Skip to main content
sharethis

'ปรีดา เตียสุวรรณ์' นักธุรกิจเพื่อสังคมวิจารณ์ 'รบ.ประยุทธ์' บริหารประเทศล้มเหลว-รวบอำนาจ ทำชื่อเสียงประเทศถดถอย รายได้กระจุกคนรวย แต่คนจนเพิ่ม ชี้ COVID-19 ทำรายได้ประเทศหดหายทำคนตกงาน จากท่องเที่ยวทันทีถึง 10 ล้านคน เหตุรัฐบาลหวังพึ่งท่องเที่ยวถึง 2% ของจีดีพี ไร้พึ่งพารายได้อื่น


นายปรีดา เตียสุวรรณ์ นักธุรกิจเพื่อสังคม คณะทำงานประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจ คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.)

2 ม.ค. 2565 คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) แจ้งข่าวต่อสื่อมวลชนว่านายปรีดา เตียสุวรรณ์ นักธุรกิจเพื่อสังคม กล่าวถึงผลงานของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหมว่า ขอมุ่งไปเรื่องเศรษฐกิจเพราะมีความชำนาญ ตอนนี้เราอยู่ในช่วงสถานการณ์โควิด ตั้งแต่ 10 ปีก่อนหน้าโควิดประเทศไทยไม่ได้เจริญเลย ผลผลิตประชาชาติอยู่ที่ประมาณ 2-3% มาตลอด 10 ปี ซึ่ง 3% ถือว่าต่ำมาก และไม่ได้สร้างรายได้ให้กับประชาชนเพิ่มเติม เพราะแต่ละปีสินค้าในตลาดแพงขึ้นไปอยู่แล้ว ที่เราเรียกว่าเงินเฟ้อของแพงครึ่งขึ้นปีนึง 1-2% อย่างน้อย เพราะฉะนั้นถ้ารายได้ประชาชาติหรือผลผลิตประชาชาติขึ้นไป 2% ก็เท่ากับว่าเราเท่าเดิม แต่ถ้าเราให้เครดิตหน่อย พบว่าบางปีได้ 3% คนไทยก็จะได้รายได้ขึ้นมาเพิ่ม 1% เพราะ 2% ถือว่าเสมอตัว เพราะข้าวของแพงขึ้น เพราะฉะนั้นจะได้ 3% ก็เรียกว่าได้สุทธิขึ้นมา 1%
 
นายปรีดา กล่าวว่าตนค่อนข้างแน่ใจว่าใน 10 ปีที่ผ่านมา การกระจุกของรายได้ประชาชาติ มันหนักและรุนแรงขึ้นมาก ปรากฏว่ารายได้ของประชากรไทยทั้งหมด พุ่งเข้าไปสู่ครอบครัวไม่กี่ครอบครัวในประเทศไทย ตนก็เลยอนุมาณง่ายๆว่าถ้าเป็นอย่างนี้ ก็แสดงว่าเงินที่เพิ่มมา 1% น่าจะไปกระจุกอยู่ที่กลุ่มคนจำนวนน้อยเพราะฉะนั้น 10 ปีที่ผ่านมาก่อนโควิด เราไม่ได้มีรายได้เพิ่มขึ้นเลย เราเสมอตัวมาตลอด ตนยังสงสัยว่าในบางกรณีรายได้ของเราอาจจะลดลงไปด้วย เพราะมีปรากฏการณ์ที่มีการพูดกันว่า คนชั้นกลางเริ่มหายไป ทั้งนี้คนชั้นกลางสำคัญมากเพราะเป็นตัวที่แสดงถึงความมั่นคงของประเทศ ประเทศที่ดีจะต้องมีคนชั้นกลางมาก มีคนจนน้อย และมีคนที่รวยมากๆน้อย 

