Skip to main content
sharethis

ศาลอาญากรุงเทพใต้อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ‘มิ้นท์ นาดสินปฏิวัติ’ คดี ม.112 จากกณีโพสต์ภาพถือป้ายวิจารณ์กระบวนการยุติธรรม โดยให้วางเงิน 2 แสน พร้อมกำหนด 4 เงื่อนไข

 

สืบเนื่องจากเมื่อ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา มิ้นท์ สมาชิกกลุ่มนาดสินปฏิวัติ ไลฟ์สดบนแพลตฟอร์มเฟซบุ๊กเพจ 'เจ๊เขียว กิโยติน' พร้อมแจ้งว่าตนถูกแสดงหมายจับในคดี มาตรา 112 จาก สน.ยานนาวา ออกโดยศาลอาญากรุงเทพใต้ และทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่าจะพาเธอไปที่ สน.ยานนาวา 

อย่างไรก็ตาม มิ้นท์ โพสต์ต่อว่า เจ้าหน้าที่กำลังนำตัวเธอไปที่สโมสรตำรวจ ซึ่งไม่ใช่ สน.ท้องที่เกิดเหตุ

5 ส.ค. 2565 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิประชาชน รายงานวันนี้ (5 ส.ค.) บนแพลตฟอร์มทวิตเตอร์ '@TLHR2014' ระบุว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา (4 ส.ค.) นักกิจกรรมกลุ่มนาดสินปฏิวัติ ถูกแจ้งข้อหา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมฯ จากกรณีโพสต์ภาพถือป้ายข้อความวิจารณ์กระบวนการยุติธรรมในคดี 112 โดยเธอยังถูกควบคุมตัวไว้ภายในกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) โดยตำรวจระบุว่าจะนำตัวไปขอฝากขังที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ในช่วงบ่ายนี้

มิ้นท์ นาดสินปฏิวัติ (ที่มา: แมวส้ม)

iLaw หรือโครงการอินเทอร์เน็ตกฎหมายเพื่อประชาชน รายงานด้วยว่า ศาลนัดไต่สวนที่ห้องพิจารณาคดี 405 ที่หน้าห้องมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเฝ้าอยู่ด้านนอก 2 คน มิ้นท์ถูกตำรวจควบคุมตัวเข้ามาที่ห้องพิจารณาคดีในเวลาประมาณ 13.50 น. โดยมีคนในครอบครัวตามมาที่ห้องพิจารณาคดีด้วยและมีทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนมาให้ความช่วยเหลือด้านกฎหมาย

ศาลเริ่มการไต่สวนเมื่อเวลา 14.00 น. พนักงานสอบสวน สน. ยานนาวาให้เหตุผลในการขออำนาจศาลฝากขังว่า การสอบสวนยังไม่แล้วเสร็จ ต้องรอสอบปากคำพยานอีกจำนวนสิบปาก รวมถึงรอผลการตรวจสอบประวัติอาชาญกรรมของผู้ต้องหา และหากปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาอาจไปกระทำการในลักษณะเดียวกันซ้ำอีก

ทนายความของมิ้นท์ขออนุญาตศาลซักค้านพนักงานสอบสวนโดยสรุปได้ว่า ในฐานะผู้ร้องพนักงานสอบสวนทราบหรือไม่ว่าสถานที่ที่ผู้ต้องหาถูกจับกุมตัวอยู่ใกล้กับบ้านพักของผู้ต้องหา พนักงานสอบสวนตอบว่าไม่ทราบ ทนายความถามต่อว่าผู้ต้องหาไม่มีพฤติการณ์หลบหนีใช่หรือไม่ พนักงานสอบสวนตอบว่าไม่ทราบ ทนายความถามว่า ผู้ต้องหาไม่ได้ก่อความวุ่นวายใช่หรือไม่ พนักงานสอบสวนตอบว่าไม่ทราบ 

ทนายความถามว่า ผู้ต้องหาไม่ได้ทำลายหรือทำให้พระบรมฉายาลักษณ์เสียหายใช่หรือไม่ พนักงานสอบสวนดูตามภาพที่ผู้ต้องหาโพสต์แล้วตอบว่าใช่ ทนายความถามว่าพนักงานสอบสวนเป็นผู้กล่าวหาผู้ต้องหาใช่หรือไม่ พนักงานสอบสวนตอบว่าไม่ใช่ โดยมีชายชื่อปิยกุล ไม่ทราบนามสกุล ซึ่งเป็นประชาชนทั่วไปเป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษผู้ต้องหาต่อพนักงานสอบสวน แต่รายละเอียดจะเป็นอย่างไรเขาไม่ทราบเพราะไม่ใช่ผู้สอบปากคำผู้กล่าวหา 

พนักงานสอบสวนตอบทนายความอีกว่า เขาไม่ทราบว่าผู้ต้องหาถูกดำเนินคดีที่ศาลอาญาธนบุรีและศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว แต่เขาทราบว่าคดีของผู้ต้องหายังไม่มีคำพิพากษาเป็นที่สุด ในส่วนของการตรวจค้นโทรศัพท์มือถือ พนักงานสอบสวนตอบทนายว่าไม่มีหมายค้าน แต่ใช้อำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 85 ซึ่งอนุญาตให้ค้นตัวผู้ต้องหาและยึดสิ่งของต่างๆ ที่อาจใช้เป็นพยานหลักฐานในการยึด 

พนักงานสอบสวนตอบทนายความด้วยว่าคดีนี้ทางตำรวจไม่เคยออกหมายเรียกผู้ต้องหามาก่อน และยอมรับว่าแม้ผู้ต้องหาจะได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวหรือศาลไม่รับคำร้องขอฝากขัง พนักงานสอบสวนยังสามารถสอบปากคำพยานคนอื่นๆ ได้ ส่วนพยานทั้งสิบคนจะเป็นใครบ้างพนักงานสอบสวนยังไม่ทราบ และยอมรับว่าแม้ผู้ต้องหาจะได้รับการปล่อยตัวก็ไม่สามารถไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐานได้

