Skip to main content
sharethis

ครม.ชิงออกกฎกระทรวง “ปลดล็อกทิพย์” การอนุญาตผลิตสุรา ตัดหน้าการประชุมสภาพิจารณาร่าง พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า เพียง 1 วัน แล้วพรรคร่วมรัฐบาลก็รวมหัวคว่ำไปตามคาด แม้ ส.ส.บางส่วนอึกอัก ไม่อยากถูกประจานด้วยการขานชื่อ รอเรียกชื่อครบแล้วโผล่หัวมาโหวตตามหลัง

เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร บอกว่า “เสียเหลี่ยมผู้เฒ่าทำเนียบ” ไม่ใช่หรอก แพ้วิชามารต่างหาก ฉลาดเปี่ยมเหลี่ยมคูอย่างไรก็แพ้พวกหน้าด้าน ฉกฉวยปล้นชิง ใช้ปืนปล้นอำนาจ

“ปล้นผลงาน” ก็ไม่ใช่อีก ประยุทธ์อยู่มา 8 ปีกว่า รัฐบาลสืบทอดอำนาจ 3 ปีกว่า ไม่เห็นมีใครเคยคิดแก้กฎกระทรวง เอื้อโอกาสผู้ผลิตเหล้าเบียร์รายย่อย จนกระทั่งพรรคก้าวไกลเสนอร่าง พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า แล้วทำท่าจะต้านไม่ไหว ส.ส.ฐบาลถูกกดดันต้องโหวตผ่านวาระแรก จึงต้องใช้วิชามาร ออกกฎกระทรวง “ปลดล็อกทิพย์” ให้เศษขนมปัง พอเป็นข้ออ้างให้ ส.ส.รัฐบาล โหวตคว่ำ

เออ ถ้าจริงจังจริงใจกว่านี้หน่อย ครม.ก็น่าจะตื่นตัวตั้งแต่กฎหมายเข้าสภาวาระแรก ชวนพรรคก้าวไกล-ผู้ประกอบการ ไปหารือยกร่างกฎกระทรวงใหม่ ไม่ใช่จู่ๆ ชิงตัดหน้า 1 วัน

จะอ้างผลงานอะไร เห็นอยู่ชัดๆ ว่าถ้าพรรคก้าวไกลไม่เสนอกฎหมาย และทำท่าว่าจะผ่าน รัฐบาลก็ไม่มีทางแก้กฎกระทรวง ฉะนั้นถ้ากฎกระทรวงมีข้อดีอยู่บ้าง ก็เป็นความดีความชอบของพรรคก้าวไกล ในทางตรงข้าม การเรียกร้องขนมปังทั้งแถวแล้วให้แค่เศษแค่เปลือก คือความอุบาทว์อัปลักษณ์

อย่าอ้างแบบธนกรว่าร่าง พ.ร.บ.พรรคก้าวไกล “เสรีเกินไป เป็นดาบสองคม” เพราะร่างที่เข้าสภาวาระ 2-3 ผ่านกรรมาธิการมาแล้ว ใครเป็นเสียงข้างมากในกรรมาธิการ รัฐบาลนั่นไง อนุชา นาคาศัย เป็นประธาน รองอธิบดีกรมสรรพสามิตก็เป็นกรรมาธิการ จึงเป็นร่างกฎหมายที่ผ่านการกลั่นกรองแล้ว

และอย่าอ้างศีลธรรม สุราเมรยมัชชปมา ทีกัญชาปลูกได้บ้านละ 15 ต้น คนอะไรเอาแต่ได้ พรรคกัญชาเสรีไม่โหวตให้สุราก้าวหน้าสักคน แต่หวังว่าพรรคก้าวไกลจะคำนึงถึงผลประโยชน์ประชาชน โหวตผ่านกฎหมายกัญชา (ถ้าไม่โหวตคงโดนด่าว่าเอาความแค้นเป็นใหญ่)

คว่ำสุราก้าวหน้า ยิงนกพร้อมกัน 3 ตัว หนึ่ง ปกป้องเจ้าสัว เพราะกฎกระทรวง “ปลดล็อกทิพย์” วางเงื่อนไขจุกจิก ต้องทำ EIA ต้องตัวลีบในโอวาท 1 ปี กว่าจะทำได้จริงอาจต้องใช้เวลา 4 ปีโดยมี ค่าใช้จ่ายยุบยิบ

สอง ปกป้องและเพิ่มอำนาจรัฐราชการ ในการให้อนุญาต ในการใช้ดุลพินิจ ทั้งสรรพสามิต สิ่งแวดล้อม ใบอนุญาตโรงงาน ซึ่งรู้กันว่าราชการไทยยิ่งให้อำนาจใช้ดุลพินิจยิ่งมุดใต้โต๊ะ

สาม ความอิจฉาตาร้อนของพรรคการเมือง ยอมไม่ได้ที่จะให้พรรคก้าวไกลพรรคฝ่ายค้านสร้างผลงาน

