กษัตริย์มาเลเซียจ่อใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญเลือกนายกฯ หลังผ่านการเลือกตั้งทั่วไป ครั้งที่ 15 มา 4 วันแล้ว ยังไม่มีพรรคไหนสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ด้านแนวร่วม 'เปอริกาตันเนชันนัล' ของ 'มุห์ยิดดิน' ปฏิเสธข้อเสนอตั้ง 'รัฐบาลเอกภาพ' กับ 'อันวาร์'

23 พ.ย. 2565 สำนักข่าวสิงคโปร์ ‘แชนแนลนิวส์เอเชีย’ หรือ CNA และสำนักข่าวตะวันออกกลาง ‘อัลจาซีรา’ รายงานวันนี้ (23 พ.ย.) สมเด็จพระราชาธิบดี สุลต่านอับดุลละฮ์ รีอายาตุดดิน อัลมุซตาฟา บิลละฮ์ ชะฮ์ ผู้ดำรงตำแหน่งยังตีเปอตวนอากง คนที่ 15 ประมุขแห่งสหพันธรัฐมาเลเซียคนปัจจุบัน กำลังตกเป็นเป้าความสนใจจากหลายฝ่าย หลังพระองค์จะทรงเลือกด้วยตัวเองว่าใครเหมาะสมจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป หลังการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ 15 หรือ GE15 ผ่านมากว่า 4 แล้ว แต่ยังไม่มีพรรคการเมืองไหนสามารถรวบรวมเสียงข้างมาก เพื่อจัดตั้งรัฐบาลได้  

สุลต่านอับดุลละฮ์ ประมุขมาเลเซียองค์ปัจจุบัน

สุลต่านอับดุลละฮ์ กล่าวเมื่อวันที่ 22 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า เขาจะตัดสินใจเลือกนายกรัฐมนตรีเร็วๆ นี้ โดยจะเลือกจากหัวหน้าพรรคการเมืองที่ชนะมากที่สุด 2 อันดับแรก ได้แก่ แนวร่วมพันธมิตรแห่งความหวัง หรือ ปากาตัน ฮาราปัน (PH) โดยมีนายอันวาร์ อิบราฮิม เป็นหัวหน้าพรรค PKR และหัวหน้าแนวร่วม ขณะที่อีกพรรคหนึ่งคือ แนวร่วมเปอริกาตันเนชันนัล หรือ PN ซึ่งมีนายมุห์ยิดดิน ยัซซีน เป็นหัวหน้าพรรคเบอร์ซาตู และหัวหน้าแนวร่วม 

ครั้งนี้จะเป็นครั้งที่ 3 ที่สุลต่านมาเลเซียจะเลือกนายกรัฐมนตรีในช่วงเวลาภายใน 2 ปี แต่เป็นครั้งแรกที่ประมุขแห่งมาเลเซียต้องเลือกนายกฯ หลังการเลือกตั้งทั่วไป

ใครคือยังตีเปอตวนอากงคนปัจจุบัน?

สุลต่านอับดุลละฮ์ ครองบัลลังก์ประมุขแห่งมาเลเซีย ตั้งแต่ปี 2562 ขณะที่พระชนมายุ 59 พรรษา โดยเป็นกษัตริย์องค์ที่ 16 นับตั้งแต่มาเลเซียได้รับเอกราชจากจักรวรรดิอังกฤษ เมื่อปี 2500

สำหรับมาเลเซียมีรัฐธรรมนูญที่แตกต่างจากประเทศอื่นๆ ที่กษัตริย์จะได้รับเลือกจากราชวงศ์ของ 9 รัฐ ตามลำดับ ได้แก่ เกดะห์ กะลันตัน ตรังกานู เปรัก ปะหัง สะลังงอร์ เนกรีเซมบีลัน ยะโฮ์ และปะลิส โดยแต่ละรัชกาลมีวาระตำแหน่ง 5 ปี

สุลต่านอับดุลละฮ์ ได้กลายเป็นกษัตริย์ หลังการสละราชสมบัติของประมุของค์ก่อนหน้าอย่างน่าประหลาดใจ 

