Skip to main content
sharethis

กลุ่มพสกนิกรปกป้องสถาบัน ยื่นหนังสือทวงถาม ‘ลาซาด้า’ อ้างกรณีทำการตลาดกระทบจิตใจคนทั้งประเทศ แต่ไร้วี่แววผู้บริหารมารับ ลั่นจะไปสาปแช่งที่ศาลหลักเมืองย้อนส่องกระแสเรียกร้อง #BanLAZADA ตั้งแต่ต้น 

 

6 พ.ค. 2565 แพลตฟอร์ม 'เฟซบุ๊ก' กลุ่มสาธารณะ 'ศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด bully ทางสังคมออนไลน์ ศชอ.' ถ่ายทอดสดวันนี้ (6 พ.ค.) ที่หน้าอาคารภิรัชทาวเวอร์ ถนนสุขุมวิท เมื่อเวลา 13.38 น. ติดตามกลุ่มพสกนิกรปกป้องสถาบัน นำโดย อานนท์ กลิ่นแก้ว แกนนำ ศปปส. อัครวุธ ไกรศรีสมบัติ แกนนำอาชีวะปกป้องสถาบัน และนพดล พรหมภาสิต แกนนำศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด bully ทางสังคมออนไลน์ (ศชอ.) พร้อมด้วยประชาชนบางส่วนเดินทางมายื่นหนังสือทวงถามจากบริษัทอีคอมเมิร์ช ‘ลาซาด้า’ เรื่อง ขอคำชี้แจงการทำการตลาดกระทบจิดใจคนไทยทั้งประเทศ

เมื่อเวลา 14.00 น. บริษัท ‘ลาซาด้า’ ส่งตัวแทน (ไม่ทราบชื่อ และตำแหน่ง) ลงมารับหนังสือจากทางกลุ่มปกป้องสถาบัน แต่ทางกลุ่มดังกล่าวไม่พอใจ เนื่องจากไม่ใช่ผู้บริหารลงมารับหนังสือเอง ถือว่าไม่จริงใจ และไม่ให้เกียรติต่อผู้มาร้องเรียน จึงจะปักหลักหน้าอาคารภิรัชทาวเวอร์ จนกว่าผู้บริหารจะลงมารับหนังสือด้วยตัวเอง  

ทั้งนี้ จากไลฟ์สด ทางกลุ่มปกป้องสถาบันมีการคุยกันว่าหากว่าทางเจ้าหน้าที่ระดับสูงเมินเฉยไม่ลงมารับหนังสือ ทางกลุ่มจะพาประชาชนไปสาปแช่งบริษัทลาซาด้า ที่ศาลหลักเมือง

ระหว่างรอ นายนพดล เป็นตัวแทนกลุ่มพสกนิกรปกป้องสถาบัน อ่านถ้อยความในหนังสือที่มายื่นแก่ ‘ลาซาด้า’

เรื่อง ขอทราบเหตุผลในการทำการตลาดที่กระทบกระเทือนต่อจิตใจคนไทยทั้งประเทศ 

เรียน CEO Lazada Thailand 

กลุ่มพสกนิกรปกป้องสถาบัน ขอทราบความชัดเจนจากองค์กรของท่านว่า ด้วยสาเหตุใดถึงได้ปล่อยให้มีการทำการตลาดที่สนับสนุนให้เกิดความขัดแย้งในสังคม อันเนื่องมาจากโฆษณาส่งเสริมการขายของลาซาด้า ล่าสุดมีเรื่องราวที่หมิ่นเหม่ต่อการล้อเลียนสถาบัน อย่างโจ่งแจ้งจากคลิปโฆษณาผลิตภัณฑ์ของนายอนิวัติ ประทุมถิ่น หรือ ‘นาราเครปกะเทย’ ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ โดยบุคคลที่ปรากฏในเนื้อหามีจำนวน 3 คนดังนี้ 

  1. นายอนิวัติ ประทุมถิ่น ยูทูบเบอร์
  2. นายกิตติคุณ ธรรมกิติราษฎร์ หรือหม่อมดิว หรือมัมดิว บุคคลที่ชอบแต่งกายเลียนแบบพระราชินี บรมราชนนีพระพันปีหลวง หม่อมดิวมีพฤติกรรมออกคลิปแซะพระพันปีหลวง มาโดยตลอดเวลา 
  3. นางสาวธิดาพร ชาวคูเวียง หรือหนูรัตน์ ดาราลิเก เน็ตไอดอลที่แสดงเลียนแบบเป็นทุพพลภาพ เราถือว่าหนูรัตน์ เป็นบุคคลที่ไม่ปกติ เลยน่าจะตกเป็นเหยื่อ 