ในทางการเมือง แหงละว่าพรรคร่วมรัฐบาลไม่สามารถบิดเบือน “ปล้นผลงาน” อ้างกฎกระทรวงปลดล็อกแทนสุราก้าวหน้า ไม่สามารถกลบเกลื่อนความอุบาทว์อัปลักษณ์ “วิชามาร” ขณะที่ความโกรธแค้นแทนพรรคก้าวไกลพรรคฝ่ายค้านปะทุท่วมท้น

แต่มันก็ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกกับการฉกฉวยปล้นชิง ตีมึน หน้าด้าน แล้วหวังเอาชนะด้วย 250 ส.ว.กับการเมืองอุปถัมภ์ เชื่อว่าชาวบ้านจะเลือก ส.ส.พรรคตนจากการเอางบประมาณ ลงพื้นที่+เป็นบ้านใหญ่ที่ดูแลยันงานบวชงานศพ

ในสังคมไทยที่ฉาบฉวยทางปัญญา คนเฮโลสาระพา “โหน กระแส” ไปวันๆ รัฐบาลนี้ก็ใช้ propaganda อวดอ้าง ฉกชิงผลงาน ขายข่าวจัดอันดับคลองโอ่งอ่าง หรือออกข่าวแบบ “ประยุทธ์ปลื้ม UN ชื่นชมไทย ใช้ พ.ร.บ.ป้องกันซ้อมทรมาน-อุ้มหาย” ทั้งที่กว่าจะออกกฎหมายได้ ภาคประชาสังคมผลักดันกันแทบตาย จนได้ทั้งฉันทามติสังคม และแรงกดดันจากนานาชาติ สุดท้ายกลายเป็นผลงานประยุทธ์?

“นายกฯปลื้ม” “นายกฯสั่ง” เป็นข่าวที่ออกซ้ำๆ ตามวิทยุโทรทัศน์ ในความเป็นจริง “นายกฯปลื้ม” แปลว่าฉกชิงผลงาน เช่นปลื้มตัวเลขส่งออก ท่องเที่ยว ทั้งที่ภาคธุรกิจดิ้นรนเอง ปลื้มศิลปิน ปลื้มนักกีฬา ห้อยโหนคนมีชื่อเสียง ราวกับว่าตัวเองมีส่วนในความสำเร็จ

“นายกฯ สั่ง” แปลว่าบริหารประเทศล้มเหลว เป็นนายกฯ 8 ปียังขึงขังสั่งการปราบยาเสพติด ปราบคอร์รัปชั่น รัฐราชการใต้ระบอบประยุทธ์เลวร้ายตกต่ำ ทำไมแก๊งคอลเซ็นเตอร์อ้างตัวเป็นตำรวจ เป็น ปปง. ป.ป.ส. ดีเอสไอ ฯลฯ หลอกคนได้ ก็เพราะคนไทยไม่เชื่อถือกระบวนการยุติธรรม เชื่อว่ามีการยัดข้อหารีดทรัพย์รับสินบน ยอมจ่ายดีกว่าเดี๋ยวเดือดร้อน

ขณะที่ผลงานจริงของระบอบประยุทธ์ ก็เช่นมติ กสทช. “รับทราบ” ควบรวมทรูดีแทค แล้วอ้างว่านายกฯ สั่งองค์กรอิสระไม่ได้ ทั้งที่ประยุทธ์ประวิตรเป็นคนคัดเลือก 250 ส.ว. แล้ว 250 ส.ว.นั่นแหละเลือก กสทช. ซึ่งตัวประธานก็เป็น สนช.รัฐประหารมาก่อน

ผลงานจริงยังได้แก่กฎกระทรวงปลดล็อกต่างชาติซื้อที่ดิน อันนี้ของจริงไม่ใช่ทิพย์ เพราะหากลำดับความเป็นมา รัฐบาลชวนปี 2542 แก้กฎหมายตามเงื่อนไข IMF โดนด่า “กฎหมายขายชาติ 11 ฉบับ” ปี 2545 รัฐบาลทักษิณออกกฎกระทรวง โดนด่า ขายชาติเหมือนกัน แต่ตั้งเงื่อนไขยุบยิบจนมีคนซื้อได้จริงไม่กี่ราย รัฐบาลนี้อยากได้คนต่างชาติจนตัวสั่น เลยปลดล็อกอีกครั้งให้ซื้อที่ดินได้ง่ายสุด

พอโดนด่าจากกระแสชาตินิยม ก็โบ้ยโน่นนี่ แบะท่าแก้ได้ แต่ไม่แก้เงื่อนไขความเหลื่อมล้ำ

รัฐบาลนี้เป็นจุดเสื่อมสุดของระบอบการปกครอง เพราะด้านหนึ่งอยู่บนอำนาจรัฐประหาร มีปืนมีกฎหมาย มี 250 ส.ว.โหวตนายกฯ อีกด้านอยู่บนฐานนักการเมืองทราม บ้านใหญ่อุปถัมภ์ ฝนตกไหลมารวมกันแสวงผลประโยชน์

เพราะเหตุนี้ จึงฉกฉวยปล้นชิงโดยไม่กริ่งเกรงใคร

 

ที่มา: ข่าวสดออนไลน์ www.khaosod.co.th/politics/news_7347544


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net