หลังการไต่สวนทนายความยื่นเอกสารประวัติการรักษาโรคลิ้นหัวใจรั่วของผู้ต้องหาต่อศาลเพื่อให้ศาลนำไปประกอบการวินิจฉัยฃ

การไต่สวนแล้วเสร็จในเวลา 15.20 น. หลังการไต่สวน ศาลเดินออกจากห้องพิจารณาคดีไปเพื่อทำคำสั่ง ก่อนจะกลับเข้ามาอีกครั้งในเวลา 15.47 น. และอ่านคำสั่งซึ่งสรุปได้ว่า 

พิเคราะห์เหตุตามคำร้องขอฝากขังและคำคัดค้านของทนายผู้ต้องหาแล้ว เห็นว่า คดีนี้พนักงานสอบสวน ผู้ร้องยืนยันว่าการสอบสวนจำเป็นจะต้องสอบปากคำพยานจำนวนสิบปากและรอผลการตรวจสอบประวัติพิมพ์ลายนิ้วมือของผู้ต้องหา อันเป็นกรณีการสอบสวนยังไม่แล้วเสร็จ กรณีมีเหตุจำเป็น อนุญาตให้ฝากขังเป็นเวลา 12 วันพร้อมกำชับพนักงานสอบสวนให้รีบสอบสวนให้แล้วเสร็จ หลังศาลอนุญาตให้ฝากขัง ทนายของมิ้นท์ดำเนินการยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวและในเวลา 16.48 น.

จนกระทั่งเวลา 17.00 น. ศูนย์ทนายฯ รายงานเพิ่มว่า มิ้นท์ ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว โดยวางเงิน 2 แสนบาท จากกองทุนราษฎรประสงค์ พร้อมกำหนด 4 เงื่อนไข ได้แก่ 1. ห้ามกระทำการในลักษณะเดียวกับที่ถูกกล่าวหา 2. ห้ามขัดขวางกระบวนการสอบสวนของ พนง.สอบสวน 3. ห้ามออกนอกเคหสถาน 19.00-06.00 น. ของอีกวัน และ 4. ห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร ลงนามคำสั่งโดย สันติ ชูกิจทรัพย์ไพศาล รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญากรุงเทพใต้

การดำเนินคดีมิ้นท์ นาดสินปฏิวัติ เป็นกรณีสืบเนื่องจากเมื่อ 3 ส.ค.ที่ผ่านมา เพจเฟซบุ๊กศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน ไลฟ์สดบนเฟซบุ๊ก ปรากฏภาพว่ากลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน หรือ ศปปส. นำโดย นพคุณ ทองถิ่น รองประธาน ศปปส. และ ระพีพงษ์ ชัยยารัตน์ ผู้ประสานงาน ศปปส. เดินทางมาที่ สน.ยานนาวา เกี่ยวกับเรื่องของมิ้นท์ นาดสินปฏิวัติ แต่ไม่ระบุว่าเกี่ยวกับเรื่องอะไร เพียงแค่ระบุว่าพรุ่งนี้ (4 ส.ค.) จะมีการดำเนินคดีกับมิ้นท์ อย่างแน่นอน เป็นผลให้เมื่อวันที่ 4 ก.ค. 2565 มีการออกหมายจับ และตำรวจเดินทางมาจับมิ้นท์ ที่ห้องพัก

สำหรับคดีนี้ นับเป็นคดีตามมาตรา 112 คดีที่ 2 ของมิ้นท์ หลังจากที่ก่อนหน้านี้เธอเคยถูกดำเนินคดีจากการร่วมกิจกรรม "ใครฆ่าพระเจ้าตาก" ในเมื่อวันที่ 6 เม.ย. 2565 บริเวณอนุสาวรีย์พระเจ้าตากสิน วงเวียนใหญ่ ซึ่งตรงกับวันจักรี โดยคดีแรกของเธออัยการเพิ่งมีคำสั่งฟ้องต่อศาลอาญาธนบุรีไปเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (1 ส.ค.) 

คดีแรกเธอถูกกล่าวหาร่วมกับพวกอีกสองคนว่าได้ร่วมกันปราศรัยที่เป็นการใส่ความรัชกาลที่ 1 และรัชกาลที่ 10 ในราชวงศ์จักรี ต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้กษัตริย์ทั้งสองพระองค์เสื่อมเสียพระเกียรติ เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น และถูกเกลียดชัง ทั้งเป็นการดูหมิ่นกษัตริย์ทั้งสองพระองค์ อันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย 

อย่างไรก็ตาม ตำรวจจาก สน.บุปผาราม ยื่นขอให้ศาลอาญาธนบุรีถอนประกันในชั้นสอบสวนและศาลได้นัดไต่สวนไปเมื่อวานนี้ (3 ส.ค.) ซึ่งเหตุที่ตำรวจเอามาอ้างใช้ถอนประกันเป็นการไปร่วมกิจกรรม "ทวงคืนพลังงานให้ประชาชน" เมื่อ 3 ก.ค. 2565 แต่ศาลเห็นว่า คดีฟ้องต่อศาลแล้วทำให้การประกันตัวชั้นสอบสวนสิ้นสุดลงไป จึงไม่ต้องพิจารณา อย่างไรก็ตาม ศาลยังคงอนุญาตให้เธอได้ประกันตัวในชั้นพิจารณาต่อไปโดยต้องวางหลักทรัพย์รวม 300,000 บาท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net