'นิธิ' และ 'ทัศนัย' สองนักวิชาการ ร่วมปราศรัยออนไลน์ ในกิจกรรม #ม็อบ15สิงหา 'Car Park' ไล่ พลเอก ประยุทธ์ ลงจากตำแหน่งนายกฯ โดย 'นิธิ' ชี้ว่า การดึงก้อนหินที่ชื่อประยุทธ์ อาจเป็นจุดเปลี่ยนของการรื้อโครงสร้างได้ไม่มากก็น้อย ด้าน 'ทัศนัย' มองป้าย 'No 112' ที่เชียงใหม่เยอะมาก สะท้อน 'ประยุทธ์' ไม่ได้อยู่ในสายตาเขาแล้ว

นิธิ เอียวศรีวงศ์ (ซ้าย) และ ทัศนัย เศรษฐเสรี (ขวา)

เมื่อวันที่ 15 ส.ค. 64 หลัง Car Park ไล่พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกจากตำแหน่งนายกฯ  ที่แยกราชประสงค์ เคลื่อนขบวนออกไปเมื่อเวลา 15.00 น. ทางทีมผู้จัดกิจกรรม ‘Car Park’ เริ่มกิจกรรมปราศรัยออนไลน์ผ่านระบบประชุมทางไกล โดยมีนักวิชากร ศิลปิน-คนบันเทิง และนักเคลื่อนไหวหลายคน ร่วมปราศรัยร่วมกับ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ซึ่งถ่ายทอดสดผ่านเพจเฟซบุ๊ก และยูทูป ‘ยูดีดี นิวส์’ (UDD news) 

นักวิชาการชื่อดัง 2 คนที่ยินดีร่วมปราศรัยออนไลน์ครั้งนี้ มี นิธิ เอียวศรีวงศ์ นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์การเมืองไทย และ ทัศนัย เศรษฐเสรี อาจารย์ประจำสาขาวิชาสื่อศิลปะ และการออกแบบสื่อ คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

การดึงก้อนหินที่ชื่อประยุทธ์ อาจเป็นจุดเปลี่ยนของการรื้อโครงสร้างได้ไม่มากก็น้อย

นิธิ เอียวศรีวงศ์ นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์การเมืองไทย ปราศรัยออนไลน์ในกิจกรรม Car Park ร่วมกับณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เมื่อเวลา 15.31 น. ระบุว่า ประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่สมควรดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกต่อไป เนื่องด้วยไม่มีสมรรถภาพในการบริหารประเทศ แต่ก็เตือนไว้ด้วยว่า ในมุมมองส่วนตัวของตน สิ่งที่ค้ำจุนระบอบประยุทธ์อยู่นั้น ไม่ใช่มีเพียงแค่กองทัพบก แต่ยังกลุ่มมีอื่นๆ อีกเยอะแยะไปหมด

นิธิ เอียวศรีวงศ์

“ต้องเข้าใจว่าระบอบประยุทธ์ที่เราเห็นอยู่ทุกวันนี้ จริงๆ แล้วคือความพยายามของคนชั้นนำหลายกลุ่มหลายพวกด้วยกัน ในการรักษาความเฟะฟอนของบ้านเมืองเอาไว้ให้เป็นประโยชน์ต่อเขาต่อไป ดังนั้น การเอาประยุทธ์ ออกจะมีความหมายยังไง ผมไม่ปฏิเสธว่าประยุทธ์ เป็นคล้ายก้อนหินก้อนสำคัญก้อนหนึ่งที่ถ้าดึงก้อนนั้นออก ซุ้มประตูอาจจะพังหมดทั้งซุ้ม ก็เป็นไปได้ แต่ถ้าดึงประยุทธ์ออก แล้วเอาคนอื่นมาแทน ก็ไม่มีความหมายอะไร ความเฟะฟอนในระบบก็ยังอยู่ต่อไป

“ผมจึงหวังว่า การเอาประยุทธ์ ออกมีความสำคัญแน่นอน ไม่ว่าคุณจะหวังทั้งระบบจะต้องปรับเปลี่ยนตัวเองหรือไม่แค่ไหนก็ตาม แต่ประยุทธ์ เป็นเงื่อนสำคัญอันหนึ่งที่ต้องเอาออกซะก่อน ดังนั้น ผมสนับสนุนเต็มที่ที่จะพยายามเอาประยุทธ์ หลุดออกมาจากตำแหน่งนี้ และข้างหน้าจะเดินออกไปได้สะดวกขึ้นไม่ว่าจะเดินไปทางไหน จะดึงเอาแค่ประยุทธ์ และมีคนอื่นเข้ามาแทน ก็ไม่เป็นไร ก็แล้วแต่คุณจะเชื่อ แต่ผมเชื่อว่า การเอาประยุทธ์ออกมาแล้ว ต้องมีการเปลี่ยนตัวระบบทั้งระบบให้มันมีประสิทธิภาพมากขึ้น