CNA ระบุว่า สุลต่านอับดุลละฮ์ เป็นเจ้าผู้ครองรัฐปะหัง ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกของประเทศมาเลเซีย ได้รับความนิยมจากภาพลักษณ์ที่เรียบง่ายในช่วงเริ่มต้นรัชสมัยของพระองค์ หลังจากที่มีภาพปรากฏว่าพระองค์กำลังต่อคิวเพื่อซื้ออาหารที่ร้าน KFC และเคยช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุบนทางหลวง

 

 

 

 

View this post on Instagram

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

A post shared by ISTANA NEGARA (@istana_negara)

สำนักข่าวสิงคโปร์ ระบุด้วยว่า สุลต่านอับดุลละฮ์ เป็นนักกีฬาตัวยง โดยเคยเป็นตัวแทนของรัฐในงานแข่งขันกีฬาฟุตบอลในช่วงสมัยเด็ก และเคยดำรงตำแหน่งสมาชิกคณะกรรมการบริหารฟีฟ่า และประธานสหพันธ์ฮ็อกกีแห่งเอเชีย

เรื่องปกติที่กษัตริย์มาเลเซียจะต้องเป็นคนเลือกนายกฯ?

CNA ระบุต่อว่า ไม่ใช่เรื่องปกติกษัตริย์มาเลเซียจะเป็นผู้เลือกนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ภายใต้ระบบรัฐสภา

แต่รัฐธรรมนูญมาเลเซียได้มอบอำนาจให้กับกษัตริย์ในการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถควบคุมเสียงข้างมากในรัฐสภาได้

ทั้งนี้ กษัตริย์มาเลเซียไม่ค่อยใช้อำนาจนี้เท่าใดนัก แต่ความไม่มีเสถียรภาพทางการเมืองเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้สถาบันกษัตริย์ต้องเป็นคนเลือกผู้นำประเทศ

สถาบันกษัตริย์มีบทบาทต่อการเมืองมาเลเซียมากขึ้นช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ท่ามกลางความไม่มีเสถียรภาพของแนวร่วมแห่งชาติ หรือ BN ซึ่งมีพรรคองค์การมลายูรวมแห่งชาติ หรือ UMNO เป็นหัวหอก

สำหรับพรรค UMNO เป็นรัฐบาลมานานกว่า 60 ปี นับตั้งแต่มาเลเซียได้รับเอกราช จนกระทั่งพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งทั่วไป ครั้งที่ 14 หรือ GE14 ให้กับพันธมิตรแห่งความหวัง หรือ PH หลังนายนาจิบ ราซัค อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกดำเนินคดีจากการทุจริตโครงการ 1MDB 

ชะตานายกฯ ภายใต้การเลือกของกษัตริย์มาเลเซียก่อนหน้านี้

สุลต่านอับดุลละฮ์ เป็นผู้เลือกนายกรัฐมนตรี 2 คนก่อนหน้านี้ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ต้องเลือกนายกฯ หลังมีการเลือกตั้งทั่วประเทศ และมาเลเซียกำลังตกอยู่ในสภาวะ ‘รัฐสภาแขวน’ หรือไม่มีพรรคใดพรรคหนึ่งสามารถรวบรวมเสียงข้างมากเพื่อจัดตั้งรัฐบาลได้ 

ก่อนหน้านี้ กษัตริย์มาเลเซียเคยแต่งตั้งให้ มุห์ยิดดิน ยัซซีน เป็นนายกฯ เมื่อ ก.พ. 2563 หลังจากเกิดเหตุการณ์ความแตกแยกภายในพรรคเบอร์ซาตู และนายมหาธีร์ มูฮัมหมัด ต้องลาออกจากการเป็นนายกฯ 

กษัตริย์มาเลเซีย ใช้ขั้นตอนที่ผิดปกติในการประชุมผู้แทนราษฎรของรัฐสภามาเลเซีย หลังการลาออกของมหาธีร์ เพื่อกำหนดว่าใครได้เสียงส่วนมากในการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งท้ายที่สุด พระองค์ทรงเลือกมุห์ยิดดิน ยัซซีน  

