Skip to main content
sharethis

กลุ่มประชาชน 3 ตน ที่เรียกร้องนายกฯ คนนอก ไปยื่นหนังสือให้ประยุทธ์ลาออก “แรมโบ้” เสกสกล ออกมาบอกว่ารัฐบาลกำลังทำงานหนัก ขอให้พวกเดียวกันสามัคคีไว้ ไม่งั้นจะเข้าทางพวก “ล้มเจ้า”

แค่ดูข่าวชาวบ้านก็หัวร่อก๊าก 7 ปียิ่งกว่าโกหก 7 ปีก่อน ชื่อสุภรณ์เป็นแดงฮาร์ดคอร์ 3 หน่อนั้นก็ปลุกม็อบ คปท. (กองหน้ากล้าตายแทน กปปส.) จนประยุทธ์รัฐประหาร วันนี้กลับข้างฝั่งหนึ่งมาไล่ให้ออก แรมโบ้ยังบอกพวกเดียวกัน

รัฐบาลประยุทธ์ที่จริงก็ซ้ำรอย 29 ปีพฤษภา 2535 รัฐประหารแล้วไปดูดนักการเมืองเป็นฐานสืบทอดอำนาจ อย่างหนากว่าด้วยซ้ำ เพราะสุจินดาไม่ได้ตั้ง 250 ส.ว.โหวตตัวเอง แต่ครั้งนี้กลับอยู่ได้สองปีจนพวกเดียวกันยังทนไม่ไหว

แน่ละ ฝ่ายประชาธิปไตยไม่เห็นด้วยกับนายกฯ คนนอก แต่มันเป็นสัญญาณบอกว่า คนในฝ่ายอนุรักษ์นิยมด้วยกันก็เหลืออดกับประยุทธ์ มองว่าจะพาพังกันหมด (โทษตู่อีกต่างหากว่าทำให้เกิดการก้าวล่วงสถาบัน)

ประชาชน 3 ตนมีน้ำยาอะไรไม่มีกระทั่งมวลชน ก่อนนี้ถือป้ายคนเดียวไปขวางม็อบราษฎร แต่ที่คนมองว่ามีน้ำหนักก็เพราะเชื่อว่ามีคอนเนคชั่น มีเครือข่ายอนุรักษ์นิยมอีกปีกหนุนหลัง เห็นจังหวะประยุทธ์จะพาพัง ออกมาเรียกหานายกฯ คนนอก โดยเสนอชื่อหลอก ๆ 5 คน ตั้งแต่ศุภชัย พานิชภักดิ์, 2 อดีตผู้ว่าแบงก์ชาติ, คู่ชิงหัวหน้าประชาธิปัตย์ (สอบตก) และแพทย์ชนบท ซึ่งไม่รู้อิโหน่อิเหน่

ก็ไม่รู้ว่าพวกนี้บลัฟฟ์ หรือมีอำนาจหนุนหลังจริง ๆ แต่ถ้าดูตอน “ตู่ จตุพร” ตั้งม็อบ ก็มีพวกพันธมิตรออกมาร่วม แต่ไม่สำเร็จ มวลชนเสื้อเหลืองไม่มา มีแต่เสื้อแดงทั้งนั้น จึงพลิกกลับอีกครั้ง เรียกร้องนายกฯ คนนอก โดยแสดงตัวไม่ยุ่งกับพวก “ก้าวล่วง”

ฝ่ายอนุรักษ์นิยมที่อยากเปลี่ยนประยุทธ์จึงมีจริง แต่ไม่รู้มีมากแค่ไหน มีน้ำยาสักเพียงไร เข้าถึงศูนย์กลางอำนาจหรือไม่

ในวงกว้างออกไป ก็ไม่ใช่แค่ม็อบราษฎรหรือกองเชียร์ฝ่ายค้าน แต่ชาวบ้านทั่วไป พ่อค้าแม่ค้า ภาคธุรกิจ รายเล็กรายใหญ่ ก็น่าจะเห็นพ้องกันว่ารัฐบาลนี้ไม่ไหวแล้ว เพียงแต่ช่วงนี้โควิดระบาดหนัก รอให้ผ่านไปก่อนค่อยไล่

ซึ่งอาจคิดผิดก็ได้นะ เพราะโควิดรอบสามไม่จบง่าย เจอคลัสเตอร์ใหญ่ ๆ แบบชุมชนแออัด แคมป์คนงาน รัฐบาลก็ยังคุมไม่อยู่ ซ้ำยังลามในคุก ซึ่งแม้ไม่สามารถเล็ดรอดออกมาข้างนอก แต่ก็ทำให้ประชาชนด่าเช็ด ว่าโกหกปกปิด ราชทัณฑ์รู้มาครึ่งเดือนกว่าไม่ยอมบอก ใช้วิธี Bubble and Seal ทำให้ติดทั้งคุกจนเกิดภูมิคุ้มกัน ทำราวกับนักโทษเป็นมนุษย์ทดลอง

สื่อต่างประเทศก็เอาไปตีข่าว ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่โตสำหรับรัฐบาลที่ยึดหน้าตาเป็นสำคัญ ทีมเลสเตอร์ได้แชมป์เอฟเอคัพ กระทรวงต่างประเทศก็ภาคภูมิใจราวกับได้ชูถ้วยเพราะผ้ายันต์

ดังนั้นที่บอกว่าอย่าเปลี่ยนม้ากลางศึก ถ้ายอดผู้ติดเชื้อยังลามไม่หยุด อาจคิดผิดถนัด

ความหวังทั้งหมดไปอยู่ที่วัคซีน แต่กว่าจะมีผลยับยั้งการระบาดคงอีก 2-3 เดือน มีผลให้เปิดประเทศ เปิดเศรษฐกิจอย่างเร็วก็ปลายปี ขณะที่วิกฤตอาจมาก่อน สภาพัฒน์เผยไตรมาสแรกติดลบ 2.6% (คือช่วงที่ยังไม่เกิดรอบสาม) แม้ยังประเมินทั้งปี 1.5-2.5% แต่อย่าดูแค่ตัวเลข ดูร้านรวงประกาศปิด ติดป้ายขาย เซ้ง รายย่อยหมดลมหายใจ ถ้าล้มกันหมดก็จะกลายเป็น NPL

สถานการณ์ทั้งหมดน่าจะชัดเจนแล้ว ถึงเวลาเปลี่ยนประยุทธ์ แต่จะเป็นช่วงไหนเมื่อไหร่ เครือข่ายอำนาจทั้งหลายที่หนุนอยู่จะเห็นพ้องหรือไม่ และจะเลือกวิธีใด ตามวิถีประชาธิปไตย แก้รัฐธรรมนูญ ยุบสภา ลาออก หรือนายกฯ คนนอก ซึ่งยิ่งไม่จบ

อันที่จริงก็มาด้วยกันไปด้วยกัน ไม่ใช่ประยุทธ์คนเดียวหรอก ต้องรับผิดชอบทั้งยวง

 

ที่มา: ข่าวหุ้นธุรกิจ www.kaohoon.com/content/447301

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net