Skip to main content
sharethis

ประมวลเหตุการณ์ #ม็อบ20กุมภา ประชาภิปรายไม่ใว้วางใจ ณ รัฐสภาใหม่ เกียกกาย ตามการนัดหมายโดยแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ย้ำ 3 ข้อเรียกร้อง และจุดยืนด้านสันติวิธี ขณะที่ขอนแก่นจัดรวมพลราดสะดอนอีสาน ย้ำจุดยืน 3 ข้อ และปล่อยตัวแกนนำ

 

เมื่อเวลา 14.26 น. ผู้สื่อข่าวประชาไทเข้าพื้นที่ชุมนุมหน้ารัฐสภา รายงานว่าบรรยากาศเบื้องต้นระบุว่า บริเวณแยกเกียกกาย ไม่พบเห็นรถจีโน (รถฉีดน้ำแรงดันสูง) จอดอยู่ แต่มีตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.) ประจำการที่หน้ารัฐสภา พร้อมนักข่าว เบื้องต้น ยังไม่พบเห็นผู้ชุมนุม

รองโฆษก ตร. เผยแนวทางรับมือผู้ชุมนุมเน้นเจรจา ขอความร่วมมือให้ชุมนุมอย่างสันติ 

เวลา 14.42 น. พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนหน้ารัฐสภา ถึงแนวทางการรับมือการชุมนุมวันนี้ ระบุว่า การทำหน้าที่วันนี้มีการถอดบทเรียนจากการทำงานที่ผ่านมา มีการเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่และยุทธวิธีให้เหมาะสม เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์การบังคับใช้กฎหมาย และความสงบเรียบร้อย

กฤษณะ กล่าวว่า ฝากไปยังผู้ชุมนุมหรือผู้ที่จะมาชุมนุมว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายพิเศษ ได้แก่ พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 การมาชุมนุมถือเป็นความผิดอยู่แล้ว โดยเจ้าหน้าที่จะมีการเจรจา พูดคุย เข้าใจว่าผู้ชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการอย่างใดอย่างหนี่ง แต่บ้านเมืองมีขื่อมีแป ตำรวจก็ต้องดำเนินการ ซึ่งอาจจะยังไม่บังคับใช้กฎหมายหรือดำเนินคดี แต่จะพิจารณาตามความเหมาะสม หากจะมาเรียกร้อง ก็อยากให้อยู่ในขอบเขต และเป็นไปตามกระบวนการ

รองโฆษก สตช. กล่าวเพิ่มว่า เหตุการณ์เมื่อวันเสาร์ที่แล้ว (13 ก.พ. 2564) ตำรวจได้ใช้ความอดทนอดกลั้น ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเป็นขั้นตอน แต่ก็มีผู้ที่ใช้วิธีการยั่วยุ จึงขอผู้ที่มาชุมนุมว่าอย่าทำอะไรที่จะก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ชุมนุมอย่างสันติ ปราศจากอาวุธ ไม่ใช้ความรุนแรง อย่าทำอะไรที่ข้ามเส้น เมื่อวานนี้ (19 ก.พ. 2564) ที่มีการนัดชุมนุมแล้วเลิกไปเมื่อเวลา 22.00 น. ทางเจ้าหน้าที่ก็มีการประสานงานกับแกนนำ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เจ้าหน้าที่อยากให้เกิดขึ้น ให้หันหน้าพูดคุยกัน ส่งตัวแทนมาเจรจากับตัวแทนหน่วยงานที่อยากเรียกร้อง

สำหรับพื้นที่ที่จะอนุญาตให้ผู้ชุมนุมเข้าได้ถึง เบื้องต้น ยังไม่ทราบ ต้องประสานกับแกนนำผู้ชุมนุมว่าจะมีกลุ่มใดบ้าง และมีจำนวนเท่าไร และต้องการจะเข้าถึงพื้นที่ใดบ้าง ตอนนี้ยังเปิดทางให้สัญจรได้ แต่ถ้ามีความจำเป็นก็ต้องมีการดำเนินการ เช่น นำแผงเหล็กมากั้น ส่วนคำถามของผู้สื่อข่าวต่างชาติเรื่องการใช้คอนเทนเนอร์กั้นถนนในพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นในนั้น เป็นไปเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย

สำหรับจำนวนตำรวจนอกเครื่องแบบในพื้นที่ รองโฆษก สตช. กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติในการปฏิบัติหน้าที่ มีการใช้ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบเพื่อให้บรรลุตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย และขอความร่วมมือสื่อมวลชน ถ้ามีการให้ออกจากพื้นที่หรือให้อยู่ในบริเวณใดก็ขอให้ให้ความร่วมมือด้วย

รุ้งให้สัมภาษณ์หลังเข้าเจรจาขอทำกิจกรรมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ  

เวลา 15.10 น. ไอลอว์ (iLaw) รายงานสถานการณ์ผ่านทวิตเตอร์ ระบุว่า เริ่มมีมวลชนบางส่วนเข้ามาบริเวนนัดหมายชุมนุม ส่วนด้านในพื้นที่รัฐสภา มีการจัดกำลังตำรวจควบคุมฝูงชน และรถฉีดน้ำแรงดันสูง เพื่อรับมือสถานการณ์

เวลา 16.20 น. ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง แกนนำกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนหลังเข้าเจรจากับตำรวจในรัฐสภาว่า เธอเข้าไปชี้แจงเรื่องการทำกิจกรรมชุมนุม ซึ่งตำรวจอนุญาตให้แนวร่วมฯ จัดกิจกรรม โดยเธอเน้นย้ำว่า การทำกิจกรรมวันนี้ไม่มีการใช้อาวุธ หรือความรุนแรงใด ๆ ไม่มีเหตุผลให้ตำรวจสลายการชุมนุม

สำหรับกิจกรรมวันนี้ รุ้ง เผยว่า มีกิจกรรมประชาภิปรายและโหวตไม่ไว้วางใจคณะรัฐบาล โดยจะมีการโหวตลงกล่อง และมีกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ เป็นศิลปะบนท้องถนน 

กรณีการปิดถนนด้วยตู้คอนเทนเนอร์ในพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นใน รุ้งกล่าวว่า จริง ๆ เห็นแล้วก็คิดว่าคงมีความกังวลกับการเข้าไปในเขตพื้นที่ 150 เมตร สุดท้ายเราไม่ได้เข้าไป การกั้นคอนเทนเนอร์คิดว่าไม่เห็นควรว่าจะทำได้ เพราะสนามหลวง หรือที่เราเรียกว่าสนามราษฎร์ เป็นพื้นที่สาธารณะ ควรเปิดให้คนทั่วไปเข้าใช้ได้อย่างเสรี

สำหรับเรื่องจะมีการปิดถนนในพื้นที่ทำกิจกรรมหรือไม่นั้น รุ้งกล่าวว่า ถ้ามีจำนวนผู้เข้าร่วมเยอะขึ้น ก็จะมีการปิดถนน ซึ่งตำรวจจะช่วยอำนวยความสะดวกเรื่องนี้  

นอกจากนี้ รุ้งยังเน้นย้ำเรื่องจุดยืนสามข้อเรียกร้องเหมือนเดิม (1. นายกฯ ประยุทธ์ต้องลาออก 2.ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ที่มาจากประชาชนโดยแท้จริง และ 3.ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ให้อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ) สำหรับรูปแบบกิจกรรมวันนี้ รุ้งยืนยันจะไม่มีการเคลื่อนขบวน จะปักหลักชุมนุมหน้ารัฐสภาเท่านั้น 

สำหรับเรื่องแกนนำหลักใครจะมาบ้าง ตอนนี้เธอขออุบไว้ก่อน 

เวลา 16.22 น. กลุ่มคนเสื้อแดงที่นัดรวมตัวที่แยกบางโพ เดินหน้าเคลื่อนขบวนมาสมทบกับแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม

เวลา 16.38 น. กลุ่ม We volunteer (Wevo) แต่งกายเป็นสัญลักษณ์ด้วยผ้าพันคอสีเหลือง เดินขบวนเข้าพื้นที่หน้ารัฐสภา เกียกกาย สบทมกับแนวร่วมฯ หน้ารัฐสภา เกียกกาย 

เวลา 16.45 น. บริเวณหน้าโรงเรียนราชินี แยกบางกระบือ พบตำรวจในเครื่องแบบคุยกับกลุ่มชายตัดผมทรงนักเรียน ผู้สื่อข่าวคาดว่า อาจเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบ ที่เข้ามาสังเกตการณ์การชุมนุมครั้งนี้

