นักสหภาพแรงงานถูกอัยการยื่นฟ้องคดีฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หลังพาแรงงานข้ามชาติไปร้อง ก.แรงงาน

ธนพร วิจันทร์ นักสหภาพแรงงานถูกอัยการยื่นฟ้องฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน  จากกรณีการพาแรงงานข้ามชาติไปยื่นหนังสือที่กระทรวงแรงงาน

7 ม.ค. 2565 เครือข่ายองค์กรด้านประชากรข้ามชาติ (MWG) แจ้งว่าอัยการยื่นฟ้องนักสหภาพแรงงาน ฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จากกรณีไปยื่นหนังสือ เรื่องนโยบายการบริหารจัดการแรงงานข้ามชาติ ที่กระทรวงแรงงาน เมื่อวันที่ 29 ต.ค.64 ที่ผ่านมา

โดยเมื่อวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา เวลา 14.00 น. พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีศาลแขวง 2 (สำนักงานอัยการสูงสุด) ได้ยื่นฟ้อง ธนพร วิจันทร์ นักสหภาพแรงงาน ฐาน “ร่วมกันจัดให้มีการชุมนุม การทำกิจกรรม การมั่วสุม ที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคในพื้นที่ที่มีประกาศหรือคำสั่งกำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด พื้นที่เฝ้าระวังสูง เว้นแต่กรณีได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ฯ อันเป็นการฝ่าฝืนข้อกำหนดซึ่งออกตามมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการฉุกเฉิน 2548”  และศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวโดยการทำสัญญาประกันแทนการวางหลักทรัพย์

คดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 29 ต.ค.2564 ธนพร วิจันทร์ ตัวแทนลูกจ้างที่เป็นแรงงานข้ามชาติเครือข่ายช่วยเหลือผู้ใช้แรงงานจากสหภาพคนทำงาน (Workers’Union) เครือข่ายองค์กรด้านประชากรข้ามชาติ (Migrant Working Group) และเครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน (Labour Network for Peoples Rights) ได้เดินทางไปยังกระทรวงแรงงาน เพื่อยื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เรื่อง ติดตามการดำเนินการตามข้อเสนอเพื่อแก้ไขปัญหาในกลุ่มแรงงานก่อสร้างและแรงงานข้ามชาติระหว่างการระบาดของโควิด 19 รวมทั้งเรียกร้องให้มีการแก้ไขปัญหาอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ค่าใช้จ่ายอันเนื่องมาจากการเข้าสู่กระบวนการขึ้นทะเบียนตามนโยบายของรัฐที่ขาดความชัดเจน และแนวทางการดำเนินการให้แรงงานข้ามชาติเข้าสู่ระบบการขึ้นทะเบียนของรัฐตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 ก.ย. 2564 อย่างไรก็ตามกระบวนการยื่นหนังสือและหารือกับผู้แทนกระทรวงแรงงานได้ยุติลงเมื่อแรงงานข้ามชาติชาวกัมพูชาที่มาร่วมยื่นหนังสือได้ถูกจับกุมตัวภายในบริเวณพื้นที่ของกระทรวงแรงงาน

ภายหลังเกิดเหตุกระทรวงแรงงานได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจดินแดงดำเนินคดีต่อ ธนพรฐาน “ช่วยซ่อนเร้น ช่วยเหลือ หรือช่วยด้วยประการใดๆ..” และจากการสอบสวนพนักงานสอบสวนพบว่าไม่ฐานความผิดดังกล่าวไม่ครบองค์ประกอบความจริงจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมฐาน“ร่วมกันจัดให้มีการชุมนุม การทำกิจกรรม การมั่วสุม ที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคในพื้นที่ที่มีประกาศหรือคำสั่งกำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด พื้นที่เฝ้าระวังสูง เว้นแต่กรณีได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ฯ อันเป็นการฝ่าฝืนข้อกำหนดซึ่งออกตามมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการฉุกเฉิน 2548” (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://mwgthailand.org/th/press/1639313642)

ธนพร พร้อมทนายความได้เดินทางเข้าพบพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีศาลแขวง 2 (สำนักงานอัยการสูงสุด) เพื่อยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อพนักงานอัยการพิจารณามีความเห็นสั่งไม่ฟ้องคดีเนื่องจากคดีดังกล่าวเป็นการฟ้องลักษณะฟ้องปิดปากต่อนักปกป้องสิทธิมนุษยชน (A Strategic Lawsuit Against Public Participation หรือ SLAPP) ซึ่งใช้กลไกการร้องเรียนต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามสิทธิที่ได้รับการรับรองในรัฐธรรมนูญ อีกทั้ง การยื่นหนังสือในวันเกิดเหตุดังกล่าวได้ประสานงานแจ้งต่อผู้แทนกระทรวงแรงงานไว้ล่วงหน้าแล้ว ดังนั้นกระทรวงแรงงานจึงมีหน้าที่ในการดำเนินการตามมาตรฐานการควบคุมโรคเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด 19 พนักงานอัยการรับหนังสือขอความเป็นธรรมไว้แต่มิได้มีการพิจารณาคำร้องของนักสหภาพแรงงานที่ขอให้มีการทบทวนต่อการดำเนินคดีอย่างไม่เป็นธรรมแต่อย่างใด

คอรีเยาะ มานุแช ทนายความให้ความเห็นว่า ธนพร  เป็นนักปกป้องสิทธิด้านแรงงานซึ่งนำแรงงานผู้ที่ถูกละเมิดสิทธิมาร้องเรียนตามกลไกการร้องของรัฐแต่กลับถูกรัฐใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือเพื่อปิดกั้นการเข้าถึงความยุติธรรมอันเป็นการถูกละเมิดซ้ำโดยกฎหมาย และเรียกร้องให้กลไกการร้องเรียนของรัฐเป็นพื้นที่ปลอดภัยให้แรงงานทุกคนเข้าถึงโดยเสมอภาค คอรีเยาะให้ความเห็นเพิ่มเติมว่าพนักงานอัยการสามารถใช้ดุลพินิจในการสั่งไม่ฟ้องคดีในคดีที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะได้ แต่ในกรณีนี้พบว่าพนักงานอัยการได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชนและความผิดตามมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการฉุกเฉิน 2548  ถูกใช้อย่างกว้างขว้างและบิดเบือนโดยมุ่งดำเนินคดีต่อนักปกป้องสิทธิหรือประชาชนที่ออกมาใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญไม่ใช่เพื่อการควบคุมโรคตามที่กล่าวอ้าง

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท