Skip to main content
sharethis

ประมวลสถานการณ์ #ม็อบ10สิงหา คาร์ม็อบใหญ่ไล่ทรราช จัดโดยกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ซึ่งนัดรวมตัวกันที่บริเวณแยกราชประสงค์ เวลา 13.00 น. มีจุดประสงค์เพื่อขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

10 ส.ค. 64 เวลา 12.59 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าพบตำรวจชุดควบคุมฝูงชน (คฝ.) จำนวนหนึ่งอยู่ในบริเวณลานจอดรถชั้นใต้ดินของศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ พบรถตู้ตำรวจอย่างน้อย 4 คัน ขณะเดียวกัน ผู้สังเกตการณ์การชุมนุมรายงานว่าเวลา 12.56 น. บริเวณแยกชิดลม มีเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำจุด พร้อมป้ายว่าเขียนว่า "การเข้าร่วมชุมนุม Car Mob เข้าข่ายผิด #พรกฉุกเฉิน" และยังมีการเขียนใบสั่งแปะหน้ารถสื่อมวลชนและรถผู้ชุมนุมอีกด้วย

ภาพใบสั่งที่ตำรวจจราจรแนบไว้หน้ากระจกรถยนต์ของสื่อมวลชน
ป้ายประกาศของเจ้าหน้าที่ตำรวจบริเวณแยกชิดลม
 

13.08 น. บริเวณหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีการนำแผงเหล็กมากั้นบริเวณฟุตบาท นำไวนิลมาคลุมป้ายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่ยังไม่มีการนำไวนิลหรือผ้ามาคลุมพระบรมฉายาลักษณ์แต่อย่างใด

13.38 น. ขบวนคาร์ม็อบเริ่มเคลื่อนออกจากบริเวณหน้าห้างเกษรพลาซ่า แยกราชประสงค์ มุ่งหน้าไปยัง ถ.เพลินจิตร เพื่อจัดขบวนให้รถคันอื่นๆ ที่ต้องการเข้าร่วมกิจกรรมสามารถต่อแถวได้ โดยเวลา 14.03 น. หัวขบวนเดินทางถึงแยกอโศกมนตรี ต่อมาเวลา 14.20 น. กลุ่มแนวร่วม มธ. ประกาศจุดพักขบวนที่แรก คือ อาคารซิโน-ไทย ทาวเวอร์ บริเวณ ถ.อโศกมนตรี เยื้องสถานี MRT สุขุมวิท

'เบนจา อะปัญ' อ่านประกาศกลุ่มแนวร่วมฯ ฉบับที่ 2

14.50 น. แกนนำกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม กล่าวปราศรัยบริเวณหน้าอาคารซิโน-ไทยทาวเวอร์ โดยระบุว่าบริษัทซิโนไทย ซึ่งมีอนุทิน ชาญวีระกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นเจ้าของ ถือเป็น 1 ในบริษัทที่มีส่วนร่วมในความเสียหายของประเทศ ทั้งเรื่องการจัดการวัคซีน และโครงการก่อสร้างต่างๆ ของรัฐ เช่น อาคารรัฐสภาที่ก่อสร้างล่าช้าเกินกำหนด เป็นเหตุผลให้เลือกจุดนี้เป็นจุดพักรถแห่งแรก

14.55 น. เบนจา อะปัญ สมาชิกกลุ่มแนวร่วมฯ ขึ้นอ่านประกาศแนวร่วม มธ. ฉบับที่ 2 บนรถเครื่องเสียง เมื่ออ่านประกาศจบ ผู้ชุมนุมได้ร่วมกันโปรยกระดาษแถลงการณ์บริเวณหน้าอาคารซิโน-ไทยทาวเวอร์ ถ.อโศกมนตรี หลังจากนั้นเวลา 15.20 น. กลุ่มแนวร่วมฯ ประกาศจุดมุ่งหมายต่อไป คือ บ้านพัก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่ ถ.พระราม 9

ประกาศแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ฉบับที่ 2 เรื่อง ประกาศเป้าหมาย “นายทุน-ขุนศึก-ศักดินา” และการเมืองหลังระบบประยุทธ์ ราษฎรทั้งหลาย

