Skip to main content
sharethis

คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) และภาคประชาชนแถลงคัดค้านนโยบายต่างชาติเช่าที่ดิน 99 ปี ชี้นโยบายระบายของนายกรัฐมนตรีมีผลประโยชน์ทับซ้อน ทุนยึดรัฐเป็นการคอร์รัปชั่นรูปแบบใหม่ คนไทยกลายเป็นพลเมืองชั้นสอง

คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) แจ้งข่าวว่าเมื่อวันที่ 10 ก.ค. 2567 ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา 16 ถนนราชดำเนิน คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) จัดเวทีภาคประชาชนแถลงคัดค้านนโยบายให้ต่างชาติเช่าที่ดิน 99 ปี และการซื้ออสังหาริมทรัพย์ โดยมีผู้ร่วมแถลงคือ นางสาวลัดดาวัลย์ ตันติวิทยาพิทักษ์ ประธานคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) รศ.ดร.โอฬาร ถิ่นบางเตียว  รองประธานครป. และอาจารย์คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา นายสาวิทย์ แก้วหวาน ประธานสมาพันธ์สมานฉันท์แรงงานไทย (สสรท.) นายก้องศักดิ์ สหะศักดิ์มนตรี อนุกรรมการด้านอสังหาริมทรัพย์และที่อยู่อาศัย สภาองค์กรของผู้บริโภค และนายเมธา มาสขาว ผอ.สถาบันสังคมประชาธิปไตย รักษาการ เลขาธิการ ครป. และผู้ประสานงาน 30 องค์กรประชาธิปไตย ร่วมแถลง

นางสาวลัดดาวัลย์ ตันติวิทยาพิทักษ์ ประธานคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) อ่านแถลงการณ์ ครป. คัดค้านนโยบายให้ต่างชาติเช่าที่ดิน 99 ปี และการถือครองกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์เกินร้อยละ 49 ความว่า

ตามที่นายกรัฐมนตรีและกระทรวงมหาดไทยมีนโยบายแก้ไขกฎหมายอาคารชุดให้ต่างด้าวถือครองอสังหาริมทรัพย์ โดยขยายเวลาการถือครองสิทธิ หรือ เช่า แบบทรัพย์อิงสิทธิเป็นเวลา 99 ปี เพื่อดึงเงินลงทุนต่างชาติ ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อขยายระยะเวลาเช่าที่ดินจาก 50 ปี เป็น 99 ปี และเปิดให้ชาวต่างชาติถือครองกรรมสิทธิ์ห้องชุดได้ไม่เกินร้อยละ 75 จากร้อยละ 49 แต่เดิมนั้น คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) ขอเรียกร้องต่อนายกรัฐมนตรี ดังนี้

1. คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) ขอคัดค้านนโยบายและการแก้ไขกฎหมายให้ต่างชาติถือครองที่ดินและเช่าที่ดินได้ 99 ปี รวมถึงการขยายสิทธิการถือครองกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์จากร้อยละ 49 เป็นร้อยละ 75 โดยขอให้รัฐบาลและสภาความมั่นคงแห่งชาติ ได้ทบทวนและศึกษาถึงผลกระทบต่ออำนาจอธิปไตยทางเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วน เพราะนโยบายนี้จะทำให้ที่ดินในประเทศไทยซึ่งมีจำนวนจำกัดซึ่งหลุดมือจากคนไทยส่วนใหญ่ไปสู่นายทุนส่วนน้อยเกือบหมดแล้ว จะถูกถ่ายโอนการถือครองไปสู่ต่างชาติในที่สุด โดยที่ประเทศชาติเสียผลประโยชน์ในระยะยาว และมีโอกาสตกเป็นเมืองขึ้นทางเศรษฐกิจแก่ต่างชาติโดยการให้ที่ดินที่เป็นสมบัติของรัฐในการค้ำประกัน

2. คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) เห็นว่า ผู้ที่ได้ประโยชน์ในนโยบายนี้ มีเพียงกลุ่มทุนอสังหาริมทรัพย์ที่เอื้อประโยชน์ต่อนายกรัฐมนตรีโดยตรง รวมถึงเครือข่ายกลุ่มทุนที่ถือครองที่ดินเป็นจำนวนมากแต่เสียภาษีให้แก่รัฐในอัตราก้าวหน้าที่ต่ำเกินไป และการให้เช่าที่ดินแก่ต่างชาติที่มีกำลังทางเศรษฐกิจมหาศาล โดยที่รัฐบาลโดยที่รัฐบาลได้ประโยชน์ทางภาษีเพียงน้อยนิด นอกจากกลุ่มทุนจะมั่งคั่งขึ้นไป คนไทยจะยากจนลงแล้ว ปัญหาความเหลื่อมล้ำจะซ้ำซ้อนขึ้นเป็นสองชั้น คนไทยจะกลายเป็นพลเมืองชั้นสอง ทุนต่างชาติจะเข้าครอบครองผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจไทยจำนวนมากโดยอาศัยกลไกตลาดโดยที่รัฐบาลไม่มีมาตรการที่จะควบคุมแต่อย่างใด

3. คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) ขอเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจทางโครงสร้าง โดยเฉพาะการปฏิรูปที่ดินเชิงโครงสร้าง เพื่อลดการถือครองที่ดินจำนวนมหาศาลของกลุ่มทุนผูกขาด โดยการจัดเก็บภาษีทรัพย์สินและที่ดินอัตราก้าวหน้าแบบขั้นบันได โดยใช้ตัวอย่างของประเทศสังคมนิยมประชาธิปไตยที่แก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจได้ โดยรัฐจะต้องเข้าแทรกแซงกลไกตลาดเพื่อควบคุมการเอาเปรียบและกอบโกยกำไรจากทรัพยากรของรัฐและประชาชนที่มีจำนวนจำกัด รวมถึงการออกนโยบายจำกัดการถือครองที่ดินไม่เกินคนละ 50 ไร่
 
รศ.ดร.โอฬาร ถิ่นบางเตียว รองประธาน ครป. กล่าวว่า การอ้างเหตุผลของรัฐบาลเคลือบแคลงไปด้วยผลประโยชน์ทับซ้อนของกลุ่มทุน และสร้างความไม่เป็นธรรมต่อคนส่วนใหญ่ของประเทศ เนื่องจากนายกรัฐมนตรีทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อันดับต้นๆ ของประเทศไทย จึงมีผลประโยชน์ทับซ้อนในเรื่องดังกล่าวอย่างชัดเจน

วิกฤตในช่วงทศวรรษปี 40 เราเคยมีปัญหามาแล้วจากปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อน แต่ปัจจุบัน เราเกิดการทุจริตการเมืองแบบใหม่ที่ไม่เคยเรียนรู้บทเรียนในอดีต การทุจริตการเมืองแบบใหม่ที่ไปไกลกว่าผลประโยชน์ทับซ้อนแบบเก่า คือรูปแบบการคอรัปชั่นแบบใหม่โดยกลุ่มทุนธุรกิจที่เคยอยู่นอกรัฐ แต่ปัจจุบันเข้ามาสู่กลไกของรัฐ เพื่อออกกฎหมายระเบียบต่างๆเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง เรียกว่าการยึดครองรัฐ ซึ่งทำให้กระบวนการทางกฎหมาย การมีมติคณะรัฐมนตรี และกระบวนการทางนิติบัญญัติต่างๆ เพื่อรองรับธุรกิจการเมืองเกิดความชอบธรรมมากขึ้น ไม่ผิดกฎหมาย เป็นการยึดอำนาจโดยกลุ่มทุน นี่คือปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นรูปแบบใหม่ เป็นการยึดครองรัฐรูปแบบใหม่จากกลุ่มทุนธุรกิจต่างๆ หลังจากนั้นจึงออกกฎหมายและนโยบายเพื่อประโยชน์ตนเอง ดังนโยบายให้ทุนต่างชาติเช่าที่ดินได้ 99 ปี และขยายสิทธิการถือครองอสังหาริมทรัพย์เพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มทุนพวกพ้อง เป็นต้น

