองที่ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญ ต่อต้านการสืบทอดอำนาจของระบอบรัฐประหาร พรรคก้าวไกลมิได้กระทำการ หรือส่งเสริม สนับสนุนให้ผู้ใดกระทำการอันเป็นการก่อกวนหรือคุกคามความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน แต่เราต้องการปกป้องสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชน และคัดค้านนโยบายของรัฐบาลในการปราบปรามนักเรียน นักศึกษา ประชาชน ที่ลุกขึ้นมาทวงคืนอนาคตของพวกเขา

ในประเด็นต่อมา ณฐพรใส่ร้ายพรรคก้าวไกลว่ามีแนวคิดเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขเช่นเดียวกับพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งเป็นความเท็จที่ณฐพรรู้ดีอยู่แก่ใจ เนื่องจากเขาเคยยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยมาแล้วว่าพรรคอนาคตใหม่ใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (หรือคดี “อิลลูมินาติ”) แล้วศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2563 ว่าพรรคอนาคตใหม่มิได้มีการกระทำตามที่นายณฐพรกล่าวหา

“ นี่เป็นพฤติกรรม “กล่าวหาเท็จซ้ำซาก” ของนายณฐพร โตประยูร เป็นพฤติการณ์ของโมษะบุรุษ ซึ่งปัจจุบันตนเองก็ยังตกเป็นจำเลยในศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบจากคดีฟอกเงินการขายที่ดินของอดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น น่าสงสัยว่า การไล่ร้องยุบพรรคอนาคตใหม่ต่อเนื่องมาถึงพรรคก้าวไกลนี้ เป็นการแสดงผลงานของนายณฐพรให้เข้าตาผู้มีอำนาจ เพื่อหวังจะพ้นผิดจากคดีฟอกเงินที่เป็นชะงักปักหลังอยู่หรือไม่ “

โดยพรรคก้าวไกลยืนยันอีกครั้งว่า พฤติการณ์ที่ณฐพรนำมากล่าวหาว่าเป็นความผิดนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นการกล่าวหาเท็จทั้งสิ้น เช่น กล่าวหาว่าการที่พรรคก้าวไกลสนับสนุนร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมฉบับประชาชน ซึ่งเปิดให้มี สสร. แก้รัฐธรรมนูญหมวด 1 และหมวด 2 ได้ และการแสดงความคิดเห็นต่อการบังคับใช้ ม.112 อย่างไม่เป็นธรรมกับการจะเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา ม.112 นั้น ถือเป็นกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทั้งๆ ที่การลงมติเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมและการเสนอร่างกฎหมาย เป็นอำนาจของสมาชิกสภานิติบัญญัติและเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามปกติของผู้แทนราษฎร

หรือในกรณีที่กล่าวหาว่า การที่ ส.ส. พรรคก้าวไกลไปสังเกตุการณ์การชุมนุมของนักเรียนนักศึกษาและใช้ตำแหน่งประกันตัวนักเรียนนักศึกษาประชาชนที่ถูกดำเนินคดีนั้น ถือเป็นกระทำการ หรือส่งเสริม สนับสนุนให้ผู้ใดกระทำการอันเป็นการก่อกวนหรือคุกคามความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ทั้งๆ ที่การไปสังเกตการณ์การชุมนุมของ ส.ส. นั้น ก็เพื่อทำหน้าที่ของผู้แทนราษฎรที่ดีในการไปรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและช่วยระงับความรุนแรงหากเกิดการปะทะกัน ส่วนการช่วยประกันตัวนักเรียนนักศึกษาประชาชนนั้น ก็เป็นการประกันสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนในกระบวนการยุติธรรม ผู้ต้องหาทุกคนต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ เช่นเดียวกับนายณฐพรที่มีสิทธิได้รับการประกันตัวในคดีฟอกเงิน