เมื่อเผด็จการทหารทั้งสี่เหล่าทัพนําโดยประยุทธ์ จันทร์โอชา ยึดอํานาจในวันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 นั้น ในชั้นต้น เผด็จการประยุทธ์และพวกพ้องได้ให้สัตย์สัญญากับประชาชนว่าจะเข้ามาแก้ไขปัญหา ปฏิรูป โครงสร้างทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และอื่นๆ ให้ประชาชนมีความสุขและประเทศชาติมีความก้าวหน้าโดยเร็ว แต่การณ์ก็หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ คณะรักษาความสงบแห่งชาติยังคงสืบทอดอํานาจไว้โดยไม่มีความชอบธรรมใด แต่งตั้งคนประจบสอพลอไร้ความรู้ให้ดํารงตําแหน่งสําคัญๆ แม้ในสภาวะที่โรคระบาดร้ายแรงได้แพร่กระจายจนไม่มีทีท่าว่าจะสงบ ลงโดยง่าย กระนั้นแล้วรัฐบาลเผด็จการของประยุทธ์ จันทร์โอชายังคงแสวงหา จัดสรร และแบ่งปันผลประโยชน์แต่ชนชั้นนำปล่อยให้ประชาชนป่วยไข้ และเสียชีวิตตามยถากรรม ดังที่ราษฎรได้เห็นกันถ้วนหน้าจากความตกต่ำทางเศรษฐกิจ ตกต่ำทางสาธารณสุข ตกต่ำในมาตรฐานการพูดการจา ตกต่ำทางสติปัญญา ตกต่ำในการคมนาคม ตกต่ำทางการศึกษา ตกต่ำในเสรีภาพในการแสดงออก ตกต่ำในความศรัทธาต่อทุกสถาบัน ตกต่ำในความเป็นมนุษย์ และแม้แต่ความปลอดภัยของประเทศก็ไม่ได้สูงขึ้นตามงบประมาณที่ใช้ ไม่มีใครรู้สึกปลอดภัยหรือมั่นคงใดๆ ทั้งสิ้น มีแต่ความเงียบงันเหมือนเมือง ร้าง ตกต่ำกันถ้วนหน้า ไม่มีใครสามารถมองเห็นเป็นอื่นได้อีก

เหตุแห่งความตกต่ำทั้งหมดนั้น เป็นเพราะรัฐบาลระบอบทรราช อันมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี และมีกษัตริย์วชิราลงกรณ์เป็นประมุข สาละวนแต่จะรักษาอํานาจของตน และแสวงหาผลประโยชน์ให้ พวกพ้องในองคาพยพ “นายทุน-ขุนศึก-ศักดินา” อย่างไม่รู้จักพอ ไม่เห็นหัวราษฎร มิได้บริหารรัฐการแผ่นดินเพื่อ ผลประโยชน์ของราษฎรเหมือนที่รัฐบาลมนุษย์ประเทศอื่นๆ ตามระบอบประชาธิปไตยจึงจะทํา แม้ในยามนี้ที่ประเทศชาติเผชิญกับโรคระบาดครั้งร้ายแรงที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ รัฐบาลของประยุทธ์ จันทร์โอชา และพวกพ้องก็ยังมิวายหากําไรกับความเป็นความตายของราษฎร ไม่ยอมแสวงหาวัคซีนที่มีคุณภาพและหลากหลาย ยังผยอง ปฏิเสธความช่วยเหลือจากนานาชาติ ดังเช่นไม่ยอมเข้าร่วมโครงการ COVAX เสียแต่เนิ่นๆ เพียงเพื่อที่จะเอื้อผลประโยชน์ ในการจัดซื้อวัคซีนให้แก่กลุ่มทุน และศักดินาแต่เท่านั้น นอกจากนี้ ยังมีการตัดสินใจที่ผิดเพี้ยน ออกแต่มาตรการประหลาดที่มีแต่จะฆ่าคนให้ตายทางเศรษฐกิจ ตั้งใจให้ความเหลื่อมล้ำสูงขึ้นไป ให้นายทุนพวกพ้องของตนสามารถทิ้งห่าง คู่แข่ง แต่ไม่รู้จักสรรหาทางออกที่แท้จริงคือยาและวัคซีน จนเป็นเหตุให้โรคระบาดและความยากจนแพร่กระจายไปทั่วทุก หย่อมหญ้า ยังสร้างความเดือดร้อนแก่ราษฎรทั่วประเทศ ให้ถึงแก่ความตายอย่างอัตคัตและยากแค้น หาเตียงไม่ได้ หายาไม่มี หาวัคซีน mRNA ไม่เอา หางบเยียวยาก็ไม่เหลือ มีแต่การสั่งปิด ลุแก่อํานาจประกาศใช้กฎหมายพิเศษตามสันดาน ทรราช ส่วนประชาชนถูกทอดทิ้งตามยถากรรม ผู้คนล้มตายตามท้องถนนเจ็บปวดจนหัวใจด้านชากันทั้งประเทศ แต่รัฐบาลกลับอํานวยการให้อภิสิทธิชนสามารถฉวยโอกาสฉีดวัคซีนที่มีคุณภาพ สภาพเศรษฐกิจที่ตกต่ำเป็นทุนเดิมนับแต่เกิด การรัฐประหาร ก็จมลึกลงไปจนโงหัวไม่ขึ้นอีก การณ์เช่นนี้ย่อมบ่งชี้ว่ารัฐบาลทรราชนี้ นอกจากจะไร้ซึ่งความสามารถใน การบริหารราชการแผ่นดินแล้ว ยังเห็นผลประโยชน์ของชนชั้นนําเช่นตัวเอง สําคัญกว่าชีวิตของราษฎร หากปล่อยให้สถานการณ์เป็นเช่นนี้ต่อไป ย่อมคาดหมายได้ว่าประเทศไทยจะประสบกับหายนะที่ไม่มีทางรอดได้ และจะเข้าสู่สภาวะรัฐ ล้มเหลวในไม่ช้า ดังภาพของกรุงเทพฯ ในปัจจุบันที่ไม่ได้งามดุจเทพสร้าง แต่ร้างดุจเทพล่ม