การแสดงพฤติกรรมแต่งกายล้อเลียนบุคคลที่คนไทยเคารพ และการแสดงพฤติกรรมล้อเลียนความอ่อนแอทุพพลภาพทางร่างกายของบุคคลมาทำเป็นคลิปโฆษณาของทางลาซาด้านั้น สะท้อนให้เห็นถึงนัยยะแอบแฝงทางการเมือง ที่ต้องการให้สถาบันที่คนไทยเคารพนั้นมีภาพลักษณ์ที่ตลกขบขัน ซึ่งเป็นสิ่งที่คนไทยส่วนใหญ่ยอมรับไม่ได้ และเกิดกระแสความไม่พอใจของคนในสังคมออกไปอย่างกว้างขวาง ต่อตราสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ในเครือของลาซาด้าโดยรวม 

การชี้แจงขอโทษผ่านทางเอเยนซี่โดยอ้างว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์นั้น โดยไม่ดำเนินการเอาผิดลงโทษต่อผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งกลุ่มได้เฝ้าติดตามกลุ่มบุคคลเหล่านี้ และได้พิจารณาอย่างละเอียดแล้วว่า เป็นพฤติกรรมที่มีเจตนาจงใจล้อเลียนบุคคลสำคัญที่คนไทยเคารพมาตลอด 

นอกจากนี้ นพดล ระบุเพิ่มว่า การแถลงข่าวของลาซาด้าเมื่อเช้านี้ เป็นการแถลงข่าวที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง เมื่อเช้านี้ทางลาซาด้าออกแถลงการณ์ว่า นาราเครปกะเทย และก็เอเยนซี่ขอโทษแล้ว แต่ในคลิปที่นาราฯ ออกมาชี้แจงผ่านช่องทางเฟซบุ๊กนั้นไม่มีการขอโทษ และยังท้าทาย 

ทางกลุ่มถือว่าทางลาซาด้า มีการสมรู้ร่วมคิดต่อนายอนิวัติ กิตติคุณ และธิดาพร เพื่อสร้างความกระทบกระเทือนจิดใจกับคนไทย ถ้าทางลาซาด้า ยังไม่ลงมาแสดงความบริสุทธิ์ใจอย่างแท้จริง ทางกลุ่มพสกนิกรฯ จะรณรงค์แคมเปญ #BanLAZADA ต่อไปทั่วประเทศ 

กลุ่มพสกนิกรฯ รอผู้บริหารลาซาด้าลงมารับหนังสือจนกระทั่ง 14.30 น. เมื่อไม่มีใครลงมารับหนังสือ 'เต้ อาชีวะปกป้องสถาบัน' จึงฉีกหนังสือต่อหน้าสื่อมวลชน และประกาศว่าจะเดินหน้าแบนลาซาด้าทั่วประเทศต่อไป และเดินทางไปสาปแช่งที่ศาลหลักเมือง

เต้ อาชีวะปกป้องสถาบัน ฉีกเอกสารหนังสือที่ตั้งใจมายื่นผู้บริหารลาซาด้า (ที่มา ไลฟ์สด ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน)

จุดเริ่มกระแสแบนลาซาด้า 

กระแสแบนบริษัทอีคอมเมิร์ชยักษ์ใหญ่อย่าง ‘ลาซาด้า’ เริ่มขึ้นเมื่อช่วงเช้าวันที่ 5 พ.ค. 2565 บนแพลตฟอร์ม ‘เฟซบุ๊ก’ เพจของ ศปปส. และ ศชอ. มีการโพสต์ข้อความเมื่อประมาณ 9.30 น. เชิญชวนรณรงค์ให้มีการแบนลาซาด้า เนื่องจากทางลาซาด้ามีการนำกลุ่มบุคคลที่มีทัศนคติที่เป็นภัยต่อสถาบันกษัตริย์มาเป็นพรีเซนเตอร์ทำการตลาด พร้อมติดแฮชแท็ก #BanLAZADA

