รัฐบาลนี้โชคดีจัง น้ำมันแพง สินค้าแพง เงินเฟ้อ ประชาชนไม่มีกำลังซื้อ ก็โทษโควิดโทษสงคราม แล้วสอนชาวบ้านประหยัด ปิดไฟ ล้างแอร์ ขึ้นรถเมล์แทนรถส่วนตัว บีบมะขามเปียกแทนมะนาว
มีเวลาสองเดือนก่อนเปิดสมัยประชุม ฝ่ายค้านจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ พรรคเพื่อไทยขู่อย่ายุบสภาหนี เชื่อหรือไม่? ฝ่ายค้านก็ตีปี๊บไปงั้น ไม่มีหรอกที่พรรคร่วมรัฐบาล ภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ จะหักหน้าแทงหลัง แม้ช่วงชิงกันบ้างก็เป็นรัฐบาลจนครบวาระดีกว่า
ปัญหาของประยุทธ์และเครือข่ายอำนาจหนุนหลังตอนนี้ ไม่ใช่รักษาเก้าอี้เฉพาะหน้า แต่กังวลว่าจะรักษาอำนาจยาวไปอย่างไร โดยเฉพาะในการเลือกตั้งสมัยหน้า ซึ่งพรรคพลังประชารัฐไม่สามารถเป็นพรรคอันดับหนึ่ง ไม่สามารถเป็นแกนนำรัฐบาล ไม่สามารถเสนอชื่อประยุทธ์เป็นนายกฯ อีกครั้ง ทั้งด้วยความที่ประชาชนเบื่อประยุทธ์และความแตกแยกในพรรค
นั่นทำให้เกิดกระแสรื้อสูตรคำนวณ ส.ส. ในกรรมาธิการแก้กฎหมายเลือกตั้ง ซึ่งย้อนแย้งน่าขัน คือจะหันไปใช้ MMP แบบเยอรมัน ทั้งที่แก้รัฐธรรมนูญโดยตั้งใจจะใช้แบบ 2540 หรือ MMA
ในฐานะที่สนับสนุน MMP มาตลอด ถ้าทำได้ก็ขอปรบมือให้ “งาช้างงอกจากปากสุนัข” คือ MMP เป็นระบบที่ดี แต่ตอนพรรคก้าวไกลเสนอไม่มีใครเอา ตอนแก้รัฐธรรมนูญเชื่อกันว่าพรรคพลังประชารัฐจะแย่งชิงอันดับหนึ่งจากพรรคเพื่อไทยได้ แต่ความหวังพังไปแล้ว ขืนใช้แบบ 2540 พรรคเพื่อไทยก็แลนด์สไลด์โดยได้ปาร์ตี้ลิสต์เพิ่ม
MMP อธิบายง่ายๆ อีกที คือเลือกตั้งบัตร 2 ใบ แต่ใช้คะแนนพรรคกำหนดจำนวน ส.ส.ที่ได้รับ เช่น บัตรพรรคได้คะแนน 25% ก็ได้ ส.ส. 125 คน ถ้าได้ ส.ส.เขตไปแล้ว 93 คนก็ได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เพิ่ม 32 คน
ระบบนี้จัดสรรปันส่วนเป็นธรรมกว่า MMA ซึ่งเอาคะแนนพรรคมาคำนวณเฉพาะ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ 100 คน ทำให้พรรคที่ได้ ส.ส.เขตเยอะได้ปาร์ตี้ลิสต์เพิ่ม ได้ ส.ส.ทั้งหมดเกินสัดส่วนที่ประชาชนเลือก โดยเฉพาะพรรคอันดับหนึ่ง ซึ่งอาจจะได้คะแนนนิยม 50% แต่ได้ ส.ส. 300 กว่าคน
แต่การยกร่างรัฐธรรมนูญปูทาง MMA แล้วหวนไปใช้ MMP เป็นอะไรที่ผิดฝาผิดตัว เพราะแบบเยอรมันต้องกำหนดจำนวน ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์มากพอหรือใกล้เคียง ส.ส.เขต นี่แก้รัฐธรรมนูญจาก ส.ส.เขต 350 คน ปาร์ตี้ลิสต์ 150 คน มาเป็น 400 กับ 100 แล้วจะคำนวณแบบ MMP ได้อย่างไร