รัฐบาลระบอบทรราชนี้นอกจากจะเป็นรัฐบาลโสมมฉ้อฉล ไม่ซื่อตรงต่อราษฎรแล้ว ยังจัดได้ว่าเป็นรัฐบาลฆาตกรที่เข่นฆ่าทรมานราษฎรอย่างเลือดเย็น ทั้งทางตรง ทางอ้อม รัฐบาลฆาตกรนี้ล้มเหลวในการบริหารรัฐการแผ่นดินโดยสิ้นเชิง และจวนเจียนจะถึงแก่กาลล่มสลายลงเต็มที่แล้ว เผด็จการประยุทธ์ จันทร์โอชา เผด็จการประวิตร วงศ์สุวรรณ เผด็จการอนุพงษ์ เผ่าจินดา เผด็จการผีตําแหน่งสูงทั้งสี่เหล่าทัพ รวมไปถึงอดีตผู้ต้องโทษค้ายาเสพติดอย่าง ธรรมนัส พรหมเผ่า นักการเมืองนอมีนีสอพลออย่างอนุทิน ชาญวีรกูล รวมถึงพรรคการเมืองและบุคคลทั้งหลาย ที่ได้ร่วมกันใช้อํานาจในระบอบโสมมฉ้อฉล ต้องรับผิดชอบต่อความสูญเสียทั้งหมดโดยรับเศษเสี้ยวความเมตตาจากประชาชน ให้อับอาย และหนีออกไปให้พ้นเสียจากอํานาจเดี๋ยวนี้ เจ้าตัว ครอบครัว เพื่อนพ้องใดๆ ก็ไม่ต้องหวนคืนมาให้ประชาชนได้เห็นหน้าอีก เพื่อให้มีการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ขึ้น โดยรัฐบาลดังกล่าวจะต้องจัดตั้งขึ้นตามวิถีทางประชาธิปไตย มิใช่วิถีทางเผด็จ การ เช่นการรัฐประหารหรือวิธีการอื่นใด และจะต้องเป็นรัฐบาลของประชาชน มีที่มาจากประชาชน มิใช่มีที่มาจากชนชั้น ศักดินาใดหรือการตัดสินใจของกษัตริย์วชิราลงกรณ์และสาแหรกราชวงศ์จักรี สิ่งเหล่านี้เป็นสิทธิของประชาชนอันได้มา นับตั้งแต่การปฏิวัติของคณะราษฎร ดังนั้นการเมืองหลังระบอบประยุทธ์ ที่กําลังจะมาถึงในไม่ช้า เพื่อดําเนินภารกิจ เร่งด่วนเฉพาะหน้าที่รัฐบาลปัจจุบันไม่มีความตั้งใจจะทํา และทําไม่ได้ มีดังต่อไปนี้

