Skip to main content
sharethis

'วรรณวิภา ไม้สน' ปีกแรงงาน พรรคก้าวไกล อภิปรายสับ ‘ประยุทธ์’ ตั้งแต่ยึดอำนาจ บริหารประเทศล้มเหลว มีคนตกงานจำนวนมาก ค่าแรงแทบไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่ค่าครองชีพที่แพงขึ้นทุกวันๆ ก่อนทิ้งท้ายจี้รัฐบาล หาเสียงอะไรไว้ ขอให้ทำตามสัญญา ไม่ใช่อ้างแต่ปัญหา แต่ถ้าทำไม่ได้ ขอให้ยุบสภา คืนอำนาจให้ ปชช.

วรรณวิภา ไม้สน ส.ส.แบบบัญรายชื่อ สัดส่วนเเรงงาน พรรคก้าวไกล

17 ก.พ. 65 ทีมสื่อพรรคก้าวไกล รายงานวันนี้ (17 ก.พ.) ที่อาคารรัฐสภา วรรณวิภา ไม้สน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญรายชื่อ สัดส่วนเเรงงาน พรรคก้าวไกล อภิปรายทั่วไปเเบบไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ในประเด็นการบริหารวิกฤติเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ส่งผลให้ราคาสินค้าพุ่งสูงขึ้น สวนกระเเสกับค่าเเรงของผู้ใช้เเรงงานที่แทบไม่ได้เพิ่มขึ้นเลยนับตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ ยึดอำนาจมา 

“ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ตั้งเเต่โควิดระบาดระลอกแรกต้นปี 2563 จนถึงระลอกที่ 5 ในต้นปีนี้ หลายธุรกิจต้องปิดกิจการทั้งแบบชั่วคราวเเละเเบบถาวร รวมถึงธุรกิจภาคบริการที่ต้องถูกผลกระทบจากคำสั่งปิดตามมาตรการของรัฐ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจกลางคืน ร้านนวด ร้านบริการต่างๆ สถานการณ์นี้ทำให้มีคนตกงานเพิ่มมากขึ้น คนที่เคยเป็นเเรงงานในระบบ เคยมีเงินเดือนใช้ทุกเดือน เคยมีสวัสดิการทั้งจากประกันสังคมและเจ้าของบริษัท ค่าแรงจะเฉลี่ยอยู่ที่ 12,000 บาทต่อเดือน กลับต้องหลุดออกจากระบบกลายเป็นคนที่ว่างงาน ต้องหันไปทำอาชีพอิสระที่ไม่มั่นคง อีกทั้งยังได้ค่าเเรงน้อย สวัสดิการก็ไม่มี ในปี 2564 ที่ผ่านมา แรงงานอิสระมีรายได้เฉลี่ยประมาณ 8,000 บาทต่อเดือนเท่านั้น หากดูตามจำนวนผู้ประกันตนใน ม. 33 ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563-2564 จะเห็นได้ว่าเเรงงานในระบบอย่างน้อย 600,000 คน ต้องออกจากระบบประกันสังคมเเละยังไม่สามารถกลับเข้าในระบบได้ แต่ท่านกลับบริหารงานโดยไม่ดูบริบทในประเทศ แล้วยังอ้างตัวเลขอัตราว่างงานว่ามีอยู่ 1-2%” 

ปีกแรงงานก้าวไกล กล่าวว่า ตัวเลขเหล่านี้เป็นตัวเลขที่หลอกตัวเอง เพราะใช้นิยามการว่างงานว่า หากมีงาน ทำเเค่ 1 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ขึ้นไปก็ถือว่าเป็นผู้ที่มีงานทำเเล้ว ดังนั้น แม้แต่คนที่รับจ้างทำงานเกษตรสัปดาห์ละวันก็ถือว่าไม่เป็นผู้ที่ตกงาน หลักเกณฑ์นี้อาจใช้ในหลายประเทศทั่วโลก แต่ไม่ใช่ใช้เพียงดัชนีชี้วัดเดียวเเล้วบอกเป็นนกแก้วนกขุนทองดังที่ พล.อ.ประยุทธ์ ชี้เเจงช่วงเช้าว่า ตัวเลขคนว่างงานน้อย รัฐบาลบริหารไม่บกพร่อง

“การยกมาเช่นนี้ทำให้ไม่เห็นภาวะที่เเท้จริง หากคิดจากผู้ที่ทำงานต่ำกว่า 4 ชั่วโมงต่อวัน จำนวน 2,600,000 คน หรือคนที่ทำงานไม่ต่ำกว่า 35 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ที่ต้องการทำงานเพิ่มอีก 800,000 คน รวมเเล้วมีแรงงานไทยที่ไม่มีความมั่นคงทางรายได้เเละไร้สวัสดิการ อีกกว่า 4 ล้านคน หรือคิดเป็น 10% ของเเรงงานทั้งหมด”