ทั้งนี้ บนโลกออนไลน์มีการใช้แฮชแท็กอื่นๆ เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยต่อการทำการตลาดว่า "แบนลาซาด้า" #banlazada และ #แบนLazada

สาเหตุที่กลุ่มปกป้องสถาบันไม่พอใจเนื่องจากก่อนหน้านี้ “นาราเครปกะเทย” หรืออนิวัติ ประทุมกลิ่น ลงคลิปวิดีโอขนาดสั้น เผยแพร่ทางแอปพลิเคชัน ‘ติ๊กต๊อก’ (Tik Tok) แอ็กเคานต์ “nara.aniwat700” พบว่า นาราฯ นำสินค้าผลิตภัณฑ์สกินแคร์เซรัม (Serum) ไปให้ นายกิตติคุณ ธรรมกิติราษฎร์ หรือมัมดิว ใช้ โดยมี "หนูรัตน์" ธิดาพร ชาวคูเวียง เน็ตไอดอล นั่งอยู่บนวีลแชร์ด้านซ้ายมือของมัมดิว

 

@nara.aniwat700

วันนี้นาราเอาเซรั่มมาให้มัมดิวและลูกสาว❤️

♬ เสียงต้นฉบับ - นารา เครปกะเทย

 

ก่อนที่เวลาต่อมา มีคลิปวิดีโอสั้นความยาว 1.22 นาที เผยแพร่บนแอปฯ ติ๊กต๊อก เมื่อ 4 พ.ค. 2565 นาราฯ และหนูรัตน์ มาโฆษณาเชิญชวนประชาชนซื้อของผ่านแอปฯ ลาซาด้า จนสร้างความไม่พอใจต่อกลุ่มปกป้องสถาบันเนื่องจากมองว่า ลาซาด้านำคนที่มีพฤติกรรมหมิ่นเบื้องสูงมาเป็นพรีเซนเตอร์ช่วยโฆษณาสินค้า และถือเป็นการกระทำการกระทบกระเทือนต่อจิตใจชาวไทยทั้งประเทศ 

ต่อมา ทางกลุ่มพสกนิกรฯ มีการนัดหมายรวมตัวหน้าสำนักงานลาซาด้า ที่อาคารภิรัชทาวเวอร์ ถนนสุขุมวิท เพื่อให้บริษัทลาซาด้าชี้แจงกรณีดังกล่าวตามที่รายงานข้างต้น

นอกจากกลุ่มปกป้องสถาบันแล้ว นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กต่อกรณีเดียวกัน กล่าวหาว่า LAZADA บังอาจล้อเลียนราชวงศ์ไทย พร้อมจะดำเนินคดีข้อหา พ.ร.บ.คอมฯ ม.14 และ ป.อ.112 กับบริษัทดังกล่าว 

วันเดียวกันนี้ เมื่อเวลา 18.08 น. ศรีสุวรรณ จรรยา โพสต์ข้อความอีกครั้งว่า 7 พ.ค. 2565 เวลา 10.00 น. บุกแจ้งความนาราเครปกะเทย และบริษัท LAZADA ในข้อหา ม.112 และ พ.ร.บ.คอมฯ ณ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.)

ขณะที่ประชาชนบางรายมองว่า คลิปโฆษณาแคมเปญ 5.5 ของลาซาด้า ซึ่งมีนาราเครปกะเทย และหนูรัตน์ แสดง เป็นการล้อเลียนผู้พิการ หรืออาการป่วยของคน  ประวิตร โรจนพฤกษ์ ผู้สื่อข่าวสำนักข่าว 'ข่าวสด' และหนึ่งในผู้ที่ออกมาวิจารณ์เรื่องนี้ โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กวันนี้ (6 พ.ค.) เมื่อเวลา 9.38 น. ระบุว่า เรื่องคลิปแคมเปญ 5.5 ของ LAZADA ที่อาจเข้าข่ายล้อราชวงศ์ เขามองว่าการล้อผู้อื่นพึงกระทำได้ในสังคมประชาธิปไตย อย่ามาทำให้คนกลัวแม้กระทั่งจะล้อเลียน

อย่างไรก็ตาม เขากล่าวด้วยว่า ในกรณีนี้ ในเมื่อสมาชิกราชวงศ์พระองค์นี้ทรงประชวร ต้องนั่งรถเข็น เขาจึงไม่เห็นด้วยกับการล้อเลียนคนป่วย ไม่ว่าสามัญชนหรือเจ้า ควรยกเว้น

