สถิติช่วง COVID-19 ในอิสราเอลพบกว่าผู้หญิงได้รับผลกระทบรุนแรงมากกว่าผู้ชายในตลาดแรงงาน ทั้งถูกเลิกจ้างและลาโดยไม่ได้รับค่าจ้างช่วงล็อกดาวน์

ที่มาภาพ: สำนักงานจัดหางานอิสราเอล (อ้างใน davar1.co.il)

11 ก.พ. 2564 แม้ในอิสราเอลจะมีความก้าวหน้าอย่างช้า ๆ ในเรื่องความเท่าเทียมกันทางเพศในที่ทำงาน แต่การแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าผู้หญิงวัยทำงานในอิสราเอลได้รับผลกระทบรุนแรงมากกว่าผู้ชาย เห็นได้ชัดเจนจากอัตราการว่างงานที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงนี้และก่อนหน้านี้เมื่อเทียบกับผู้ชาย

รายงานของสำนักงานจัดหางานอิสราเอลเมื่อต้นเดือน ก.พ. 2564 เปิดเผยว่ามีชาวอิสราเอล 144,599 คน ลงทะเบียนเพื่อหางาน ตั้งแต่การล็อกดาวน์ครั้งที่ 3 ในอิสราเอลที่เริ่มต้นเมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2563 โดยคาดว่าจะมีผู้ว่างงานเพิ่มอีก 200,000 คน ผู้ที่ลงทะเบียนเป็นผู้ว่างงานส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงถึงร้อยละ 63 ในสัปดาห์แรกของการออกจากงาน ร้อยละ 76 ในสัปดาห์ที่สอง และร้อยละ 68 ในสัปดาห์ที่สาม

ก่อนหน้านี้การล็อกดาวน์ครั้งที่ 2 ในเดือน ต.ค. 2563 พบว่าร้อยละ 70 ของผู้ที่รายงานการว่างงานจากการลาโดยไม่ได้รับค่าจ้าง เป็นผู้หญิงตามข้อมูลของสำนักงานจัดหางาน จำนวนผู้ว่างงานกระจุกตัวอยู่ในอุตสาหกรรมที่มีการจ้างงานผู้หญิงเป็นส่วนใหญ่ เช่นภาคการศึกษา การขาย ร้านอาหาร และการจัดอีเวนต์

จากการศึกษาของ Taub Center เกี่ยวกับผลกระทบของ COVID-19 ต่อการจ้างงานของผู้หญิงเมื่อเดือน มิ.ย. 2563 พบว่าผู้หญิงคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 49 ของกำลังแรงงาน แต่คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 56 ของการเรียกร้องการว่างงานที่ยื่นระหว่างการล็อกดาวน์ครั้งแรกเมื่อฤดูใบไม้ผลิปี 2563 ช่องว่างดังกล่าวเป็นที่น่าสังเกตอย่างยิ่งในกลุ่มผู้หญิงอายุน้อย โดยร้อยละ 60.5 ของการร้องเรียนการว่างงานมาจากผู้หญิงอายุ 20-24 ปี

ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนให้เห็นในระดับโลกด้วย จากการศึกษาขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) และองค์การเพื่อสตรีแห่งสหประชาชาติ (UNWO) ระบุว่า ณ สิ้นไตรมาสที่ 2/2563 สัดส่วนของผู้หญิงที่ออกจากตลาดแรงงานในประเทศต่าง ๆ สูงกว่าผู้ชาย 1.7 เท่า

ที่มาเรียบเรียงจาก
Israeli Women Work More, Have More Children, and their Jobs are the First to Suffer (Davar, 2 February 2021)