  1. ควบคุมสถานการณ์โรคระบาดให้กลับเข้าสู่สภาวะปกติ ประชาชนในชาติได้รับการตรวจ รักษา และป้องกันโรคระบาดได้อย่างมีคุณภาพ ทั่วถึง ไม่เสียค่าใช้จ่าย ไม่เสียเวลาลงทะเบียนและขั้นตอนที่ยาวนาน เสียจนเป็นการฆ่าคนตาย อย่างขั้นตอนในระบบราชการ
  2. แก้ไขวิกฤติการณ์เศรษฐกิจให้ประชาชนสามารถประกอบอาชีพและดํารงชีวิตได้โดยปกติสุข
  3. ยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2560 ซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญที่ร่างขึ้นเพื่อเป็นช่องทางให้ทรราชประยุทธ์ จันทร์โอชาได้สืบทอดอํานาจของตน และร่างรัฐธรรมนูญประชาชนขึ้นใหม่ทั้งฉบับ
  4. ผลักดันให้เกิดการปฏิรูปโครงสร้างสถาบันการเมือง สถาบันกองทัพ สถาบันศาล สถาบันกษัตริย์ รวมถึงสถาบันอื่นๆ เพื่อให้ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพ และประเทศชาติมีประชาธิปไตย
  5. ประเคนคืนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ให้ประชาชนเดี๋ยวนี้

และพี่น้องราษฎรทั้งหลาย ไม่เคยมีครั้งใดที่ประเทศไทยต้องเผชิญหน้ากับภยันตรายครั้งใหญ่หลวงเพียงนี้ มีเพียง หนทางเดียวที่ประเทศชาติจะรอดพ้นจากภยันตรายครั้งนี้ได้ คือการขับไล่เหล่าทรราชออกไปเสียจากอํานาจ การขับไล่ ทรราชครั้งนี้จึงเป็นการต่อสู้ที่จะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ และจะสําเร็จลุล่วงได้ก็แต่ด้วยพลังของประชาชน ขอให้พี่ น้องประชาชนทุกหมู่เหล่า ร่วมใจกันขับไล่ทรราชเหล่านี้ด้วยวิธีการใด ๆ ที่พึงกระทําได้ อย่าปล่อยให้รัฐบาลฆาตกรกดขี่ ขูดรีดและเข่นฆ่าคนไทยได้ตามใจชอบ สําหรับข้าราชการในกระทรวง กรม กองต่างๆ ขอให้หยุดปฏิบัติงานและขัดขึ้นต่อ คําสั่งใดๆ ที่ได้รับจากรัฐบาลฆาตกรนี้ สําหรับข้าราชการตํารวจ ทหาร อาสาสมัคร หรือเจ้าหน้าที่ราชการที่มีอาวุธ ห้าม ใช้หรือเคลื่อนย้ายกําลัง และอาวุธมาสกัดขัดขวาง ปราบปราม ทําร้าย หรือเข่นฆ่าประชาชนเป็นอันขาด สําหรับกลุ่มทุน และธุรกิจทั้งหลาย จงยุติการสนับสนุนรัฐบาลระบอบทรราชนี้ทั้งในทางการเงินหรือทางใดๆ เพราะนี่จะเป็นการลงทุนที่ ล้มเหลวกลายเป็นทุนสูญเปล่าภายในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า สําหรับประชาคมโลก ขอให้ร่วมกันจับตาและเป็นกําลังใจให้แก่ การต่อสู้ของประชาชนคนไทยในครั้งนี้

มีเพียงการต่อสู้ของประชาชนเท่านั้นที่จะปลดปล่อยประชาชนจากการกดขี่ของระบอบทรราชนี้ได้ ขอให้พี่น้องประชาชนทุกหมู่เหล่า พร้อมใจกันร่วมต่อสู้ในสายธารแห่งความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ จนกว่าที่ทรราชทั้งหลายจะต้องออกไป

แผ่นดินไทย ประเทศชาติมีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ และวันที่คน กลับมาเป็นคน ไม่ใช่ฝุ่นใต้ตีนใครอีกต่อไป

ประชาชนจะชนะ

ศักดินาจงพินาศ ประชาราษฎร์จงเจริญ

สาดสีแดงใส่ป้าย 'King Power' ต้านนายทุนหนุนเผด็จการ

ประมวลสถานการณ์กิจกรรมคาร์ม็อบ ขับไล่ทรราช นำโดยแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม เมื่อเวลา 16.45-17.10 น.