หาก ส.ส. ที่ไปประกันตัวนักเรียนนักศึกษาประชาชนจะมีความผิด ก็คงเป็นความผิดที่ไม่สยบยอมให้รัฐบาลในระบอบประยุทธ์ ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือปราบปรามทางการเมืองตามอำเภอใจ โดยทำลายหลักนิติรัฐและละเมิดสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชน ทั้งนี้ พรรคก้าวไกลได้กล่าวเตือนรัฐบาลไว้ในหลายโอกาสแล้วว่า การรับมือกับความเรียกร้องต้องการของคนรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นความจริงอันน่ากระอักกระอ่วนใจสำหรับคนรุ่นเก่า โดยเฉพาะแนวคิดเรื่องการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์นั้น ต้องมีกุศโลบายที่ละเอียดอ่อน และแทนที่จะเน้นมาตรการกดบังคับปราบปราม ควรเปิดพื้นที่ปลอดภัยให้แต่ละฝ่ายได้พูดคุยกันอย่างมีวุฒิภาวะ แต่แนวทางที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์กระทำมา รวมทั้งการบังคับใช้ ม.112 กลับยิ่งทำให้ความขัดแย้งทางการเมืองตึงเครียดมากขึ้น และจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพระมหากษัตริย์กับประชาชนเสื่อมทรามลง. ชัยธวัช กล่าว.

ทั้งนี้ ชัยธวัช กล่าวต่อไปว่า ประการสุดท้าย ปลายเดือน ก.พ. นี้ จะครบรอบ 1 ปีการยุบพรรคอนาคตใหม่ ในโอกาสนี้พรรคก้าวไกลเห็นว่า คำร้องยุบพรรคของนายณฐพรดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของขบวนการที่ต้องการบดขยี้พรรคอนาคตใหม่สืบเนื่องมาถึงพรรคก้าวไกล โดยใช้สถาบันพระมหากษัตริย์และกลไกองค์กรอิสระในระบอบประยุทธ์เป็นเครื่องมือทำลายล้างทางการเมือง ทั้งนี้ก็เพราะอนาคตใหม่และก้าวไกลเป็นพรรคการเมืองที่เป็นอุปสรรคต่อการสถาปนาระบอบอำนาจนิยมสมบูรณาญาสิทธิ์ในปัจจุบัน

พรรคก้าวไกลจะต่อสู้อย่างถึงที่สุด เพื่อปกป้องเสียงและเจตจำนงที่พวกเราได้รับมาจากประชาชน เพื่อผลักดันสังคมไทยให้มีอนาคต หลุดพ้นจากหลุมดำทางการเมืองของชนชั้นสูง กองทัพ และนายทุนผูกขาด ให้คนส่วนใหญ่ในชาติและลูกหลานของพวกเราได้มีโอกาสเจริญก้าวหน้าอย่างเท่าเทียมเป็นธรรม. อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน. โดยทางพรรคก้าวไกล จะดำเนินการฟ้องคดีกลับต่อนายณฐพร โตประยูร ในมาตรา 101 ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ในการกล่าวหาเท็จต่อพรรคการเมือง โดยให้ฝ่ายกฎหมายดำเนินคดีต่อไป ทั้งนี้ในสัปดาห์หน้าพรรคก้าวไกลจะยื่นแก้ไขมาตรา 112 ส่วนลายชื่อเเละลายเซ็นต์ของส.ส.ในพรรค ขอให้เป็นเอกสิทธิ์ของส.ส. ชัยธวัชกล่าว.

ในส่วนกรณีที่ มจ.จุลเจิม ยุคล ออกมาเเสดงความเห็นผ่านเฟสบุคว่าการที่ศาลปล่อยให้มีการประกันตัว จากคดีมาตรา 112 นั้นถือว่าเป็นความบกพร่องต่อหน้าที่ เป็นภัยต่อความมั่นคง เเละสถาบันพระมหากษัตริย์ ดังนั้นศาลจึงต้องรับผิดชอบต่อการกระทำที่ส่งเสริมละล้มล้างเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองเเละล้มล้างสถาบัน ชัยธวัชให้ความเห็นว่า กรณีนี้ไม่ควรเกิดขึ้น ในการออกมาเเสดงความคิดเห็นเช่นนี้อาจทำให้ประชาชนเเละตุลาการจำนวนหนึ่งเข้าใจ เเละทำให้เสื่อมเสียพระเกียรติยศได้ เลขาธิการพรรคกล่าวทิ้งท้าย

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net