Skip to main content
sharethis

'ธนินท์ เจียรวนนท์' ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์เศรษฐกิจไทย-เศรษฐกิจโลกปี 2566 แนะรัฐบาลชวนทั่วโลกมาลงทุน มองเรื่องกฎหมายให้ต่างชาติซื้อที่ดิน "ถ้าเขามาซื้อเราไม่จำเป็นบังคับให้เขาอยู่ตลอดไป อย่างน้อยเขาต้องจ้างคนไทยช่วยดูแลบ้าน เขาเอาบ้านนี้กลับไปไม่ได้ ไม่ทำให้เราเสียหายอะไร ถ้าไม่ได้มาอยู่นี่ แต่เงินเขาให้เราไปแล้ว" - เลขา ครป. โต้ ให้คนไทยเป็นคนใช้ดูแลบ้าน ห่วงต่างชาติถือครองแผ่นดินไทยเกินครึ่ง 


ธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ (แฟ้มภาพ CP E-NEWS)

4 ธ.ค. 2565 มติชนออนไลน์ ได้เผยแพร่บทสัมภาษณ์นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ ให้สัมภาษณ์สื่อในรอบ 1 ปี ถึงสถานการณ์เศรษฐกิจไทย-เศรษฐกิจโลกปี 2566 ระหว่างร่วมการประชุมสัมมนา Forum for World Education 2022 ภายใต้แนวคิด “เศรษฐกิจเปลี่ยน การศึกษาปรับ รับแนวโน้มอนาคต” ณ สถาบันผู้นำเครือเจริญโภคภัณฑ์ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 2565

ประเมิน ศก.ปี 2566 และข้อเสนอต่อรัฐบาล

ตอนนี้ถ้าผมดูภาพรวมเศรษฐกิจผมชอบมองในแง่ดี ผมเคยพูดถ้าโควิด-19 หยุดเมื่อไหร่ทุกอย่างจะฟื้น เหตุผลเพราะว่ายังไงสถานีรถไฟ สนามบิน เครื่องบิน ท่าเรือ ไม่ได้ถูกทำลายเหมือนสงครามโลกครั้งที่ 2 พอสถานการณ์โควิดหยุดน่าจะเข้าสู่ปกติ แต่ไม่ใช่ มันนานเกินไป ปีหนึ่งน่าจะจบ กลายเป็น 2 ปีกว่า ยังเจอการเมืองที่คาดไม่ถึง เจอโลกร้อน น้ำท่วม ปัญหาร้อน ปัญหาหนาว สงครามรบกัน เลยมาทับถม แต่กลายเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย ทั่วโลกกลับมาสนใจอาเซียน และประเทศไทยน่าจะเป็นศูนย์กลางของอาเซียน นี่โอกาสมาแล้ว แต่อยู่ที่รัฐบาลไทยจะช่วยทำยังไง จะรัฐบาลชุดเดิม รัฐบาลชุดใหม่ เข้าใจว่าโอกาสแบบนี้อาจจะพันปีเจอครั้งหนึ่ง จะฉวยโอกาสแบบนี้ได้อย่างไร ฝนตกมีอะไรไปรองรับน้ำในหลังคา หรือปล่อยให้น้ำไหลทิ้งไปเฉยๆ ถ้ารัฐบาลฉวยโอกาสตรงนี้ ออกเงื่อนไขต่างๆ เพื่อดึงดูดต่างประเทศเข้ามาลงทุน

พอเจอคนโจมตีว่าขายชาติ ขายที่ดิน คนมีความรู้ เราต้องการเขามาลงทุนเมืองไทย คุณมาชั่วคราว มาทำธุรกิจชั่วคราว จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติได้อย่างไร ที่ดิน 105 ล้านไร่เฉพาะเพาะปลูก จะไปขายกี่มากน้อย เขาจะนำกลับไปบ้านเขาได้มั้ย ก็ไม่ได้ เขาเอาเงินมาลงทุน ซื้อที่ ซื้อบ้านปักหลัก มันดีกว่าท่องเที่ยวอีก ท่องเที่ยวมาแล้วก็กลับ แต่นี่เขามาลงทุน มาสร้างประโยชน์ สร้างงาน สร้างเงิน พอจะซื้อบ้านก็ไม่ได้ คุณเป็นต่างชาติ ลำบากครับเมืองไทย ไม่เข้าใจ หวังดี แต่หวังดีต่อประเทศกลับทำให้ประเทศเสียหายถ้าถามผมปีหน้าต้องดีกว่าปีนี้แน่นอน เพราะโควิด-19 เป็นเรื่องปกติไปแล้ว ติดง่ายก็หายง่าย อันตรายน้อย