เอเยนซี่โฆษณา ยอมรับผิด ยันไม่มีเจตนาล้อเลียน หรือพาดพิงบุคคลใด

เว็บไซต์ข่าว 'PPTV' รายงานวานนี้ (5 พ.ค.) เมื่อเวลา 23.38 น. ระบุว่า บริษัทเอเยนซี่ “บริษัท อินเตอร์เซคท์ ดีไซน์ แฟคทอรี่ จำกัด” ซึ่งได้รับมอบหมายจากบริษัท LAZADA ให้เป็นผู้ประสานงานและติดต่อจัดทำคลิปโปรโมทแคมเปญ โดยหนึ่งในคลิปที่ได้ทำการเผยแพร่ออกไปผ่านทางบัญชี นาราเครปกะเทย ได้นำเสนอภาพที่ไม่หมาะสมและกระทบต่อความรู้สึกของผู้ที่ได้รับชมคลิปดังกล่าวนั้น

ทางบริษัทอินเตอร์เซคท์ฯ ในฐานะเป็นผู้รับผิดชอบในการติดต่อ และประสานงานแต่เพียงผู้เดียว มีความเสียใจเป็นอย่างมากต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขออภัยต่อความรู้สึกของคนในสังคม และ บริษัท LAZADA ถึงความเสียหายที่เกิดขึ้น

ทางบริษัทฯ ขอน้อมรับผิดแต่เพียงผู้เดียว และได้เร่งดำเนินการระงับการเผยแพร่คลิปดังกล่าวทันที 

พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ขอยืนยันว่าไม่ได้มีความตั้งใจหรือเจตนาอื่นใดในการล้อเลียนพฤติกรรมหรือสภาพร่างกาย หรือเชื่อมโยงพาดพิงถึงบุคคลและสถานการณ์ต่างๆ ทางบริษัทฯ ใคร่ขอน้อมรับทุกคำแนะนำเพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไขในการผลิตผลงานในครั้งต่อไปให้มีความเหมาะสม และให้ความสำคัญกับเนื้อหาและรายละเอียดอย่างรอบคอบ และกราบขออภัยสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้

ลาซาด้า แถลงขอโทษ 

ขณะที่วันนี้ (6 พ.ค.) เว็บไซต์ข่าว Workpoint Today รายงานว่า ลาซาด้าร่อนหนังสือขอโทษกรณีคลิปแคมเปญลาซาด้า 5.5 เมื่อ 4 พ.ค. 2565 ที่กำลังถูกวิจารณ์ว่ามีเนื้อหาไม่เหมาะสมหลายประการ 

รายละเอียด 

สำหรับเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังลาซาด้า เผยแพร่คลิปในแคมเปญ 5.5 เมื่อวันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมา มีเนื้อหาไม่เหมาะสมหลายด้านจนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์และเกิด #แบนLazada ล่าสุดบริษัท Lazada ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นพร้อมให้บริษัท อินเตอร์เซคท์ ดีไซน์ แฟคทอรี่ จำกัด ผู้รับผิดชอบในการผลิตคลิป ออกแถลงการณ์ขอโทษต่อสาธารณชนและแสดงความรับผิดชอบต่อการเผยแพร่เนื้อหาที่ไม่เหมาะสมในครั้งนี้

ขณะที่ลาซาด้า ขอใช้โอกาสนี้ในการขออภัยต่อความผิดพลาดที่เกิดจากการผลิตและเผยแพร่เนื้อหาวิดีโอโดยอินฟลูเอนเซอร์ ‘นาราเครปกะเทย’ บนโซเชียลมีเดีย โดยระบุว่าเข้าใจดีว่าเนื้อหาดังกล่าวสร้างความกระทบกระเทือนจิตใจต่อสังคมและลดทอนคุณค่าความเป็นมนุษย์ ทันทีที่รับทราบถึงคลิปดังกล่าว ได้มีคำสั่งให้ถอดคลิปออกทันที เพราะเนื้อหาและข้อความเป็นสิ่งที่ขัดต่อหลักการทำงานและความเชื่อของลาซาด้าในการเป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่ให้ความเคารพต่อกันและกัน และไม่แบ่งแยก