นิธิ แสดงทัศนะของตน ประเมินสถานการณ์การเมืองต่อว่า ทางชนชั้นนำอาจยังคิดไม่ตกว่า ถ้าเอาประยุทธ์ ออกแล้วจะเดินไปทางไหนต่อ 

“ผมคิดว่าอำนาจคุณประยุทธ์ ซึ่งมันมีอยู่หลายส่วนด้วยกัน ยังคิดไม่ออกว่าเอาประยุทธ์ ออกแล้ว จะทำยังไงต่อไป เพราะสิ่งที่กลัวมากคือ เมื่อเอาประยุทธ์ออกมาแล้ว เขากลัวว่าซุ้มประตูจะพังทั้งซุ้ม เวลานี้ยังคิดไม่ออกว่าต่อไปจะมีอะไร เลยรักษาประยุทธ์ไว้ก่อน และประยุทธ์ก็รู้ด้วยว่า ความเป็นไปได้ที่ประยุทธ์ จะอยู่ไปจนจบสมัย ขึ้นอยู่กับประยุทธ์เอง และอำนาจนานาชนิดที่คอยสนับสนุนคุณประยุทธ์อยู่ 

ยกตัวอย่าง ข้อวินิจฉัยว่าการผนวกรวมบริษัทใหญ่ที่ค้าปลีกอันหนึ่ง กับบริษัทที่ค้าปลีกอีกอันหนึ่ง ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ ถ้าประยุทธ์ไม่อยู่ มติอันนี้จะถูกปรับปรุงไหม มติอันนี้จะถูกแก้ไขไหม มันต้องถูกแก้ไข ไม่มีที่ไหนให้คุณผูกขาดการค้าปลีก 80% ของประเทศ คุณจะอยู่ยังไง เพราะฉะนั้น อำนาจที่อยู่เบื้องหลังประยุทธ์ ใหญ่โตซับซ้อน ไม่ใช่อำนาจเดียว แต่มีหลายอำนาจมากๆ เหล่านั้น พยายามจะค้ำประยุทธ์เอาไว้ และประยุทธ์รู้ด้วยว่าที่อยู่ได้เพราะอำนาจที่ค้ำประยุทธ์นี่แหละ

สุดท้าย นิธิ ทิ้งท้ายถึงความรู้สึกที่เห็นประชาชนออกมาร่วมเดินขบวนขับไล่ประยุทธ์กันอย่างต่อเนื่อง โดยระบุว่า สังคมและประชาชนได้เปลี่ยนไปแล้ว พร้อมเตือนว่า ถ้าชนชั้นนำคิดจะรักษาอำนาจด้วยวิธีการแบบเดิม มันจะยิ่งพังหนักกว่าเก่า 

“ประชาชนเคยออกมาหลายครั้ง แต่ออกมาช่วงสั้นๆ ครั้งนี้ออกมาต่อเนื่อง โดนรังแกตลอดมา และก็ไม่ถอยกลับไปไหน มันแสดงให้เห็นเลยว่าสังคมไทย และประชาชนไทย เปลี่ยนไปแล้ว ถ้าคิดว่ายังจะสามารถรักษาอำนาจด้วยวิธีการแบบเดิม ผมคิดว่ามันจะพังหนักกว่าเก่า” นักวิชาการมากประสบการณ์ ทิ้งท้าย

'ทัศนัย' ชี้ป้าย 'No 112' ที่เชียงใหม่เยอะมาก สะท้อน 'ประยุทธ์' ไม่ได้อยู่ในสายตาเขาแล้ว

'ทัศนัย' ย้ำเลยจุดที่จะขอร้องให้ประยุทธ์พิจารณาตัวเองลาออกแล้ว ต้องถีบออกอย่างเดียว ระบุป้าย 'No 112' ที่เชียงใหม่เยอะมาก สะท้านคนมองที่โครงสร้างของความอยุติธรรม

ทัศนัย เศรษฐเสรี อาจารย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมปราศรัยออนไลน์ในกิจกรรม 'Car Park' โดยชี้ว่าขณะนี้เลยจุดที่จะขอร้องให้ พล.อ. ประยุทธ์ พิจารณาตัวเองลาออกแล้ว ต้องถีบออกอย่างเดียว พร้อมระบุถึงบรรยากาศคาร์ม็อบที่เชียงใหม่นั้น ตนพบป้าย 'No 112' หลังรถที่ร่วมขบวนจำนวนมาก สะท้านคนมองที่โครงสร้างของความอยุติธรรม