เมื่อเวลา 17.02 น. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการชุมนุมโดยรอบ ผู้ชุมนุมกระจายตัวฟังปราศรัย และทำกิจกรรมทางการเมืองอย่างคึกคัก

สำหรับเยาวชนที่อายุต่ำกว่า 18 ปี และอยากเดินทางมาเข้าร่วมกิจกรรมหน้ารัฐสภา ก็ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย เพราะวันนี้มีหน่วย Child in Mob มาให้บริการหน้าทางเข้ากองพันที่ 1 แจกสายรัดข้อมือให้เยาวชนที่เข้าร่วมกิจกรรม สายสีชมพูสำหรับเยาวชนอายุ 16-18 ส่วนสายสีส้มคืออายุต่ำกว่า 15 ปี ซึ่งสายเหล่านี้จะสะดวกสำหรับผู้ชุมนุมคนอื่น ๆ ที่จะระบุตัว และช่วยเหลือเยาวชนได้ทันท่วงทีเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน

สำหรับกิจกรรมอื่น ๆ ในงาน มีการแสดงสีดาลุยไฟ โดยกลุ่มเฟมินิสต์ปลดแอก และคะน้าราดซอส หนึ่งในผู้ร่วมแสดง คือ คริษฐ์ เยาวชนอายุ 18 ปี ซึ่งถูกหมายเรียกมาตรา 112 จากกรณีชุมนุมปราศรัยย่อย เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 2563

เวลา 18.20 น. ทางเข้าที่ชุมนุมด้านแยกเกียกกาย มีกิจกรรมย่อยหลายจุด เช่น รถปราศรัยจากเครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรี, มีผู้นำรูป พล.อ.ประยุทธ์ และเปิดบทสวดพระอภิธรรมประกอบ, มีผู้นำรูปรัฐมนตรีพร้อมข้อความว่า “กูไม่ไว้ใจมึง” ติดอยู่ที่ป้ายรถประจำทางใกล้รัฐสภา

เวลา 18.27 น. บรรยากาศบริเวณทางเข้าพื้นที่จัดกิจกรรมฝั่ง ซอยสามเสน 32 กลุ่มการ์ด We volunteer หรือ Wevo นำรั้วเหล็กมากั้นเป็นจุดตรวจค้นคนเข้าพื้นที่ มีประชาชนทยอยเดินทางมาร่วมกิจกรรมอย่างต่องเนื่อง

ขณะที่ด้านหน้าปากซอยสามเสน 32 กลุ่มภาคีเสื้อแดง 4 ภาคตั้งเวทีเคลื่อนที่ เปิดเพลงหมอลำสร้างบรรยากาศครื้นเครง คาดว่าน่าจะเตรียมปราศรัยในอีกไม่ช้า

ผู้สื่อข่าวสัมภาษณ์ ตัวแทนคนเสื้อแดง จ.ปทุมธานี วันนี้เธอมาร่วมทำผัดกะลาแลนด์แจกฟรีแก่ประชาชนผู้ร่วมชุมนุมในวันนี้ โดยเผยว่าปกติตนและครอบครัวจะทำอาหารไปแจกเวลามีกิจกรรมชุมนุมอยู่แล้ว วันนี้เลือกเมนูผัดไทย แต่ขอเรียกว่าผัดกะลาแลนด์ เพราะต้องการเปรียบเทียบถึงความล้าหลังของรัฐบาลชุดนี้

ครูใหญ่ตั้งพรรคก้าวล่วง นโยบายเร่งด่วนยกเลิก ม.112

ครูใหญ่ ขอนแก่น ขึ้นปราศรัยเมื่อเวลา 16.53 น. หน้ารถเครื่องเสียงของกลุ่ม We volunteer หรือ Wevo แนะนำพรรคฯ ใหม่ “พรรคก้าวล่วง” พร้อมนโยบายเร่งด่วน ยกเลิก 112 และเรียกร้องให้สิทธิ์ประกันตัวผู้ที่ถูกจับขังระหว่างพิจารณาคดี ม. 112

 

