Skip to main content
sharethis

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เผยอัยการขอนแก่นฟ้องอีก คดีวางเพลิงซุ้มฯ ที่บายพาส กล่าวหาหนุ่มขายดอกไม้ปาระเบิดเพลิงทำรูปเป็นรอยโหว่ ค่าเสียหาย 4,500 บาท - ศาลรอกำหนดโทษ 2 ปี ‘สมาร์ท’ แนวร่วม มธ.ฯ ฐานละเมิดอำนาจศาล เหตุอ่านบทกวีถึงมหาตุลาการ หน้าศาลอาญา

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่าเมื่อ 21 ธ.ค. 2564 ที่ศาลจังหวัดขอนแก่น “บอส” อิศเรษฐ์ เจริญคง นักกิจกรรมและพ่อค้าขายดอกไม้วัย 23 ปี มีนัดรายงานตัวตามสัญญาประกันเป็นครั้งที่ 4 ในคดีวางเพลิงพระบรมฉายาลักษณ์ บริเวณบายพาส จ.ขอนแก่น หลังครบฝากขังครั้งที่ 4 เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. ที่ผ่านมา ก่อนทราบว่า พ.ต.ท.วัฒนพงษ์ จันทระ พนักงานอัยการจังหวัดขอนแก่น ยื่นฟ้องคดีต่อศาลจังหวัดขอนแก่นแล้ว 

ศาลวีดิโอคอนเฟอเรนซ์จากห้องเวรชี้สอบถามคำให้การเบื้องต้น ซึ่งอิศเรษฐ์ให้การปฏิเสธ ศาลนัดคุ้มครองสิทธิและสอบคำให้การอีกครั้งในวันที่ 15 ก.พ. 2565 จากนั้นมีคำสั่งให้ปล่อยตัวชั่วคราวโดยใช้หลักประกันและสัญญาประกันเดิมในชั้นสอบสวนตามที่ทนายจำเลยยื่นคำร้อง โดยอิศเรษฐ์ได้รับการปล่อยตัวจากห้องขังใต้ถุนศาลราว 14.50 น. หลังถูกขังรอกระบวนการของศาลราว 5 ชั่วโมง

อ่านข่าวนี้ฉบับเต็มในเว็บไซต์ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน

ศาลรอกำหนดโทษ 2 ปี ‘สมาร์ท’ แนวร่วม มธ.ฯ ฐานละเมิดอำนาจศาล เหตุอ่านบทกวีถึงมหาตุลาการ หน้าศาลอาญา

23 ธ.ค. 2564  ศาลอาญา รัชดาฯ มีนัดอ่านคำพิพากษาในคดีละเมิดอำนาจศาลของ “สมาร์ท” ภัทรพงศ์ น้อยผาง นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และสมาชิกกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม จากกรณีร่วมชุมนุมและอ่านบทกวีถึงมหาตุลาการ เพื่อเรียกร้องสิทธิประกันตัวในคดีทางการเมือง บริเวณบันไดศาลอาญา เมื่อวันที่ 29 เม.ย. 2564

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 28 ต.ค. 2564 ศาลได้นัดไต่สวนผู้ที่เกี่ยวข้อง 3 ราย ได้แก่ ชวัลนาถ ทองสม ผู้อํานวยการสํานักอํานวยการประจําศาลอาญา ผู้กล่าวหา, พันตำรวจโทศักดิ์ชัย ไกรวีระเดชาชัย รอง ผกก.ป.สน.พหลโยธิน ผู้ประกาศแจ้งเตือนให้ยุติการใช้เสียงของผู้ชุมนุม และภัทรพงศ์ ผู้ถูกกล่าวหา และได้นัดอ่านคำพิพากษาในวันที่ 23 ธ.ค. 2564

โดยศาลได้ตัดสินว่าการกระทำของผู้ถูกกล่าวหาจึงเป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล แต่ผู้ถูกกล่าวหามีพฤติการณ์เพียงอ่านบทกลอนผ่านเครื่องขยายเสียง ไม่ได้ใช้ความรุนแรง ทั้งผู้ถูกกล่าวหายังอายุน้อยและอยู่ในระหว่างศึกษา จึงเห็นสมควรให้รอการกำหนดโทษเป็นระยะเวลา 2 ปี และกำหนดเงื่อนไขคุมประพฤติ โดยห้ามผู้ถูกกล่าวหาประพฤติตนที่ก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยในบริเวณศาลนี้และศาลอื่นในทำนองนี้อีก ภายในกำหนดระยะเวลารอการกำหนดโทษนี้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56

อ่านข่าวนี้ฉบับเต็มในเว็บไซต์ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net