“เปรียบเสมือนลูกรักบี้ คือ 2 ปลายแหลมและอ้วนตรงกลาง ซึ่งอ้วนตรงกลาง คือ คนชั้นกลางที่ทุกสังคมอยากให้เป็น และมีคนรวยมากๆมีได้แต่อย่ามากนักแล้วก็มีปลายแหลมมา มีคนจนบ้างก็คงต้องมีเป็นธรรมชาติ ก็ต้องเป็นปลายแหลมออกมา แต่ประเทศไทยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ความอ้วนของลูกรักบี้ผอมลง และส่วนปลายสองข้างทู่ขึ้น ก็แสดงว่าคนรวยมากๆมหาศาลมีมากขึ้น และคนจนที่จนมากๆก็มีมากขึ้น ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ที่ไม่ดี ก็ต้องขอพูดว่าพล.อ.ประยุทธ์อยู่ในกระบวนการ 10 ปีแรกด้วย เพราะท่านเข้ามา 7 ปีแล้วไม่ได้ทำอะไรให้ดีขึ้น แต่สถานการณ์เริ่มเลวลง ตั้งแต่ตอนที่ท่านเข้ามาแล้ว แต่ท่านก็มีเวลา 7 ปีที่จะแก้ให้ดีขึ้น แต่เท่าที่เห็นมันไม่ได้ดีขึ้น” นายปรีดา กล่าว
 
นายปรีดา กล่าวว่า มาถึงปีช่วงระหว่างโควิด เราก็เห็นถึงวิธีการบริหารจัดการ ที่จะป้องกันโควิดตั้งแต่รอบ 1 - รอบ 3 เห็นได้เลยว่าการเกิดคลัสเตอร์ขึ้นมาแล้วกระจายไปทั่วประเทศ ก็มาจากหน่วยงานของรัฐเป็นหลัก ซึ่งท่านก็ไม่ได้พูดอะไรว่าเป็นหน่วยงานที่อยู่ใกล้ตัวของท่าน ที่มาสร้างปัญหาให้กับประเทศเรา ส่วนการกระจายวัคซีนก็ค่อนข้างมีปัญหาและเกิดความไม่เป็นธรรมขึ้นมามากมาย จะเห็นได้ว่าคนที่มีอำนาจโดยเฉพาะนักการเมืองจะได้วัคซีนไปก่อน ก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมและทำให้เกิดความแตกแยกขึ้นในสังคมอย่างมาก
 
นายปรีดา กล่าวว่า เมื่อดูหลักการบริหารสำคัญของ พล.อ.ประยุทธ์ โดยวิธีการค่อนข้างชัดเจนว่ารัฐบาลนี้ รวบอำนาจผ่านวิถีทางของรัฐธรรมนูญ และอนุญาตให้ส.ว. 250 คน สามารถที่จะเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีได้ ซึ่งทำให้ท่านได้เป็นนายกฯต่อ ตรงนี้ถือว่าไม่เป็นธรรม เพราะไม่มีความเป็นสากล ส่วนการบริหารราชการแผ่นดิน ก็เป็นที่ประจักษ์ว่า ราชการมีอำนาจที่จะไปครอบคลุมท้องถิ่นมากขึ้นตลอดเวลา อะไรก็ตามที่รัฐธรรมนูญฉบับก่อนหน้านั้น ไม่ว่าจะเป็น 2540 หรือ 2550 ก็เป็นรัฐธรรมนูญที่กระจายอำนาจออกไปให้ประชาชน สามารถสร้างผลิตผล ให้กับประเทศ และสามารถที่จะตัดสินใจว่าจะทำผลิตผลอะไร ที่เหมาะกับสังคมของตัวเอง รัฐบาลก็ดึงสิ่งเหล่านี้กลับเข้ามาอยู่ในอำนาจ ของกระทรวง เพราะฉะนั้นทำให้การที่เราจะสร้างผลิตผลเพิ่มขึ้นมีปัญหา 

นายปรีดา กล่าวว่า เพราะฉะนั้นเมื่อทำตรงกันข้าม ก็ส่งผลให้จีดีพีไม่เพิ่มขึ้น ตลอดการบริหารงาน 7 ปีที่ผ่านมา พอมาเจอปัญหาโควิดจีดีพีก็ร่วงลงไป แล้วเราจะเห็นได้ว่าวิธีการบริหารจัดการของท่าน ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาเพิ่มนักท่องเที่ยวขึ้นมาถึง 40 ล้าน คนที่มาเที่ยวในประเทศไทย และมีผลกับรายได้ของจีดีพีถึง 20% และก็มาใช้แรงงานของประเทศถึงประมาณ 10 ล้านคนซึ่งก็เท่ากับประมาณ 20% เศษๆของประชากรแรงงานของเราที่มีอยู่ 40 ล้านคนเศษๆ เพราะฉะนั้นการที่เอารายได้ไปเสี่ยงกระจุก อยู่กับจำนวนคนที่มากมายถึง 10 ล้านคน แล้วสร้างรายได้ถึง 20% ของจีดีพี มันเป็นความเสี่ยงที่นักเศรษฐศาสตร์หรือนักบริหารไม่ทำกัน เพราะฉะนั้นการสร้างตัวเลขเหล่านี้ มันเกิดขึ้นมา 7 -8 ปีหลัง ตอนที่ท่านอยู่ในอำนาจ