"พล.อ. ประยุทธ์ และเครือข่ายการทำงานที่อยู่ด้วยกันไม่มีเกียรติยศและศักดิ์ศรีที่จะมายุ่งเกี่ยวกับการปกครองตั้งแต่วันแรกของการรัฐประหาร และนำมาสู้ซึ่งความอัปยศมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ในการเขียนรัฐธรรมนูญ กติกาในการเลือกตั้งและกติกาในการคัดเลือก ส.ว. และการตั้งพรรคการเมืองเพื่อปูทางให้ตัวเองมาสู่ตำแหน่งนายกฯ ยิ่งสร้างความอัปยศมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ" ทัศนัย กล่าว 

ทัศนัย ยังกล่าวด้วยว่า 7 ปีของการบริหารมันไม่ใช่วัน 2 วันนี้ที่พี่น้องประชาชนออกมาประท้วงต่อต้าน ติเตียน กล่าวโทษ ไม่ใช่วันสองวันนี้ มันตั้งแต่ทำรัฐประหาร มันเป็น 7 ปีที่ยาวนานที่ประชาชนอยู่ในฝันร้าย ที่มันน่าสะพึงกลัวและไม่มีทางออก ถ้าจะมีรุ่นพี่ประยุทธ์ ที่อยู่ในบรรยากศการเมืองที่เต็มไปด้วยความขมุกขมัว และเต็มไปด้วยความโหดร้าย ประชาชนถูกดำเนินคดี ติดคุก ยังไม่ร่วมประชาชนที่ตายไปจากภัยเศรษฐกิจและการบริหารผิดพลาดจากโควิด หากจะมีรุ่นพี่ประยุทธ์ตนก็นึกถึงกัดดาฟี่ และซัดดัม ฮุสเซน ที่ทำความอัปยศที่ยาวนาน เรียกว่าเอาชื่อเหล่านี้สร้างเป็นหออัปยศ เอาประวัติของคนเหล่านี้เข้าไปให้คนรุ่นหลังเรียนรู้ได้ 

"ดังนั้น มันไม่มีเหตุผลอะไรที่เราจะนั่งอยู่บ้าน กินน้ำชาร้อนๆ รดน้ำต้นไม้อยู่เฉยๆ แล้วก็พยายามจะหลอกตัวเองว่าโลกนี้มันเต็มไปด้วยสันติสุข และโลกนี้ประเทศนี้มันมีความสงบเรียบร้อยอยู่แล้ว มันไม่มีเหตุผลที่จะหลอกตัวเองอย่างนั้น เพราะฉะนั้น นี่จึงเป็นเหตุผลที่แม่น้ำหลายสายไหลรวมกันเพื่อจะถีบ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกไป มันเลยจุดที่จะมาขอร้องป่าวประกาศพิจารณาตัวเองแล้วลาออก ผมว่ามันเลยจุดนั้นมาแล้ว ต้องถีบออกแล้ว" ทัศนัย กล่าว 

สำหรับขบวนคาร์ม็อบที่เชียงใหม่นั้น ทัศนัย อธิบายว่ามีผู้มาร่วมตั้งแต่เด็กน้อย ผู้สูงอายุ มากันทั้งครอบครัว เหมือนมาปิคนิคไล่ประยุทธ์ ส่วนที่น่าสนใจป้ายหลังรถที่ผ่านตาตนไป ข้อความที่พบจำนวนมากคือ "No 112" หรือคัดค้านมาตรา 112 หรือ กฎหมายกหมิ่นประมาทกษัตริย์ มันหมายความว่าจุดนี้ประยุทธ์ไม่ได้อยู่ในสายตาเขาแล้ว แต่เขามองที่โครงสร้างของความอยุติธรรมที่มันหมักหมมในสังคมไทยมาเป็นสิบๆ ปี ต้องได้รับการแก้ไข ดังนั้นอันดับแรกประยุทธ์ต้องออกไป นำไปสู่ของการเปิดทางของการแก้ไขโครงสร้างอยุติธรรมอื่นๆ ผ่านการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการเลือกตั้งที่เป็นธรรม

ไม่ใช่แค่สายลมของการเปลี่ยนแปลงที่กำลังพัดในสังคมไทย ทัศนัย มองว่าต้องเรียกว่า พายุมากกว่า

"ไม่มีใครปราถนาร้าย ผมยืนยันด้วยเกียรติยศของผม" ทัศนัย กล่าวทิ้งท้าย