Skip to main content
sharethis

รุ้ง ปนัสยา และแอมมี่ The Bottom Blues เข้ารายงานตัวคดี #ม็อบ24มิถุนา ที่ สน.ปทุมวัน พร้อมจัดกิจกรรมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์แขวนป้ายผ้า 'ปล่อยเพื่อนเรา - สั่งขังหรือสั่งฆ่า' และนั่งสวดมนต์แผ่เมตตาให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และองคพยพ

1 ก.ย. 2564 วันนี้ (1 ก.ย. 2564) เวลา 16.10 น. ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง จากกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม พร้อมด้วยไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือแอมมี่ The Bottom Blues เดินทางมาที่ สน.ปทุมวัน เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาจากกรณีการชุมนุม บริเวณสกายวอล์ค เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 2564 โดยก่อนเข้าไปรายงานตัวด้านใน สน. ปนัสยาและไชยอมรได้นำป้ายผ้าเขียนข้อความว่า "ปล่อยเพื่อนเรา" และ "สั่งขังหรือสั่งฆ่า" มาแขวนไว้ที่บริเวณหน้า สน.ปทุมวัน หลังจากนั้นทั้งคู่ได้หยิบหนังสือคู่มือสวดมนต์หน้าปกหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ออกมาและนั่งสวดมนต์พร้อมแผ่เมตตาอยู่ที่ริมฟุตบาทหน้า สน. เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ก่อนจะให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน

"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา บอกกับพวกเราในสภาเมื่อวานว่าผมสวดมนต์ทุกวัน ไม่ได้ทำอะไรผิดหรอก ก็อยากจะบอกเหมือนกันว่าการที่พวกเราออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตย มาเรียกร้องชีวิตที่ดีขึ้น มันก็ไม่มีใครที่ทำผิดสักคนเดียว" ปนัสยากล่าว พร้อมบอกว่ามีแต่ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า กดขี่ข่มเหงประชาชน แล้วยังไม่ไม่ดูแลประชาชน ไม่บริหารประเทศจนประชาชนล้มตาย

"ขอให้ส่วนบุญส่วนกุศลที่ได้แผ่ไปเมื่อกี้นี้ ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และองคาพยพทรราชทั้งหลายได้ส่วนบุญนี้ไป และจงได้มีสำนึกต่อประชาชน จงได้มีสำนึกต่อประเทศชาติ จงได้มีสำนึกต่อตนเอง เลิกเป็นคนเดียวทั้งชาตินี้ และชาติหน้า  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำบาปทำกรรมมาเยอะมากพอแล้ว ถ้าไม่อยากตายไปตกนรกหมกไหม้ก็ขอให้สำนึกตั้งแต่ ณ ตอนนี้ และลงจากตำแหน่งเถิด ให้มีการเลือกตั้งใหม่ เพื่อให้คนดี คนที่เก่งๆ คนที่มีความสามารถในการจัดการบริหารประเทศจะได้มาอยู่ในตำแหน่ง มาบริหารบ้านเมือง พัฒนาประเทศ และดูแลประชาชนคนไทยทุกคน" ปนัสยากล่าว

 

ไชยอมร กล่าวเพิ่มเติมว่าการแขวนป้ายผ้าวันนี้เพื่อต้องการจะสื่อถึงการส่งตัวนักกิจกรรมเข้าไปคุมขังในเรือนจำ และปล่อยให้ติดโควิด-19 ทั้งๆ ที่ทราบดีว่าสถานการณ์การระบาดของโรคเป็นอย่างไร หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปลดป้ายที่ทั้ง 2 คนนำมาแขวน ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินเข้าไปรายงานตัวด้านใน สน. โดยใช้เวลาในห้องสอบสวนประมาณ 1 ชม.