“เรียนท่านประธานรัฐสภาที่เคารพ กระผม อรรถพล กลีบบัวบาน ราษฎรไม่ต้องมีรายชื่อ สังกัดพรรคก้าวล่วง เขตพระราชฐานจังหวัดขอนแก่น วันนี้มาขอเชิญชวนพี่น้องทั้งหลาย อย่าลืม เราได้จัดตั้งพรรคแล้ว ขอให้พี่น้องทั้งหลายเข้าสังกัดพรรคก้าวล่วง” ครูใหญ่ กล่าว

นโยบายของพรรคก้าวล่วงมี 3 ข้อหลัก ๆ ข้อหนึ่ง ประยุทธ์ จันทร์โอชา และองคาพยพ จะต้องออกไป พร้อมทั้งประยุทธ์ต้องยุติบทบาททางการเมือง 

นโยบายข้อสอง คือ เราเรียกร้องรัฐธรรมนูญที่มาจากประชาชนโดยแท้จริง  และไม่เอารัฐธรรมนูญซ่องโจรที่รัฐบาลจะแต่งตั้งพวกพ้องเข้ามาร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้ตัวเอง  

สาม ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ให้อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญไทยฉบับต่อไปที่มาจากประชาชน ต้องบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญชัดเจนว่า ประเทศไทยปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีกษัตริย์เป็นองค์ประมุข ขีดเส้นใต้ไว้ อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ จะต้องไม่มีกษัตริย์อยู่เหนือกฎหมาย จะต้องไม่มีกษัตริย์ที่แทรกแซงการเมือง ระบบราชการ ไม่มีกษัตริย์ที่มีอำนาจแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ ทหาร ตำรวจ และพลเรือนอีกต่อไป

การปฏิรูปไม่ใช่การล้มล้าง ประเทศไทยจำเป็นต้องมีสถาบันกษัตริย์ แต่สถาบันกษัตริย์ต้องอยู่กับประเทศได้อย่างยั่งยืนและสง่างาม เราจึงต้องปฏิรูปให้หายปฏิกูล ไม่มีประเทศประชาธิปไตยใดในโลกที่กษัตริย์มีกองกำลังทหารของตัวเอง ไม่มีประเทศประชาธิปไตยใดในโลกที่กษัตริย์จะมีคุกเป็นของตัวเอง ไม่มีประเทศใดในโลกที่งบฯ ส่วนสถาบันกษัตริย์จะมีงบฯ สามหมื่นล้าน สี่หมื่นล้าน มากกว่างบจัดการโควิด-19

ต่อมา พรรคก้าวล่วงเสนอนโยบายเร่งด่วน ยกเลิกกฎหมายอาญามาตรา 112 หลังถูกใช้เป็นเครื่องมือปิดปากประชาชนมาหลายสิบปี และกฎหมายตัวนี้มีปัญหา ใครจะใช้แจ้งจับใครก็ได้ พร้อมทวงถามว่า ทำไมประมุขของรัฐใช้กฎหมายเฉกเช่นเดียวกับประชาชนไม่ได้

“ที่ผ่านมา ม.112 ถูกให้เหตุผลว่า เป็นกฎหมายนี้มีขึ้นเพื่อคุ้มครองประมุขของรัฐ แต่ถามหน่อยเหอะว่า ประมุขของรัฐจะให้ความคุ้มครองเฉกเช่นเดียวกับ ประชาชนของรัฐไม่ได้เหรอ”

“ไม่ว่าจะเป็นการหมิ่นประมุขของรัฐ ไม่ว่าจะเป็นการหมิ่นประมาทพระสังฆราช ไม่ว่าจะเป็นการหมิ่นประมาทนายกฯ ส.ส. ส.ว. หรือประชาชนทั่วไป ก็ต้องได้รับการคุ้มครองเฉกเช่นเดียว จะต้องไม่มีการถูกจับคุกจากข้อหานี้อีกต่อไปแล้ว” ครูใหญ่ กล่าว  

ครูใหญ่เรียกร้องให้มีการให้สิทธิ์ประกันตัวราษฎรที่โดนดำเนินคดีมาตรา 112 โดยเฉพาะ 4 นักกิจกรรม และป้าอัญชัญ