วรรณวิภา กล่าวต่อไปว่า สิ่งที่พวกเขาสูญเสียไม่ใช่เเค่งานเท่านั้น แต่เขาต้องสูญเสียสิ่งที่เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตไปด้วย ท่านจะรู้สึกอย่างไร หากท่านเคยอยู่ในฐานะผู้นำเป็นความหวัง เป็นที่พึ่งให้ครอบครัว เเต่วันดีคืนดีต้องตกงานไร้ความมั่นคง หางานทำอย่างยากลำบาก ยิ่งหากตกงานในวัยชราเเล้วไม่ต้องพูดถึง บางคนอาจจะต้องกลับไปตั้งต้นใช้ชีวิตที่บ้านเกิดกลายเป็นภาระครอบครัว เรื่องเเบบนี้ทำให้หลายคนตกอยู่ในภาวะโรคซึมเศร้า 

“การตกงาน การไร้รัฐสวัสดิการ ก็คือหายนะของประชาชน เเต่ความเลวร้ายไม่ได้หยุดเพียงเเค่นั้น ยังถูกซ้ำเติมจากวิกฤตราคาสินค้าที่สูงขึ้น ตั้งเเต่ปลายปี 2564 ที่ผ่านมาสินค้าทยอยราคาขึ้นอย่างชัดเจน โดยรัฐบาลจะอ้างเป็นเรื่องกระทันหันไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้ เพราะเรามีสัญญาณเตือนทางเศรษฐกิจมากมายตั้งเเต่ช่วงกลางปีที่เเล้ว ไม่ว่าราคาพลังงานในตลาดโลกที่สูงขึ้น หรือการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจะส่งผลต่อราคาสินค้าที่จะถีบตัวสูงขึ้น เท่ากับว่าเรามีเวลาเตรียมตัวหลายเดือนเพื่อหามาตรการรองรับค่าครองชีพ ทั้งการลดต้นทุน การผลิตของภาคเอกชน เเละการเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน แต่เมื่อย้อนกลับไปดูมาตรการของรัฐบาลในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา พบว่ารัฐบาลใช้โครงการเฉพาะหน้าที่เน้นแจกเงิน แจกส่วนลดมาโดยตลอด ไม่มีประโยชน์ในระยะยาว รวมถึงมาตรการของนายกรัฐมนตรีที่เป็นตลกร้าย เช่น การให้ทหารปลูกผักชีช่วยประชาชน แนะนำให้เลี้ยงไก่ 2 ตัว เพื่อเก็บไข่ไว้กิน ล่าสุดหมูตาย หมูเเพง ให้สร้างหมูขึ้นมาใหม่ ไม่รู้ว่าต้องการสื่ออะไร เเต่คนฟังเขาไม่ตลกด้วย เพราะทุกสิ่งทุกอย่างมีเเต่เเพงขึ้น เเพงขึ้น โดยเฉพาะคนจนที่ต้องจ่ายเเพงกว่าเสมอ” วรรณวิภา กล่าว 

วรรณวิภา กล่าวต่อไปว่า พวกเขาเหล่านั้นไม่มีบ้านหลวงอยู่ฟรีจึงต้องไปหาห้องเช่าถูกๆ ต้องเสียค่าน้ำค่าไฟคนละเรตราคากับไฟตามบ้านที่แพงกว่า แทบไม่ได้รับอานิสงส์จากมาตรการใดของรัฐบาลที่ออกมาช่วยลดค่าน้ำค่าไฟช่วงโควิด-19 ค่าเเรงก็ไม่ได้เพิ่มขึ้น ปัจจุบัน อัตราค่าแรงขั้นต่ำอยู่ที่ 336 บาท แต่ราคาอาหารตามสั่ง 50-60 บาท เมื่อเทียบกับในปี 2556 ที่ค่าเเรง 300 บาท เเต่อาหารตามสั่งไม่เกิน 30 บาท จะเห็นได้ว่าค่าครองชีพวิ่งแซงค่าเเรงขั้นต่ำไปมาก จนอยู่ในระดับที่เเทบจะเสมอตัว เเละต้องติดลบหากรวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ 

ส.ส.ก้าวไกล กล่าวต่อว่า ขณะนี้มีกลุ่มเเรงงานที่ต้องการทวงนโยบายค่าเเรงขั้นต่ำจากรัฐบาลตามที่หาเสียง เนื่องจากตลอดเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา ตั้งเเต่เพิ่มค่าเเรง 300 บาท จน พล.อ.ประยุทธ์ยึดอำนาจ มาจนถึงทุกวันนี้ค่าแรงถูกปรับขึ้นเเบบเล็กน้อยมาก ล่าสุดปลาย ม.ค. 65 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเเรงงาน (รมว.แรงงาน) ชี้เเจงกับพี่น้องประชาชนว่า มีการปรับเเน่นอน เเต่ตัวเท่าไรยังไม่สามารถตอบได้ ซึ่งไม่รู้ว่าประชาชนจะต้องอดทนอีกนานเเค่ไหน ท่ามวิกฤติเศรษฐกิจเช่นนี้ 