ปนัสยาให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว The Reporters ว่าข้อกล่าวหาที่ตำรวจแจ้งมี 3 ฐานความผิด ได้แก่ ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.เครื่องเสียงฯ และ พ.ร.บ.ความสะอาด ซึ่งทั้งคู่ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และเตรียมให้การในขั้นต่อไป พร้อมเผยว่าคดีนี้ไม่น่าส่งผลต่อการทำกิจกรรมในอนาคต เพราะไม่มีความเกี่ยวข้องกับคดีอื่น

ด้าน ไชยอมร กล่าวว่า สถานการณ์โควิด-19 ในเรือนจำส่งผลต่อสภาพร่างกายและสภาพจิตใจของเพื่อนๆ นักกิจกรรมที่ถูกส่งตัวเข้าไปรอบล่าสุด ซึ่งปนัสยากล่าวเสริมว่าก่อนหน้านี้ ตำรวจเขียนในสำนวนขอฝากขังว่าขอจะรับประกันว่านักกิจกรรมทั้งหมดจะไม่ติดโควิด-19 แต่ผลออกมาคือทุกคนติดเชื้อหมด ยกเว้นอานนท์ นำภา หรือทนายอานนท์ และณัฐชนนท์ ไพโรจน์ เพราะทั้ง 2 คนนี้เคยคิดเชื้อมาแล้ว แต่ไม่มีอะไรรับประกันได้ เนื่องจากภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ซึ่งเคยติดเชื้อมาแล้วก็ติดซ้ำ เพราะอาจจะเป็นเชื้อคนละสายพันธุ์ จึงไม่อาจคาดการณ์สถานการณ์ใดๆ ได้ และเป็นห่วงเพื่อนๆ นักกิจกรรมที่อยู่ในเรือนจำเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน ที่มีโรคประจำตัว

นอกจากนี้ ปนัสยายังกล่าวว่าการเรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้ต้องขังในเรือนจำนั้น ไม่ได้เรียกร้องให้เฉพาะเพื่อนนักกิจกรรม แต่เรียกร้องให้ผู้ต้องขังทุกคน เพราะศาลและกรมราชทัณฑ์ก็มีมาตรการลดความแออัดในเรือนจำ ดังนั้น ควรปฏิบัติตามมาตรการ เพราะตนเชื่อว่าทั้ง 2 หน่วยงานมีการติดตามตัวผู้ต้องขังที่ได้รับการปล่อยตัวอยู่แล้ว

ปนัสยาให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่าวันที่ 7 ก.ย. นี้ เป็นกำหนดวันไต่สวนคำร้องขอถอนประกันของตนและสมยศ พฤกษาเกษมสุข ซึ่งตนยังไม่รู้ว่าเหตุผลในคำร้องคืออะไร เพราะคิดว่าตนไม่ได้กระทำการใดที่ผิดเงื่อนไขการประกันตัว และในวันเดียวกันนั้น ยังเป็นวันฟังคำสั่งนัดฟ้องของนักกิจกรรมคนอื่นๆ ในคดีการชุมนุมวันที่ 19-20 ก.ย. 2563 ซึ่งน่าจะมีนักกิจกรรมทุกคนอยู่ที่ศาลอาญา รัชดา

 

ส่วนรายละเอียดการชุมนุมวันที่ 3 ก.ย. 2564 นี้ ปนัสยากล่าวว่าจะมีการประกาศสถานที่ในภายหลัง แต่รูปแบบการชุมนุมจะเป็นรูปแบบเดิมที่กลุ่มแนวร่วมฯ เคยจัด นั่นคือการตั้งเวทีปราศรัย เริ่มตั้งแต่ 16.00 น.เป็นต้นไป และจบลงก่อนกำหนดเวลาเคอร์ฟิว พร้อมยืนยันข้อเรียกร้อง 3 ข้อหลักตามเดิม และเชิญชวนทุกคนให้มาร่วมกันแสดงออก นอกจากนี้ ปนัสยาได้ขอความร่วมมือทั้งฝ่ายผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ให้พกอาวุธเข้ามาในพื้นที่ชุมนุม เพราะกลุ่มแนวร่วมฯ ยืนยันมาเสมอว่าจะชุมนุมโดยสงบตามหลักสันติวิธี

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net