แม้ว่าทางบริษัท อินเตอร์เซคท์ ดีไซน์ แฟคทอรี่ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทตัวแทนที่ดูแลการจัดการด้านอินฟลูเอนเซอร์ รวมถึงคุณนาราเอง จะได้ออกแถลงการณ์ขอโทษต่อสาธารณชน เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมแล้วก็ตาม แต่เหตุการณ์ที่ผิดพลาดอย่างรุนแรงในครั้งนี้เป็นผลมาจากความไม่รอบคอบของทางลาซาด้าอย่างปฏิเสธไม่ได้ หากเนื้อหาในวิดีโอดังกล่าวได้รับการตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วน วิดีโอนี้จะไม่ได้รับการเผยแพร่อย่างเแน่นอน เนื่องจากมีเนื้อหาที่ขัดต่อหลักการที่ลาซาด้ายึดถือ

ลาซาด้าขอแสดงความเสียใจอีกครั้งต่อความผิดพลาดและผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ครั้งนี้ เราได้ใช้เวลาในการตรวจสอบเรื่องนี้โดยละเอียด รวมถึงทบทวนและน้อมรับคำแนะนำและเสียงสะท้อนที่ได้รับจากทุกภาคส่วน ทีมงานของบริษัทลาซาด้า ขอใช้พื้นที่นี้ในการขอโทษและแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นต่อสังคม รวมถึง ลูกค้า ผู้ขาย และพาร์ทเนอร์ของเรา

ท้ายที่สุดนี้ จะปรับปรุงการทำงานและกระบวนการให้รัดกุมยิ่งขึ้นเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีกในอนาคต

นาราฯ และมัมดิวออกมาชี้แจง

นาราเครปกะเทย อัดคลิปวิดีโอ และโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กเพจ ชี้แจงกรณีดราม่าคลิปโฆษณา LAZADA แคมเปญ 5.5 ซึ่งเกี่ยวข้องกับนาราฯ มัมดิว และหนูรัตน์ซึ่งนั่งอยู่บนวิลแชร์ 

ในโพสต์ระบุว่า ในคลิปโฆษณานั้นเป็นละครที่แม่ ซึ่งแสดงโดยหนูรัตน์ มาขโมยเสื้อ-ผ้าของลูก ซึ่งรับบทโดยนาราฯ จนสุดท้าย ลูกมาจับได้ว่าแม่มาขโมยของของเธอ และจุดพีกคือแม่เดินได้ นั่นคือบทละครที่ถูกวางไว้ ซึ่งเธอยืนยันว่า ไม่ได้มีเจตนาล้อเลียน หรือพาดพิงผู้อื่นให้เสียหาย 

“นี่คือบทละครที่นาราทำมา ไม่มีเจตนาหรือล้อเลียนใครในส่วนของคลิปนะ พูดจริงๆสาบานให้ตายว่าไม่ได้จะพาดพิงใคร (แต่รูปอะ อยู่ในใจ) และคิดว่าการแสดงแบบนี้นาราก็ไม่ได้ทำคนเดียว ยังมีอีกหลายตัวละครที่เล่าบทนี้ และทางแอพก็ไม่ได้มีส่วนในการบรีฟงานในครั้งนี้ และงานนี้เป็นงานเร่งด่วนนาราถ่ายงานพอดีเลยให้หนูรัตน์ได้ถ่ายด้วย ถ้าในส่วนของคลิปนาราตั้งใจที่จะล้อเลียนใคร นาราจะเอา momดิวมาถ่ายคลิปด้วยแล้ว แต่นี้เจตนาของนารา คือ หนูรัตน์ที่เล่นเป็นแม่และขโมยของแค่นั้น” โพสต์ของนาราเครปกะเทย ระบุ

ขณะที่มัมดิว ชี้แจงผ่านโพสต์เฟซบุ๊กเมื่อเวลา 16.57 น. ต่อกรณีเดียวกันว่า สำหรับโฆษณาแอปดังดังกล่าวไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเธอ ถ้ามีใครโยงว่าทางแอปฯ ดังกล่าวมีการจ้างเธอ ขออนุญาตฟ้องร้องดำเนินคดี เหตุทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง 

ขณะที่กรณีที่นาราฯ ให้เซรัม สกินแคร์ เธอไปรับในฐานะผู้ถูกว่าจ้าง และถ้าใครโพสต์ทำให้คนอื่นๆ เข้าใจผิด ว่าเธอเป็นคนจ้าง หรือเป็นคนต้นเรื่อง เธอจะดำเนินคดีเช่นเดียวกัน