“ไม่มีประเทศไหนจะพึ่งพาลมหายใจของตัวเอง ในบางกิจกรรมมากเกินไป โดยเฉพาะที่เราไม่สามารถควบคุมได้ เช่น กิจกรรมท่องเที่ยว ถ้าการหยุดเกิดขึ้นอย่างฉับพลันนักท่องเที่ยวหายไป คนของเราก็ตกงานทันทีถึง 10 ล้านคนเพราะเขาหากินกับนักท่องเที่ยว สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่นักบริหารที่มีเหตุผลไม่ทำกัน พล.อ.ประยุทธ์ปล่อยให้หนักหนาถึงขนาดนี้ เพราะฉะนั้นการแก้ปัญหาระหว่างโควิดที่ผ่านมามันยากมาก ถ้า 20% ของรายได้ประชาชาติและ 20% ของแรงงานไทย ไปอยู่กับกิจกรรมที่ไม่สามารถที่จะแก้ได้เลยในระยะเวลาอันใกล้นี้ ความหวังที่จะเอานักท่องเที่ยวเข้ามาก็หายไปอีก สิ่งเหล่านี้กระทบต่อวิถีชีวิตของคน ที่อยู่ในอุตสาหกรรมนี้อย่างมาก และกระทบต่อเนื่องไปยังอุตสาหกรรมอื่น แน่นอนคนอยู่ในอุตสาหกรรม 20% หรือ 10 ล้านคนคือผู้ที่สร้างรายได้ให้กับครอบครัว เพราะฉะนั้นเมื่อรายได้นี้หายไป เขาก็มีความสามารถในการบริโภคน้อยลง หรืออาจจะไม่มีเลย” นายปรีดา กล่าว

นายปรีดา กล่าวว่า เป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยขึ้นมาก่อน ในแผ่นดินไทยซึ่งเป็นแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ด้วยธัญญาหาร ไม่เคยที่จะต้องมีคนที่จะต้องออกจากบ้าน แล้วเป็นคนเร่ร่อน สิ่งเหล่านี้เป็นผลสะท้อนให้เห็นเลยว่า ความสามารถในการบริหารจัดการของคณะรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์มีปัญหาจริงๆ และจากการที่ท่านไปสร้างการควบอำนาจเข้ามาก็กระทบต่อวิถีชีวิตของความเป็นประชาธิปไตยของไทย ก่อนท่านจะเข้ามาปฏิวัติก็มีปัญหาทันที ท่านรวบอำนาจโดยเป็นเผด็จการ ทำให้ชื่อเสียงของประเทศถดถอย จะเห็นได้ว่าเมื่อมีการประชุม เรื่องของประเทศประชาธิปไตยทั้งหลายในโลก เร็วๆนี้เขาก็ไม่เชิญไทยๆก็ถูกเปรียบเทียบอยู่กับระดับของประเทศเพื่อนบ้าน เป็นการสร้างความเสื่อมให้กับประเทศของเรา และศรัทธาของคนจากต่างประเทศที่มองเรามีปัญหา สินค้าที่ออกจากประเทศไทย เคยมีความเจิดจ้าในความเป็นประชาธิปไตย ก็ถูกมองอย่างดูถูกว่าเป็นประเทศที่รวบอำนาจเป็นเผด็จการ สิ่งเหล่านี้ก็จะเป็นผลกับเราไปอีกนาน กว่าที่เราจะสร้างชื่อประเทศ ให้กลับมามีศักดิ์ศรีเหมือนเดิม ก็ต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะกลับมา นี่คือผลจากการบริหารจัดการของรัฐบาลประยุทธ์
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net