“จึงขอถามไปยัง นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเเรงงานว่า เหตุใดจึงศึกษาถึงเรื่องค่าเเรงช้านัก เพราะพรรคท่านก็ได้เสนอเอาไว้ และรัฐมนตรีเคยพูดเอาไว้ว่าการปรับขึ้นค่าเเรง 492 บาทเป็นไปไม่ได้ เพราะสูงเกินไป กลัวว่าโรงงานจะปิดลง แต่รัฐบาลชุดนี้เคยมีนโยบายเกี่ยวกับค่าเเรงที่หาเสียงเลือกตั้งไว้ในปี 2562 อาทิ การขึ้นค่าเเรงขั้นต่ำ 425 บาท เงินเดือนอาชีวะ 18,000 บาท ผ่านมา 3 ปี จนรัฐบาลใกล้หมดวาระ หรือจะยุบสภาเมื่อไหร่ไม่รู้ ก็ยังไม่เคยเห็นสิ่งที่เคยสัญญาไว้กับประชาชนในตอนหาเสียงสำเร็จแม้เเต่ข้อเดียว หรือนี่เป็นเพียงสัญาเพียงลมปาก ลมลมแล้งๆ ที่เอาไว้หลอกประชาชนเท่านั้น จึงขอเสนอข้อเสนอรัฐบาลให้ขึ้นค่าเเรงเพิ่มให้สอดคล้องกับเศรษฐกิจเเละสถานการณ์ปัจจุบัน และต้องปรับขึ้นค่าเเรงตามที่ให้สัญญากับประชาชน หลังจากนั้นควรมีการเพิ่มค่าเเรงขั้นต่ำขึ้นอย่างสม่ำเสมอ โดยพรรคก้าวไกลกำลังจะยื่นร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองเเรงงาน เพื่อผลักดันการเพิ่มค่าเเรง เเละลดชั่วโมงในการทำงาน เพิ่มวันลาคลอด วันหยุดประจำสัปดาห์ และการไม่เลือกปฏิบัติในทุกมิติในสมัยประชุมนี้” ส.ส.ก้าวไกล 

วรรณวิภา กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการรับอนุสัญญา ILO แปลกใจที่รัฐบาลไม่ยอมรับข้อที่ 87 และ 98 ทั้งที่เป็นหลักพื้นฐานด้านสิทธิมนุษยชน เพื่อให้เเรงงานทุกกลุ่ม ทั้งเเรงงานไทย แรงงานข้ามชาติจัดตั้งสหภาพเเรงงานได้ เรื่องนี้ทำได้ทันทีโดยไม่ต้องใช้งบประมาณเเม้เเต่บาทเดียว นอกจากนี้ รัฐต้องจัดสวัสดิการในการดูเเลประชาชนให้สอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพิ่มเงินเลี้ยงดูบุตรเเละบำนาญ เพื่อให้มีสวัสดิการที่มั่นคง นี่ไม่ใช่ครั้งเเรกที่ตนมาพูดเรื่องนี้ แต่เคยพูดตั้งเเต่วันเเรกที่รัฐบาลแถลงนโยบายที่หอประชุมทีโอที จากวันนั้นจนถึงวันนี้มีอะไรที่พวกท่านทำตามคำพูดบ้าง สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องยากเกินไปจนทำไม่ได้ หากรัฐบาลจริงใจและติดที่จะทำจริงๆ ไม่ใช่เอะอะก็อ้างปัญหาต่างๆ มากมาย 

“เราอยู่ในยุคมืดบอดที่ประชาชนต้องดิ้นรนเอารอดด้วยตัวเองมานาน จะหวังพึ่งรัฐบาลในแต่ละเรื่องต้องรออย่างไร้จุดหมาย อยู่มาจนจะยุบสภาอยู่เเล้วก็ไม่เห็นว่ารัฐบาลจะทำตามนโยบายที่ได้เคยหาเสียงไว้ได้เลยสักเพียงข้อเดียว รัฐบาลไร้เสถียรภาพ เเต่ประชาชนไร้อนาคต จะได้รับเงินเยียวยาหรือไม่ ก็ต้องมาลุ้นกันยิ่งกว่าหวย หวยยังมีเจ้าเเม่มาเดาทางให้ เเต่รัฐบาลในวันนี้เราไม่สามารถเดาอะไรได้เลย หากท่านคิดว่าทำเต็มที่เเล้วยังได้แค่นี้ ก็ควรหยุดเพียงเท่านี้ เปิดโอกาสให้ผู้ที่มีความสามารถเข้ามาบริหารประเทศ หากจะอยู่กันเช่นนี้ควรจะพิจารณาตนเอง ไม่ไหวอย่าฝืน ยุบสภาเเละคืนอำนาจให้ประชาชน” วรรณวิภา ทิ้งท้าย

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net