เวลา 16.48 น. จากไลฟ์สด เพจแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม พบว่า รถเครื่องเสียง ซึ่งตอนนี้ทำหน้าที่เป็นหัวขบวนคาร์ม็อบ ตอนนี้เดินทางถึงตึกคิงพาวเวอร์ ซอยรางน้ำแล้ว ซึ่งเป็นจุดหมายหลักแห่งที่ 3 โดยพิธีกรบนรถเครื่องเสียง กล่าวว่า เครือข่าย 'คิง พาวเวอร์' เป็นแหล่งทุนที่สนับสนุน ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ขึ้นมามีอำนาจอย่างไม่ชอบธรรม เป็นกลุ่มเครือข่ายเดียวที่ได้รับสัมปทานในการขายสินค้าโดยงดเว้นภาษี ผูกขาดเจ้าเดียวมาตลอด สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เรายอมรับไม่ได้ เป็นสิ่งที่เราเห็นถึงความไม่เท่าเทียมกันในการขายสินค้า 

นอกจากนี้ พิธีกรรถเครื่องเสียงระบุ ยืนยันในหลักสิทธิและเสรีภาพ และหลักสันติวิธี จะไม่มีการใช้ความรุนแรงในการประท้วง

เวลา 17.02 น. ผู้ชุมนุมที่ร่วมคาร์ม็อบ นำสีแดงไปสาดที่ป้ายของตึกคิง พาวเวอร์ ซอยรางน้ำ 

ป้ายคิงพาวเวอร์ หลังถูกผู้ชุมนุมทำกิจกรรมสาดสีแดง และสิ่งปฏิกูล ใส่
 

ผู้ปราศรัย กล่าวว่า "เราจะสาดสี เราจะไม่ใช้ความรุนแรง ไม่มีขวด ไม่มีปิงปอง เราจะสาดสี และสิ่งเน่าเหม็นเข้าไปในตึก เข้าไปให้นายทุนเผด็จการ สีที่สาดไป คือ สีแดง คือเลือดของประชาชน มันคือตัวแทนของเลือดเนื้อของชีวิต ซึ่งจะบ่งบอกว่า ประเทศนี้ต้องเป็นของประชาชนเท่านั้น สิ่งเน่าเหม็นเหล่านี้มันคือตัวแทนที่จะบอกว่า ความเน่าเหม็นของนายทุนเผด็จการมันน่ารังเกียจ น่าขยะแขยง นายทุนฟังไว้ คุณคือศัตรูของประชาชน"  

"จุดหมาย 3 หมุดที่เราปักตรงนี้ คือผู้สนับสนุนเหล่าทรราช มันคือนายทุนเผด็จการ มันคือปรสิตสังคม หลังจากนี้บริษัทเหล่านี้ ห้างร้านเหล่านี้คือศัตรูของประชาชน ขอให้พี่น้องเก็บแรงเก็บพลังไว้สู้ต่อไป จะต้องมีอีกหลายยกกับเผด็จการ วันนี้เรารู้แล้วว่า เผด็จการนายทุนคือใครบ้าง" ผู้ปราศรัย กล่าว

หลังจากทำกิจกรรมสาดสีแล้ว พิธีกร การชุมนุมคาร์ม็อบ นำโดยแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ประกาศบนรถเครื่องเสียง ยุติกิจกรรมวันนี้ พร้อมให้คำมั่น จะทำกิจกรรมจนกว่าประชาชนจะได้รับชัยชนะ

"วันนี้แม้กิจกรรมของเราดำเนินไปไม่ครบตามหมุดหมายที่เราตั้งใจไว้ แต่วันนี้พวกเรา แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม รวมถึงเครือข่ายที่ร่วมปกป้องประชาธิปไตย เราได้ประกาศหมุดหมายเอาไว้แล้ว ในแต่ละที่ที่พวกเราไป คือแหล่งกบดานของทรราชที่กัดกินบ้านเมืองไทยมาเป็นสิบๆ ปี วันนี้พวกเราถึงแม้จะไม่สามารถทำกิจกรรมให้ลุล่วงได้ แต่พวกเราจะไม่ยอมแพ้ และนี่ถือเป็นอีกหนึ่งการเคลื่อนไหวสำคัญ ที่จะออกมาบอกว่า พวกเราประชาชนไม่ใช่ฝุ่นใต้ตีนใคร ขอขอบคุณประชาชนที่ออกมาร่วมกับพวกเราในวันนี้ เรามีความจำเป็นที่ต้องประกาศว่า กิจกรรมของเราวันนี้มาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว แต่กิจกรรมครั้งนี้จะไม่ใช่ครั้งสุดท้าย และกิจกรรมจะไม่หยุดจนกว่าพวกเราจะได้รับชัยชนะ"

หลังจากประกาศยุติแล้ว พิธีกรประกาศว่า 'ศักดินาจงพินาศ ประชาราษฎรจงเจริญ' 3 จบ

'ฟังประชาชนบ้าง หูก็มีไว้ฟัง ไม่ใช่คุณมาพูดๆ แล้วคุณไม่ฟัง'

ลุงเสี้ยม คนขับรถตุ๊กตุ๊ก ประสบการณ์เกือบ 30 ปี ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวประชาไทว่าวันนี้ตนมาร่วมกิจกรรมคาร์ม็อบ #ม็อบ10สิงหา เพื่อช่วยกลุ่มนักศึกษาขับเคลื่อนข้อเรียกร้อง พร้อมเผยความในใจถึงนายกรัฐมนตรี

"เดือดร้อนมากๆ เลย รายได้เราลด ลดจริงๆ จนไม่เหลือ บางทีมาวิ่งก็ได้ค่ากับข้าว รายได้ก็ลงไปเยอะ" ลุงเสี้ยมกล่าว พร้อมบอกว่าแต่ก่อนเคยมีรายได้ขั้นต่ำวันละ 700-800 บาท แต่เดี๋ยวนี้จะหาเงินให้ได้วันละ 200-300 บาทก็ถือว่ายาก

ลุงเสี้ยม คนขับรถตุ๊กตุ๊ก
 

ลุงเสี้ยมบอกว่าส่วนผู้โดยสารที่รับจะเป็นคนไทย วิ่งรับส่งระยะสั้นๆ ตามตลาด ไม่ค่อยได้รับนักท่องเที่ยวต่างชาติ

"ผมเสื้อแดงตั้งแต่ปี 50 รุ่น 53 นะครับ สู้มาตลอด" ลุงเสี้ยมกล่าวพร้อมบอกว่าตนให้กำลังใจกลุ่มนักศึกษามาตลอด และออกมาร่วมชุมนุมในบางครั้ง อยู่ใกล้จุดไหนก็ไปจุดนั้น แต่ส่วนใหญ่แล้วมักไปร่วมกลับกลุ่ม นปช.

"ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้ประยุทธ์ออกไป เอาคนอื่นเข้ามาเถอะ บริหารไม่ได้ บ้านเมืองมันไปหน้ามาหลังไม่ได้แล้วตอนนี้ ลงอย่างเดียว มันไม่มีอะไรดีขึ้นมา ถ้าดันทุรังอยู่ต่อ บ้านเมืองมันก็เจ๊ง ประชาชนก็จะลำบากมากขึ้นนะ แค่นี้ก็จะตายหมดแล้วเนี่ย ประยุทธ์น่ะ ฟังประชาชนบ้าง คุณน่ะเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ ฟังประชาชนบ้าง หูก็มีไว้ฟัง ไม่ใช่คุณมาพูดๆ แล้วคุณไม่ฟัง ประชาชนบอกให้คุณออก ก็ออกไปเหอะ หรือมันยังไง มันห่วงอะไรนักหนา ประชาชนไม่ไหวแล้วนะครับ" ลุงเสี้ยมกล่าว

ติดตามการอัปเดตสถานการณ์ได้ที่เฟซบุ๊ก Prachatai

หรือทวิตเตอร์ @Prachatai

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net