ชลน่าน ศรีแก้ว ระบุผลการประชุมร่วมกันของพรรคร่วมฝ่ายค้าน เจตจำนงมองสถาการณ์การเมืองไม่ปกติ ยันใช้การตรวจสอบองค์ประชุม เพื่อกระตุ้นการทำงานของ ส.ส.รัฐบาล ส่วนพรรคร่วมฯแต่ละพรรคจะเห็นชอบกับกฎหมายใดถือเป็นเอกสิทธิ์ของแต่ละพรรคที่ไม่อาจก้าวล่วง และอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ 17-18 ก.พ.นี้ จะซักฟอกรัฐบาลอย่างเต็มที่

7 ก.พ.2565 เฟซบุ๊กแฟนเพจ 'พรรคเพื่อไทย' โพสต์แถลงผลการประชุมร่วมกันของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ถึงแนวทางในการเดินหน้าตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างเข้มข้น โดย ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร

โดยมี 2 ประเด็นดังนี้

1. การอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ซึ่งกำหนดที่จะมีการเปิดอภิปรายในวันที่ 17-18 กุมภาพันธ์ รวมเวลาอภิปราย 30 ชั่วโมง แบ่งเป็นฝ่ายค้าน 22 ชั่วโมง และฝ่ายรัฐบาล 8 ชั่วโมง แม้จะเป็นการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ แต่พรรคร่วมฝ่ายค้านจะซักฟอกรัฐบาลอย่างเต็มที่ โดยแต่ละพรรคการเมืองจะไปดำเนินการสรุปประเด็นและตัวบุคคลผู้อภิปรายในรายละเอียดและแจ้งความคืบหน้าเป็นระยะ

2. ทิศทางการทำงานร่วมกันของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ที่ผ่านมาพรรคร่วมฝ่ายค้านมีเจตจำนงที่ชัดเจนร่วมกันว่า ในสถาการณ์การเมืองไม่ปกติ เสถียรภาพรัฐบาลง่อนแง่น ส.ส.รัฐบาลในฐานะเสียงข้างมากมีหน้าที่รักษาองค์ประชุมสภา สำหรับ ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน ก็จะใช้การตรวจสอบองค์ประชุม เพื่อกระตุ้นการทำงานของ ส.ส.รัฐบาล ซึ่งฝ่ายค้านมีเหตุผลเพียงพอว่าเรื่องใดมีความสำคัญมีเหตุผลเป็นไปเพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชนก็พร้อมที่จะเป็นองค์ประชุมให้ ส่วนพรรคร่วมฝ่ายค้านแต่ละพรรคจะเห็นชอบกับกฎหมายใดถือเป็นเอกสิทธิ์ของแต่ละพรรคที่ไม่อาจก้าวล่วง

“เรายืนยันว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านมีความเป็นเอกภาพเชิงนโยบาย แต่มีความหลากหลายในทางปฏิบัติ ดังนั้นที่ประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้าน จึงมีมติร่วมกันว่า จะใช้การตรวจสอบองค์ประชุมในสภาต่อไปอย่างเข้มข้นในทุกสัปดาห์ เพื่อแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลชุดนี้ไร้ความชอบธรรมแล้ว และถ้าสภายังล่มอีก รัฐบาลก็ต้องพิจารณาตัวเอง ส่วนฝ่ายค้านจะตรวจสอบองค์ประชุมเวลาไหนจะเป็นการปรึกษาหารือกันภายใน แล้วจะเสนอเป็นญัตติให้มีการตรวจสอบองค์ประชุมก่อนทำหน้าที่ ไม่เอาการเสียบบัตรแสดงตน” ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวย้ำ

ขณะที่ ประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า การอภิปรายรัฐบาลโดยไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลควรตั้งใจที่จะรับฟังเพื่อนำไปแก้ไข ปัญหาให้ประชาชน การยื่นอภิปรายครั้งนี้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญที่ฝ่ายค้านมีหน้าที่ตรวจสอบการทำงานและเสนอแนะแนวทางในการแก้ปัญหา เมื่อรัฐบาลทำงาน ผิดพลาด ล้มเหลวในการแก้ปัญหาประเทศจำต้องเร่งแก้ไข เพราะความเดือดร้อนของประชาชนรัฐบาลจะนิ่งเฉยไม่ได้

กรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ อ้างว่าจะตอบกว้างๆ ที่เหลือให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาตอบแทน ชัดเจนว่าพล.อ.ประยุทธ์ ไม่รู้เรื่องการบริหารราชการแผ่นดินเลย รวมทั้งไม่ใส่ใจในความเดือดร้อนของประชาชน เพราะญัตติ ที่ยื่นมุ่งตรงไปที่พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ดังนั้นต้องแสดงความรับผิดชอบ อย่าลอยตัวหนีปัญหา หรือเลี่ยงในการตอบข้อซักถามของฝ่ายตรวจสอบ

ประเสริฐ กล่าวด้วยว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ควรที่จะปัดสวะให้พ้นตัว ใช้วิธีการแก้ปัญหารายวันไม่เกิดประโยชน์ในระยะยาว ตลอด 7 ปี พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เคยยอมรับความจริงว่าตัวเองไร้ความสามารถ และคิดว่าตัวเองเก่งกว่าใครจึงไม่ฟังคำแนะนำจากใครทั้งสิ้น ดังนั้นปัญหาประเทศจึงเพิ่มขึ้น ส่งผลให้พี่น้องประชาชน เดือดร้อนไปทั้งประเทศ

“การที่สภาล่มปัญหาเกิดมาจากความไม่เป็นเอกภาพและเกิดรอยร้าวของฝ่ายรัฐบาล เมื่อรัฐบาลมีเสียงมากกว่าฝ่ายค้าน องค์ประชุมจึงเป็นเรื่องของรัฐบาล นอกจากนี้แล้วที่ผ่านมาพล.อ.ประยุทธ์ ไม่เคยให้ความสำคัญกับรัฐสภา ไม่เคยมาประชุมสภา ทั้งๆ ที่สภาเป็นตัวแทนของประชาชน เมื่อรัฐบาลไม่ให้ความสำคัญต่อสภา ปัญหาของพี่น้องประชาชนก็ไม่ได้รับการแก้ไข ปัญหาของประเทศชี้ไปที่ต้นตอของปัญหาคือรัฐธรรมนูญ เมื่อรัฐธรรมนูญไม่ให้ความสำคัญกับประชาชน ไม่ยอมรับความต้องการของประชาชน ถึงเวลานี้ประชาชนไม่ยอมรับพล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้นำเพราะประชาชนไม่ได้เลือกให้พล.อ.ประยุทธ์ มาเป็นนายกรัฐมนตรี แต่มาจากรัฐธรรมนูญที่สืบทอดอำนาจเผด็จการ ส่งผลให้ประเทศชาติและประชาชนเดือดร้อนทั้งประเทศ” ประเสริฐ กล่าว