 

เมื่อช่วงบ่าย นพดล ระบุในรายละเอียดของหนังสือที่กลุ่มพสกนิกรฯ ตั้งใจนำมายื่นให้ผู้บริหารลาซาด้า ที่อาคารภิรัชทาวเวอร์ เมื่อ 6 พ.ค.นี้ ว่าตัวของนายกิตติคุณ ธรรมกิตติราษฎร์ มีการกระทำออกคลิปวิดีโอสั้นหมิ่นเบื้องสูงมาโดยตลอดนั้น 

‘มัมดิว’ เคยให้สัมภาษณ์กับประชาไทเมื่อ 21 ก.พ. 2565 ในประเด็นเรื่องคาแรกเตอร์ของเธอว่า เธอชื่นชอบคาแรกเตอร์ที่มีความเป็นแม่ ซึ่งมีความอบอุ่น และชอบใส่ชุดไหมไทย ส่วนถ้าใครจะโยงพาดพึงคนอื่นๆ เป็นสิทธิของเขาไม่เกี่ยวข้องกับเธอ นอกจากนี้ เธอมั่นใจด้วยว่า การกระทำของเธอไม่เข้าข่ายกฎหมาย ม.112 อย่างแน่นอนอีกด้วย

“เราทำอะไรขัดต่อกฎหมายไหม คุณเอากฎหมายมากางให้ดูไหมว่ามีข้อไหนบ้างที่เราทำแล้วเราไปอาฆาตมาดร้าย เราไปหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เราเป็นตัวตนขึ้นมาแบบนี้แล้วทำให้เขาดูเสื่อมเสีย ทรุดโทรม ล้มล้าง คุณบอกมาเลยเราจะเลิกทำ แต่อันนี้มันไม่มีส่วนไหนที่จะทำให้เขาเสื่อมเสียหรือหมิ่นอะไรเลย เราก็แต่งตัวสวยๆ ของเรา เพราะเราเห็นแล้วมันสวย ผ้าไทยก็ควรที่จะได้เป็นคนไทยใส่ คุณแม่แต่งไปแบบนี้ไปเที่ยวข้าวสารหรือตามที่ที่มีคนต่างชาติเยอะๆ เขาก็มองแล้วเขาก็ยิ้ม เป็นแฟชั่นที่มันดูสวย ใครๆ ก็อยากใส่” 

“อันนี้ก็บอกตรงๆ เลยว่ามันคือตัวตนของเรา อย่าไปโยงว่าเราเป็นตัวตนของคนอื่น ลูกเพจบางคนเขาอาจจะโยงหรือมีความสุขที่ได้โยงก็เรื่องของเขา คุณแม่ไม่ได้สนใจเพราะว่ามันเป็นเรื่องของเขาที่เขาชื่นชอบหรือเขาอยากจะโยง หรือเขาอยากจะเล่นเพื่อความสนุกสนาน” ข้อความบางส่วนจากบทสัมภาษณ์

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้ บีบีซีไทย ระบุข้อมูลของบริษัทลาซาด้า ว่าเป็นบริษัทอีคอมเมิร์ชขนาดใหญ่ของประเทศจีน โดยมีบริษัทอาลีบาบา เป็นบริษัทแม่ ดำเนินธุรกิจใน 6 ประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ ไทย เวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และฟิลลิปปินส์ 

ตามข้อมูลจาก ipricethailand.com นับตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2563 จนถึงไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 ลาซาด้ามีตัวเลขผู้เข้าไปเยือนเว็บไซต์ในประเทศไทยเกินกว่า 32 ล้านครั้ง/ไตรมาส

อ้างอิงจากเว็บไซต์ trends24 สืบค้นวันนี้ (6 พ.ค.) เวลา 18.54 น. พบว่าเมื่อ 5 ชั่วโมงที่แล้ว  #แบนลาซาด้า มีผู้ทวิตมากสุดเป็นอันดับ 5 ด้วยจำนวนทวีตประมาณ 97,000 ทวีต 

อนึ่ง แฮชแท็ก #แบนลาซาด้า ไม่ใช่แฮชแท็กเดียวกับ #BanLAZADA ที่กลุ่มปกป้องสถาบันใช้รณรงค์

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net