'เอนก' รมว.อุดมศึกษาฯ มีบัญชาให้อธิการบดีแจ้งว่าจะสอบอาจารย์ยื่นประกันลูกศิษย์ ด้าน สภา-องค์การนักศึกษา มธ.ประณามการปฏิบัติหน้าที่อย่างไร้ซึ่งความเป็นมนุษย์และความยุติธรรม
29 เม.ย.2564 มติชนออนไลน์และข่าวสดออนไลน์ รายงานว่า พบหนังสือถึงอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ขอให้ชี้แจงข้อเท็จจริง กรณีการสอบจรรยาบรรณคณาจารย์ที่ปกป้อง-ยื่นขอประกันตัวกลุ่มนักศึกษาที่มีพฤติกรรมจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ ระบุว่าออกโดย ดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้ทำหนังสือที่ อว 0100/72 ลงวันที่ 29 เม.ย.64 โดยมีเนื้อหาดังนี้
ตามที่ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) ได้มีหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ขอทราบแนวทางการแก้ไขและบทลงโทษของคณาจารย์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมหาวิทยาลัยมหิดล จำนวน 8 ราย ซึ่งเป็นอาจารย์ผู้สอนนักศึกษา จำนวน 3 ราย ที่ตกเป็นจำเลย ในข้อหากระทำผิดกฎหมายใน มาตรา 112 และมาตรา 116 แห่งประทวลกฎหมายอาณา ซึ่งได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลอาญาเพื่อขอประกันตัวนักศึกษาทั้ง 3 ราย
ในการนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้มีบัญชาให้อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล ชี้แจงว่า จะสอบจรรยาบรรณคณาจารย์ทั้ง 8 คนหรือไม่ จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาดำเนินการ
สำหรับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษาฯ ขณะนี้คือ เอนก เหล่าธรรมทัศน์
สภา-องค์การนักศึกษา มธ.ประณามการปฏิบัติหน้าที่อย่างไร้ซึ่งความเป็นมนุษย์และความยุติธรรม
ขณะที่ สภานักศึกษา และ องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ออกแถลงการณ์ เรื่อง ขอประณามการปฏิบัติหน้าที่อย่างไร้ซึ่งความเป็นมนุษย์และความยุติธรรม โดยระบุว่า ในการเข้ารับตำแหน่งของนางเมทินี ชโลธร ประธานศาลฎีกาคนล่าสุด ได้วางนโยบายการขับเคลื่อนกิจการของศาลฎีกาไว้ 5 ประการ ได้แก่ เสมอภาค สมดุล สร้างสรรค์ ส่งเสริม และส่วนร่วม
ซึ่งในนโยบายข้อที่ 2 สมดุล ประธานศาลฎีกาได้วางหลักไว้ว่า ศาลต้อง “ลดการคุมขังที่ไม่จำเป็นทุกขั้นตอน” “ยกระดับศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของจำเลยระหว่างการต่อสู้คดีในศาล” เพื่อนำไปสู่การสร้าง “ดุลยภาพแห่งสิทธิ” อันเป็นนโยบายที่ ‘ประมุข’ ของฝ่ายตุลาการ ได้กำหนดไว้อย่างชัดเจน
นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 29 ประกอบกับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 107 ที่ได้วางหลักว่า “ผู้ต้องหาหรือทุกคนพึงได้รับอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว” หากศาลจะใช้ดุลพินิจในการไม่ปล่อยตัวชั่วคราว ก็ต้องใช้อย่างจำกัดเพื่อให้สอดคล้องกับหลักสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อันได้รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญ และจากพฤติการณ์ที่ผ่านมา ย่อมเห็นได้ว่าผู้ถูกคุมขังมิได้กระทำความผิดอื่นใดนอกจากการตั้งคำถามต่อสิ่งที่เขาสงสัย การที่ศาลมิให้ปล่อยตัวชั่วคราว โดยให้เหตุผลว่าพฤติการณ์แห่งคดีเป็น ‘เรื่องร้ายแรง’ จึงฟังไม่ขึ้นและขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาอย่างสิ้นเชิง ทั้งเมื่อคำนึงถึงข้อเท็จจริงที่ผู้ถูกคุมขังได้อดอาหารต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเวลานานจนได้รับผลเสียต่อสุขภาพ คำสั่งดังกล่าวจึงเหยียบย่ำทั้งกฎหมายและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างสิ้นเชิง
และจากกรณีล่าสุดที่นายเทวัญ รอดเจริญ รองอธิบดีศาลอาญาได้อ่านคำพิพากษาว่า ‘ไม่มีเหตุให้เปลี่ยนแปลงคำสั่ง’ และยืนยันมิให้ประกันตัวนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ ผู้ถูกคุมขัง สภานักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จึงขอประณามว่าการกระทำดังกล่าว บ่งบอกถึงการขาดสำนึกต่อหน้าที่ของผู้พิพากษา ที่จะต้องปรับใช้ตัวบทกฎหมายอย่างบริสุทธิ์และยุติธรรม โดยมิได้เป็นข้ารับใช้ของใครอื่นใดนอกเหนือจาก “ประชาชน” และขอให้พึงสำเหนียกไว้ว่า ตราบที่ ‘ใบสั่ง’ ยังสำคัญมากกว่าความยุติธรรม ‘ศาลยุติธรรม’ ก็หามีค่าอื่นใด นอกจากการเป็น ‘ขี้ข้า’ ของผู้มีอำนาจในบ้านเมืองเช่นนี้อยู่ร่ำไป
เถิด"ตุลาการ" จงคิด อย่างอิสระ
รับภาระ อันหนักหนา ทำหน้าที่
หากรับใช้ ใบสั่ง ดั่งกาลี
ตุลาการ เช่นนี้ อย่ามีเลย
วันที่ 29 เมษายน 2564
สภานักศึกษา และองค์การมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์