“จับกุมคุมขัง ที่ไม่ใช่การฝากขัง แต่เป็นการขังระหว่างพิจารณาคดี หมายความว่าศาลยังไม่ตัดสินให้เขามีความผิด แต่ต้องติดคุกไปแล้ว ถ้าตัดสินออกมาว่าไม่ผิด แสดงว่าติดคุกฟรีรึเปล่า ถ้าตัดสินออกมาแล้วโทษน้อยกว่าคำตัดสินพิจารณาคดี ติดคุกฟรีรึเปล่า สิทธิในการประกันตัว เป็นสิทธิมนุษยชน ที่จะได้รับการประกันตัวออกมาสู้คดีทางอาญาได้ คุณฆ่าคนตายยังประกันได้เลย แต่คนพูดความจริง ประกันไม่ได้” ครูใหญ่ กล่าว

ครูใหญ่ ทิ้งท้าย ขอให้ผู้ชุมนุมมีสติ สันติ และอหิงสา ไม่หลงคำยั่วยุจากฝั่งตำรวจ ที่จะให้เราใช้ความรุนแรง และใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างสลายการชุมนุม

เวลา 20.45 น. เบนจา อะปัญ อ่านแถลงการณ์แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม พร้อมเชิญชวนให้ประชาชนออกมาร่วมเคลื่อนไหวเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้สังคมกลับมาอยู่ในทำนองคลองธรรมตามระบอบประชาธิปไตยได้เสียที นอกจากนี้ เธอยังย้ำจุดยืน 3 ข้อ คือ เรียกร้องให้ 1. รัฐบาลประยุทธ์ ลาออก 2. รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน 3. ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ พร้อมเน้นย้ำการใช้สันติวิธี และยึดมั่นอุดมการณ์ประชาธิปไตย ขอให้ทุกคนยึดมั่นถึงสังคมที่เท่าเทียม และรัฐสวัสดิการที่ทุกคนพึงได้รับ

จากนั้นประกาศเลิกการชุมนุมเวลา 20.53 น.

แถลงการณ์ของแนวร่วมธรรมศาสตร์ฯ

แถลงการณ์แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม เรื่อง หมุดหมายการต่อสู้ครั้งต่อไปของพวกเรา

เป็นระยะเวลากว่า 1 ปีแล้วที่การต่อสู้ของเราได้เริ่มขึ้น ณ ลานปรีดีฯ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2563 ในวันนั้น เราต่างเห็นถึงความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นกับระบบกลไกทางการเมืองในประเทศนี้ที่ไม่เคารพเสียงของประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย จึงออกมารวมตัวกันตามที่ต่าง ๆ มากขึ้น ทุกวัน ทุกชั่วโมง ทุกนาที และทุกวินาที การต่อสู้ของเรายังคงขยายตัวออกไปทั่วทุกหัวระแหง เราได้จุดไฟแห่งความหวังกลับมาอีกครั้งหนึ่ง ในประเทศที่แสนมืดมน 

แต่ในขณะที่เราสู้เพื่อเรียกร้องการเปลี่ยนแปลงด้วยพลังประชาชน เสียงของเรากลับถูกเพิกเฉยจากรัฐบาล ในตอนที่เราเสนอรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ร่างรัฐธรรมนูญที่ถูกส่งเข้าสภาด้วยเสียงของเราถูกปัดตกโดยสภาผู้แทนราษฎร ทั้งยังรวมถึงในวันนี้ที่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แม้เราต่างรู้ว่าประยุทธ์และองคาพยพ ต่างกัดกินและสร้างความเลวร้ายให้กับประเทศนี้ ตลอดระยะเวลาเกือบ 7 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจที่พังทลาย สังคมไม่เสมอภาค การเมืองที่ไม่สมประโยชน์กับศักดินา สมาชิกผู้แทนราษฎรหลายคนกลับมาเลือกที่จะอยู่ข้างเผด็จการ และกดขี่พวกเราต่อ มิหนำซ้ำเรายังถูกผลักไสให้กลายเป็นศัตรูโดยรัฐ ถูกคุกคาม ปราบปราม จับกุม คุมขัง ด้วยเหตุเพียงว่าพวกเขาฝันใฝ่ในสิทธิเสรีภาพ และสังคมในอุดมคติ 