นายก้องศักดิ์ สหะศักดิ์มนตรี อนุกรรมการด้านอสังหาริมทรัพย์และที่อยู่อาศัย สภาองค์กรของผู้บริโภค กล่าวว่า เรื่องนี้มีผลประโยชน์ทับซ้อน และเกี่ยวพันกับเรื่องการขายชาติ เกิดการตั้งคำถามขึ้นอย่างกว้างขวาง ขณะที่ระบบราชการบอกว่า พร้อมสนองนโยบายรัฐบาลโดยไม่มีการตั้งคำถามใดๆ นี่เป็นนโยบายของรัฐบาลเพื่อช่วยเหลือพรรคพวกตนเอง เพื่อระบายของ ในธุรกิจคอนโดมิเนียมห้องชุดอสังหาริมทรัพย์ของนายทุนในรัฐบาล

ปัจจุบันการให้ต่างชาติถือของ 49% ก็ยังมีปัญหานอมืนีมากมาย มีการจัดตั้งนอมินีถือหุ้นที่เหลืออยู่ซึ่งรัฐบาลยังไม่มีมาตรการแก้ไขตรงนี้ ยังจะขยายเพิ่มเป็น 75% แล้วอ้างว่าจะไม่มีสิทธิ์ในการถือครองอำนาจตัดสินใจ ซึ่งเป็นเรื่องหลอกลวง ในทางปฏิบัติเป็นไปไม่ได้เลย ดังนั้นเรื่องนี้จึงเป็นเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน และนโยบายการขายชาติอย่างชัดเจน

นายสาวิทย์ แก้วหวาน ประธานสมาพันธ์สมานฉันท์แรงงานไทย (สสรท.) กล่าวว่า เหมือนประเทศไทยย้อนยุคไปสู่ก่อนเริ่มสัญญาเบาว์ริงที่ไทยจำเป็นต้องเสียสิทธิสภาพนอกอาณาเขต จนกลายเป็นประเทศกึ่งเมืองขึ้นให้ตะวันตก แต่ปีนี้ 2567 แล้ว ยังมีเรื่องแบบเดิมกลับมาอยู่ เป็นนโยบายที่ย้อนยุคไปไกลมาก

ที่ดินเป็นทรัพยากรสำคัญของประเทศที่สามารถทำการเกษตรกรรม หรือสร้างมูลค่าอื่นๆ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน นอกจากนั้นใต้ที่ดินยังมีทรัพยากรแร่ธาตุต่างๆมหาศาล รวมถึงน้ำมัน พืชพันธุ์ธัญญาหารสมุนไพรต่างๆ ที่ประเทศไทยมีความหลากหลายทางชีวภาพมาก ซึ่งทั้งหมดนี้จะตกไปสู่มือของต่างชาติในการถือครองในที่สุด

รัฐบาลอ้างว่าใช้นโยบายนี้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ยังมีที่ดินจำนวนมากของคนไทยติดจำนองและหลุดลอยไปพราะหนี้สินจำนวนมาก รัฐบาลไม่มีมาตรการแก้ไขปัญหาแล้วจะกระตุ้นเศรษฐกิจจากภายในได้อย่างไร  แต่กลับประกาศขายให้ต่างชาติ จึงเป็นนโยบายที่เลวร้ายมากและเหลวไหลมาก นี่ไม่ใช่วิธีการกระตุ้นเศรษฐกิจ  ที่ควรส่งเสริมภาคแรงงาน การสร้างแรงงานฝีมือต่างๆ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต ซึ่งจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างแท้จริง ไม่ใช่นำพาต่างชาติเข้ามาลงทุน อย่างเดียว ซึ่งเป็นการเชื่อมกันของกลุ่มคนไทยและกลุ่มต่างประเทศ เพื่อให้ธุรกิจของตนเองสามารถที่จะไปได้มากกว่า