ยกตัวอย่างง่ายๆ สมมติพรรคก้าวไกลได้คะแนนพรรค 20% แต่ไม่ได้ ส.ส.เขตเลย พรรคเสรีรวมไทยได้ 4% แต่ไม่ได้ ส.ส.เขตเลย พรรคไทยภักดีได้ 3% แต่ไม่ได้ ส.ส.เขตเลย ทั้ง 3 พรรคต้องได้ ส.ส. 100 คน 20 คน 12 คน ตามลำดับ แล้วจะไปเอา ส.ส.มาจากไหน
แก้รัฐธรรมนูญมาด้วยเจตนาหนึ่ง แต่พอทำท่าจะแพ้เพื่อไทย ก็แก้กฎหมายเลือกตั้งพลิกสูตรคำนวณ “งาช้างงอก” อย่างนี้ก็มี
เรื่องนี้จะผลักดันกันจริงแค่ไหนไม่ทราบ แต่เห็นได้ว่ามีความพยายามตีรวนกฎหมายเลือกตั้ง ซึ่งถ้ายังแก้ไขไม่เสร็จก็เป็นข้ออ้าง ยุบสภาไม่ได้ ประยุทธ์อยู่ไปเรื่อยๆ จนครบวาระพอดี โดยระหว่างนี้ก็ปล่อยผี ให้เลือกผู้ว่าฯ กทม.แก้อยาก หลังจากดองมา 3 ปี
บางคนยังมีข้อกังขา ถ้าประยุทธ์ยุบสภาก่อนกฎหมายเลือกตั้งเสร็จ ทำได้หรือไม่ ได้สิครับ เป็นอำนาจนายกฯ ตามระบอบประชาธิปไตย แล้วจะเลือกตั้งใหม่ยังไง ก็ปล่อยให้ค้างคา กกต. ศาลรัฐธรรมนูญ ตีความให้วุ่น ตู่ไม่เกี่ยว เลือกตั้งไม่ได้ตู่รักษาการยาว
การเมืองช่วงนี้ดูเหมือนสงบ แต่ซ่อนระเบิดเวลาต่อเนื่อง เพราะ 5 ปีบทเฉพาะกาลที่ 250 ส.ว.มีอำนาจโหวตนายกฯ เดินมาเกินครึ่งทาง โดยแทนที่อำนาจจะมั่นคง กลับเสื่อมลงตั้งแต่โครงสร้างด้านบนถึงด้านล่าง ตั้งแต่อำนาจนำมาถึงรัฐราชการ ทหาร ตำรวจ กระบวนการยุติธรรม
3 ปีประยุทธ์ เจอทั้งม็อบคนรุ่นใหม่ ความล้มเหลวในการบริหาร ความตกต่ำย่ำแย่ในด้านต่างๆ แต่ประทังอยู่ได้เพราะคนคาดหวังว่าอีกไม่นานจะมีเลือกตั้งๆ แล้วจะได้รัฐบาลที่ดีกว่า ในขณะที่ฝ่ายอำนาจก็คาดหวังว่า จะเอาชนะเลือกตั้งได้ ด้วยกลไกรัฐ ด้วยพรรคการเมืองอุปถัมภ์ ที่ถึงอย่างไรก็ต้องสวามิภักดิ์
รัฐใช้อำนาจปราบม็อบ จับกุมคุมขัง จนมั่นใจว่าม็อบเคลื่อนไหวไม่ได้จึงปล่อยแกนนำ ปิดกั้นการเคลื่อนไหวนอกสภา บีบให้สู้ในระบอบรัฐสภาที่ถูกจำกัดอำนาจ แต่ทั้งหมดนั้นหากแพ้เลือกตั้ง ก็ปั่นป่วนทั้งกระดาน โดยจะทำรัฐประหารอีกก็ลำบาก เพราะอำนาจยิ่งสั่นคลอน
การเมืองในช่วงนี้จึงดูเหมือนหยุดนิ่ง แต่ฝ่ายผู้มีอำนาจคิดหัวแทบแตก ทำอย่างไรจะให้ประยุทธ์อยู่ต่อสมัยหน้า ไม่ใช่ประยุทธ์แล้วเอาใคร ทำอย่างไรจะไม่ให้ฝ่ายค้านชนะ หาแง่มุมศรีธนญชัยทางกติกา
คิดอย่างไรก็คิดไม่ออก ได้แต่ลากยื้อไปก่อน ผลักกับระเบิดไปข้างหน้า ให้ดูเหมือนว่าวันนี้การเมืองนิ่ง ตั้งวงกินกุ้งทอดกระเทียม
ที่มา: ข่าวสดออนไลน์ www.khaosod.co.th/politics/news_6934994
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)