แต่ด้วยปัจจุบันคงเป็นที่ประจักษ์แล้วว่าด้วยกลไกทางการเมืองนับตั้งแต่กติกาทางการเมืองที่ถูกออกมาให้เข้าข้างรัฐบาลเผด็จการในรัฐธรรมนูญ 2560 ที่ได้มีการแต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภาโดยไม่ได้สะท้อนเสียงประชาชน ผ่านการเลือกตั้งที่ไม่เป็นธรรม และกลไกรัฐสภาที่ล้มเหลวอย่างเห็นได้ชัด เพียงเพื่อจะสืบทอดอำนาจและซักฟอกตัวเองของรัฐบาลประยุทธ์ แต่ถึงกระนั้น พวกเราหลายคนยังเชื่อด้วยความหวังที่มีอยู่เสี้ยวหนึ่ง ว่าด้วยกลไกรัฐสภาจะกระทำการแก้ไขปัญหาในประเทศนี้ได้ จนกระทั่งการอภิปรายไม่ไว้วางใจในวันนี้ได้จบลง 

ในวันนี้เป็นที่กระจ่างชัดแล้วว่า เราไม่สามารถพึ่งหวังกับการเมืองในระบอบรัฐสภาได้ เนื่องด้วยแม้จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจถึงความเน่าเฟะของการเมืองไทย การชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงของระบอบศักดินา และเหลือบไรกลุ่มผลประโยชน์ ด้วยหลักฐานอันแน่นหนาเพียงใด แต่กระนั้น ก็ยังมิวายไม่สามารถนำเอาพวกเหลือบไรเหล่านั้น ออกจากรัฐสภาได้ เนื่องจากระบอบอันบิดเบี้ยว และกติกาที่ถูกบิดเบือน 

ด้วยสิ่งนี้ทำให้เรายังคงที่จะยืนยันในข้อเรียกร้องเหล่านี้ต่อไปบน 3 เรียกร้องหลักของเรา ได้แก่

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และองคาพยพ ต้องลาออก 
รัฐสภาต้องเปิดประชุมวิสามัญทันทีเพื่อรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน 
ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ให้อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญตามระบอบประชาธิปไตย 

ซึ่งต้องกล่าวกันตามตรงกับพี่น้องทุกคนว่า หนทางข้างหน้าของเราไม่ใช่หนทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ หากแต่เป็นก้อนหิน เศษแก้ว หรือแม้แต่เลือดของเพื่อนร่วมอุดมการณ์ของเรา การที่เราจะมุ่งสู่เป้าหมายได้นั้นย่อมต้องพึ่งพลัง มานะ และความอดทนของเพื่อนพี่น้องประชาชนทุกคน ขอให้ทุกคนยึดมั่นในสันติวิธี ขอให้ยึดมั่นในอุดมการณ์ประชาธิปไตย ขอให้ทุกคนยึดมั่นถึงสังคมที่เท่าเทียมและรัฐสวัสดิการที่มนุษย์ทุกคนพึงต้องได้รับ   

อนาคตที่เราหวังเอาไว้อยู่ข้างพวกเรา เราจะยืนอยู่เคียงข้างไปด้วยกัน ต่อให้วันใดที่ฟ้ามืดที่สุด เราทุกคนในที่แห่งนี้ หรือที่ใดก็ตามในพื้นแผ่นดินจะเป็นเปลวไฟแห่งแสงส่องให้ประเทศกลับมาสดใส และสว่างอีกครั้ง      

จนกว่าวันที่เราจะเดินไปถึงวันแห่งชัยชนะนั้นด้วยกัน
ศักดินาจงพินาศ ประชาราษฎร์จงเจริญ

รวมพลราดสะดอนอีสาน ย้ำจุดยืน 3 ข้อ และปล่อยตัวแกนนำ

นอกจากกิจกรรมที่หน้ารัฐสภาแล้ว ที่สวนเรืองแสง จ.ขอนแก่น มีการจัดกิจกรรมรวมพลใหญ่ ราดสะดอนอีสาน โดย ราษฎรโขง ชี มูล ยืนยัน 3 ข้อเรียกร้อง 1. รัฐบาลประยุทธ์ ลาออก 2. รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน 3. ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ และขอให้ปล่อยตัวแกนนำที่ถูกคุมขังด้วยม.112

หมายเหตุ : เมื่อเวลา 20.03 น. วันที่ 20 ก.พ. 2564 ประชาไทได้ดำเนินการปรับแก้พาดหัวข่าวมาเป็นพาดหัวที่ใช้อยู่ปัจจุบัน  

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net