Skip to main content
sharethis

มีงานวิจัยเปิดเผยว่าผู้มีความหลากหลายทางเพศ หรือ LGBTQ+ ในอังกฤษต้องเผชิญกับสภาวะสุขภาพจิตย่ำแย่มากขึ้นในช่วงการระบาดของโควิด-19 รวมถึงต้องเผชิญกับความรุนแรงในครัวเรือนและการข่มเหงกดขี่จากครอบครัวเพิ่มมากขึ้นเพราะการล็อกดาวน์

ธงสีรุ้ง หนึ่งในสัญลักษณ์ของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ
 

11 พ.ย. 64 ศูนย์แห่งชาติเพื่อการวิจัยสังคมของอังกฤษทำการวิเคราะห์ข้อมูลที่เก็บรวบรวมโดยอินเตอร์คอม ทรัสต์, แอลจีบีทีฟาวด์เดชัน และองค์กรสโตนวอลล์ เพื่อให้เกิดความเข้าใจเรื่องผลกระทบของโรคระบาดโคโรนาไวรัส 2019 (โควิด-19) ที่มีต่อประชากรผู้มีความหลากหลายทางเพศ หรือ LGBTQ+

พวกเขาพบว่า ชาว LGBTQ+ ต้องเผชิญกับอาการซึมเศร้าและความวิตกกังวลในช่วงแรกๆ ที่มีการระบาดโควิด-19 จากความรู้สึกโดดเดี่ยวทางสังคม และความรู้สึกเหงาที่มีอิทธิพลในเรื่องนี้ การที่ชาว LGBTQ+ ไม่สามารถเข้าถึงพื้นที่แสดงออกอย่างปลอดภัย หรือ Safe Spaces ในชุมชนผู้มีความหลากหลายทางเพศด้วยกันในช่วงล็อกดาวน์ ส่งผลให้ชาว LGBTQ+ ต้องเผชิญกับปัญหาสุขภาพจิตมากขึ้น นอกจากนี้ กลุ่มคนดำ คนเอเชีย และชนกลุ่มน้อยทางชาติพันธุ์อื่นๆ รวมถึงคนพิการที่เป็น LGBTQ+ ต่างก็เผชิญกับปัญหาเรื่องสุขภาพจิตมากกว่ากลุ่มอื่นๆ ในช่วงโรคระบาด

งานวิจัยระบุด้วยว่า กลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากเป็นพิเศษ คือ กลุ่มชาว LGBTQ+ เยาวชนและกลุ่มคนข้ามเพศหรือทรานเจนเดอร์ในทุกช่วงอายุ สำหรับคนข้ามเพศนั้นสุขภาพจิตของพวกเขาแย่ลงในช่วงล็อกดาวน์ เนื่องจากต้องเผชิญกับสภาวะความทุกข์ใจในเพศสภาพ (gender dysphoria) มากขึ้น เพราะการเข้าถึงบริการช่วยเหลือเรื่องการข้ามเพศของพวกเขาจำเป็นต้องหยุดชะงัก นอกจากนี้ ยังทำให้ความรู้สึกเหงา ภาวะซึมเศร้า และภาวะวิตกกังวลของกลุ่มคนข้ามเพศเพิ่มขึ้นด้วย

งานวิจัยพบว่ามีเหตุการณ์ทำร้ายตัวเอง ความคิดอยากฆ่าตัวตาย และการพยายามฆ่าตัวตาย เกิดขึ้นในกลุ่ม LGBTQ+ มากขึ้นในช่วงการระบาดของโควิด-19 ซึ่งกลุ่ม LGBTQ+ เยาวชนและกลุ่มคนข้ามเพศได้รับผลกระทบมากเป็นพิเศษ

กลุ่ม LGBTQ+ ยังต้องประสบกับความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของตัวเองในช่วงแรกๆ ที่มีโรคระบาด เช่น การที่บุคคลหลากหลายทางเพศบางคนต้องติดอยู่กับบ้านที่มีครอบครัวข่มเหงรังแกพวกเขา ทั้งนี้ แม้แต่ข้างนอกบ้านชาว LGBTQ+ ก็เผชิญกับการคุกคามและความรุนแรงมากขึ้นในช่วงที่มีโรคระบาด อาจจะเป็นเพราะว่าผู้มีความหลากหลายทางเพศมองเห็นได้ง่ายขึ้นในช่วงที่มีการล็อกดาวน์จากเดิมที่สามารถปะปนกับฝูงชนได้

นอกจากในชีวิตประจำวันแล้ว ยังมีสถิติที่ระบุว่า ชาว LGBTQ+ เผชิญกับการคุกคามทางออนไลน์มากขึ้นในช่วงที่เกิดโรคระบาดเดือนแรกๆ ซึ่งงานวิจัยเสนอแนะว่าน่าจะมาจากการที่สื่อบางแห่งนำเสนอในเชิงเป็นปฏิปักษ์ต่อผู้มีความหลากหลายทางเพศมากขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีความยากลำบากทางการเงินในช่วงโรคระบาดโควิด-19 คนข้ามเพศมีความเสี่ยงที่จะกลายเป็นคนไร้บ้านมากขึ้น รวมถึงชาว LGBTQ+ ที่เป็นผู้อพยพ ชาว LGBTQ+ ยังมักจะต้องการเข้าถึงความช่วยเหลือจากองค์กรเฉพาะทางในด้านนี้ แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา องค์กรเหล่านี้ก็ประสบปัญหาทางการเงินทำให้อนาคตไม่แน่นอน

นาธาน ฮัดสัน ผู้นำการเขียนงานวิจัยนี้ สะท้อนความยากลำบากของการรวบรวมข้อมูลของกลุ่ม LGBTQ+ เนื่องจากไม่ค่อยมีงานวิจัยที่ศึกษาเรื่องราวของพวกเขามากนัก นอกจากนี้ กลุ่มคนที่ถูกทำให้เป็นชายขอบซ้ำซ้อน อย่างชาว LGBTQ+ ที่เป็นคนผิวดำ หรือคนสีผิวอื่นๆ ยังมีข้อมูลที่จำกัดมาก แม้แต่เรื่องนี้เองก็เป็นสิ่งที่สะท้อนความไม่เท่าเทียมและการถูกกดทับด้วยอำนาจแบบทับซ้อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเหยียดเชื้อชาติสีผิว การเหยียดคนรักเพศเดียวกัน การเหยียดคนข้ามเพศ และกรณีโควิด-19 ก็ทำให้ผู้มีความหลากหลายทางเพศที่เป็นคนผิวสีประสบกับเรื่องนี้หนักขึ้น

ฮัดสัน กล่าวอีกว่าในขณะที่สังคมมักจะพูดถึงเรื่องความรุนแรงในครัวเรือนที่เกิดขึ้นกับบุคคลที่ไม่ใช่ LGBTQ+ แต่เขาก็อยากย้ำกว่า ชาว LGBTQ+ ก็ประสบกับความรุนแรงในครัวเรือนเพิ่มขึ้นในช่วงการระบาดของโควิด-19 และจากสภาพการถูกกีดกันเลือกปฏิบัติจากสังคมที่มีอยู๋ก่อนแล้ว ยิ่งทำให้ชาว LGBTQ+ เผชิญเรื่องนี้หนักขึ้นมากกว่ากลุ่มคนที่ไม่ใช่ LGBTQ+


แปลและเรียบเรียงจาก

Healthcare failures and hostile media made lockdown even worse for LGBT+ Brits, study finds, Pink News, 09-11-2021

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net