อย่างไรก็ตาม ไม่ถึง 1 ปี รัฐบาลผสมภายใต้การนำของมุห์ยิดดีน ยัซซีน ก็ล่มสลายลง และกษัตริย์ขอให้ ส.ส. จำนวน 222 คน ส่งจดหมายเพื่อแสดงเจตจำนงว่าจะสนับสนุนใครเป็นนายกฯ คนต่อไป และได้เลือกให้ อิสมาเอล ซาบรี ยาคอบ เป็นนายกฯ ก่อนซาบรี ตัดสินใจยุบสภา 10 ต.ค.ที่ผ่านมา และนำมาสู่การเลือกตั้งครั้งที่ 15

กษัตริย์ เรียก ส.ส. แนวร่วม BN ประชุม

ทั้งนี้ เมื่อ 22 พ.ย. 2565 กษัตริย์เรียกนายอันวาร์ อิบราฮิม และมุห์ยิดดิน ยัซซีน เข้าเฝ้าพร้อมกัน เพื่อหารือเรื่องการตั้งรัฐบาล

โดยมุห์ยิดดิน กล่าวว่า “กษัตริย์เสนอให้เขาและอันวาร์ ควรตั้งรัฐบาลเอกภาพร่วมกัน แต่เขาไม่เห็นด้วย”

อันวาร์ อิบราฮิม หัวหน้าพรรค PKR เมื่อ 23 พ.ย. 2565 (ที่มา: เฟซบุ๊ก Anwar Ibrahim)

วันนี้ (23 พ.ย.) สุลต่านอับดุลละฮ์ เรียกให้ ส.ส. จากพรรคพันธมิตรแนวร่วมแห่งชาติ ของอัมโน และพรรค GPS จากรัฐซาราวัก เข้าร่วมประชุม เพื่อหาทางออกเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล อย่างไรก็ตาม มีเพียงแค่ 3 ผู้นำพรรค BN เข้าไปในพระราชวังเท่านั้น 

สถานะของพรรค BN ถือว่าได้ผลการเลือกตั้งแย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่ยังคงมีบทบาทสำคัญต่อการจัดตั้งรัฐบาล เนื่องจากว่าหากทาง BN สนับสนุนใครก็ตาม พรรคนั้นจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ทันที 

ท้ายที่สุด ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีจะประสบกับวิกฤตเสถียรภาพทางการเมือง ซึ่งประเทศกำลังเผชิญในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา 

ทั้งนี้ นิเคอิเอเชีย สำนักข่าวสัญชาติญี่ปุ่น รายงานว่า ทางสุลต่านอับดุลละฮ์ จะประชุมกับสุลต่านจากรัฐอื่นๆ เพื่อขอความเห็นในเรื่องการแต่งตั้งนายกฯ ในเวลา 10.30 น. ขณะที่พรรคอัมโนระบุว่า จะสนับสนุน "ข้อตกลงแห่งความหวัง" (Hope Pact) ให้ นายอันวาร์ อิบราฮิม เป็นนายกรัฐมนตรี 

สำหรับผลการเลือกตั้งทั่วไปมาเลเซียครั้งที่ 15 หรือ GE ซึ่งปิดเมื่อ 19 พ.ย.ที่ผ่านมานั้น ขั้วการเมืองที่ได้คะแนนเสียงมากที่สุด คือ ‘พันธมิตรแห่งความหวัง’ หรือ PH นำโดยอันวาร์ อิบราฮิม หัวหน้าพรรค PKR (People’s Justice Party) ด้วยจำนวน ส.ส. 82 ที่นั่ง 

รองลงมาเป็น พรรคเปอริกาตันเนชันนัล หรือ PN ได้ 73 ที่นั่ง ตามมาด้วย แนวร่วมแห่งชาติ หรือ BN ได้ 30 ที่นั่ง พรรค GPS จากรัฐซาราวัก ได้ 22 ที่นั่ง และพรรค GRS จากซาบาห์ ได้ 6 ที่นั่ง