นายเมธา มาสขาว ผอ.สถาบันสังคมประชาธิปไตย และรักษาการเลขาธิการ ครป. กล่าวว่าการแก้ไขกฎหมายให้ต่างชาติที่ถือครองที่ดิน เคยเกิดขึ้นมาแล้วในสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดย ครม.ในขณะนั้นมีมติจะแก้กฎหมายให้ต่างชาติถือครองกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียม จากร้อยละ 49 เพิ่มเป็นร้อยละ 70 แต่ถูกกระแสสังคมต่อต้าน ต่อมาปี 2565 ได้มีการผลักดันเตรียมแก้กฎกระทรวงให้คนต่างชาติที่ลงทุนเกิน 40 ล้านบาท สามารถซื้อบ้านเนื้อที่ไม่เกิน 1 ไร่ ก็ถูกคัดค้าน ในขณะนั้นเจ้าสัวก็ออกมาสนับสนุนให้ต่างชาติถือครองที่ดินได้

รัฐบาลเศรษฐาสานต่อเรื่องนี้ แต่ขยายการถือครองอสังหาริมทรัพย์มากขึ้นเป็นร้อยละ 75 โดยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของนายกรัฐมนตรีได้ประโยชน์ไปเต็มๆ เหมือนเป็นการถอนทุนคือก่อนการลาออกจากตำแหน่ง หรือผลประโยชน์ต่างตอบแทนก่อนลงจากอำนาจ

การอ้างพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฟังไม่ขึ้นเพราะมีผลประโยชน์ทับซ้อน สถานการณ์ห้องชุดคอนโดมิเนียมขายไม่ออก กำลังซื้อหด เพราะคนจนลง ช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจนห่างกันมากเกินไป เศรษฐกิจเติบโตช้าเพราะเป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง  แต่รัฐบาลยังใช้การกระตุ้นเศรษฐกิจหมุนเวียนแบบเก่า ให้คนจนไปจับจ่ายใช้สอยหมุนเวียนเศรษฐกิจเข้ากระเป๋านายทุนผูกขาด เจ้าสัวได้ทั้งเงินรัฐและคนจน เศรษฐกิจทุนนิยมแบบบนลงล่างไม่สามารถแก้ปัญหาได้

ปัญหานโยบายและการแก้ไขกฎหมายให้ต่างชาติเช่าที่ดิน 99 ปี และการขยายการถือครองอสังหาริมทรัพย์ร้อยละ 75 คือ จะเกิดการครอบงำทางเศรษฐกิจ และความมั่นคงของประเทศ รวมทั้งการเข้ามาของกลุ่มทุนสีเทา การฟอกเงิน อาชญากรรม ที่รัฐไม่มีศักยภาพในการจัดการปัญหา นโยบายนี้จะทำให้ประเทศไทยตกเป็นเมืองขึ้นทางเศรษฐกิจแก่มหาอำนาจและต่างชาติมากขึ้น โดยการใช้ทรัพยากรที่เป็นแผ่นดินไปค้ำประกัน

ต่อไปคนไทยจะกลายเป็นพลเมืองชั้นสอง เส้นแบ่งสำคัญในเรื่องนี้คือ ห้ามเกินร้อยละ 49 เพราะนั่นคือสิทธิ์ในการครอบครอง นอกจากอำนาจอธิปไตยทางการเมืองการปกครองแล้ว  จะต้องคำนึงถึงอำนาจอธิปไตยทางเศรษฐกิจด้วย อะไรที่เป็นทรัพยากรของรัฐของสาธารณะ เป็นของคนไทยทุกคน สิ่งใดที่มนุษย์ไม่สามารถสร้างสรรค์ขึ้นเองได้รัฐบาลไม่ควรนำเข้าสู่กลไกตลาด เพราะจะถูกถ่ายโอนไปสู่มือนายทุนและต่างชาติในที่สุด ตนเสนอให้ออกกฎหมายเก็บภาษีทรัพย์สินและที่ดินอัตราก้าวหน้า แบบขั้นบันได และจำกัดการถือครองที่ดิน

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net