มุมมองต่อนักเศรษฐศาสตร์เตือนปีหน้าเผาจริง

ผมคิดว่าไม่ใช่ เผาจริงคือปีนี้ เพราะเราเริ่มเปิดประเทศ แต่จะดีแค่ไหน ดีมาก ดีน้อย อยู่ที่นโยบายรัฐบาลเอื้อให้ทั่วโลกมาลงทุน ยกตัวอย่างถ้าวันนี้ผมเป็นรัฐบาล ผมจะกระตือรือร้นไปชักชวนทั้งยุโรป คนรัสเซีย ซึ่งคนรัสเซียก็อยากจะออกจากประเทศ เพราะกำลังรบกัน คนยุโรปหนีหนาว เสียเงินมาเที่ยวเมืองไทย อย่างดูไบที่เขายังนิดเดียว พอรัสเซียกับยูเครนรบกัน ดูไบไปเชิญคนรัสเซียมาซื้อบ้าน มาอยู่ถาวรเลย เรากระตือรือร้นที่จะทำหรือเปล่า เราก็ปล่อยโอกาสนี้ผ่านไป

ทั่วโลกบอกว่าสตาร์ตอัพชอบอยู่เมืองไทย ถ้าเราได้ข่าวแบบนี้แล้ว ทำไมเราไม่เอื้อให้กฎหมายเอื้อคนสตาร์ตอัพมาทำงานในเมืองไทย ให้เข้ามาง่าย สะดวก เราบอกว่าขาดคนเก่งคนเก่งทั่วโลกจะมา 5 ล้านคน มาทำงานในเมืองไทย มาสร้างงานสัก 1 คน ก็ 5 ล้านคนที่เก่งๆ เขาอาจจะได้เงินจากอเมริกา ยุโรปแต่มาใช้ชีวิตในประเทศไทย ดีกว่าท่องเที่ยวอีก มาคนเดียวมาใช้จ่าย สร้างงาน สร้างกำไร สร้างเศรษฐกิจให้กับประเทศไทยคนหนึ่งผมคิดแล้วมากกว่าเราเอาท่องเที่ยวมา 10 คน

ถ้าเราสร้างคนจบมหาวิทยาลัย ต้องสร้าง 10 ปี ถึงจะได้ 4 ล้านคน ทำไมเราไม่คิดบวก เขาไม่มาแย่งงานเราหรอก งานแบบนี้คนไทยทำไม่เป็น ทำไมเราไม่ดึงคนเก่งมาช่วยทำงาน เราขาดคนแล้ว เข้าสู่ยุคคนแก่แล้ว เราสร้างคนไม่ทัน ทำไมไม่ดึงคนที่เขาสร้างมาให้เรียบร้อย มีผลงานมาใช้ชีวิตในเมืองไทย มาสร้างงาน ทำกำไรให้กับคนไทย ไปบอกว่าถ้าเขาจะซื้อบ้านอยู่นี่ว่าขายชาติได้ยังไง เขาเอาที่กลับไปบ้านได้ไหม ขอถามสิ เขายกที่ 1 ไร่กลับบ้านได้ไหม เขาเอาเงินมาก็เป็นของไทยแล้ว ผมคิดว่าโอกาสอยู่ที่นโยบายรัฐบาลกล้าทำอะไรที่ถูกต้อง หรือไม่กล้าทำ

มองเรื่องกฎหมายให้ต่างชาติซื้อที่ดิน

ถ้าเขามาซื้อเราไม่จำเป็นบังคับให้เขาอยู่ตลอดไป อย่างน้อยเขาต้องจ้างคนไทยช่วยดูแลบ้าน เขาเอาบ้านนี้กลับไปไม่ได้ ไม่ทำให้เราเสียหายอะไร ถ้าไม่ได้มาอยู่นี่ แต่เงินเขาให้เราไปแล้ว แต่ถ้าหากเอื้อความสะดวก เมืองไทยคนมาอยู่แล้วติดใจ ไม่อยากไปไหน ไม่ว่าชาติไหน ที่ผมสัมผัสเขาอยู่เมืองไทย 1-2 ปี ก็ไม่อยากกลับประเทศเขา เพราะคนไทยยิ้มแย้มแจ่มใส อัธยาศัยดี ต้อนรับคนต่างชาติ ไม่ได้ดูถูก ไม่กีดขวาง กฎหมายก็อย่าเขียนจนไม่อยากให้คนมาซื้อบ้าน ซื้อที่ เรามีที่อีกเยอะที่เป็นเงินและรัฐบาลได้เงินเหล่านี้ไปพัฒนาธุรกิจอีกเยอะ เราอาจจะจำกัดที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซีก่อน มีที่เหลืออีกมาก ซื้อไม่หมดหรอก

ควรปลดล็อกนโยบายการดึงดูดต่างชาติ

จริงๆ แล้วเราไม่ต้องไปคิดเอาเอง ไปรีเสิร์ชดูว่าสตาร์ตอัพชอบไปที่ไหน ทำไมเขาชอบไป ประเทศนั้นเขามีกฎเกณฑ์อะไร ก๊อบปี้มาเลยและเสริมให้ดีกว่า เพราะเขาอยากจะมาอยู่เมืองไทยอยู่แล้ว เราไปดูว่าสิงคโปร์ใช่มั้ย อเมริกาใช่มั้ย ทำไมเขาชอบอยู่ หรือถามว่าย้ายมาทำงานเมืองไทยมีเงื่อนไขยังไง เราอย่าคิดเอาเอง ถามคนที่อยากจะมา ไปถามประเทศที่สตาร์ตอัพชอบไป ไปเรียนรู้ ปัดฝุ่น ต่อยอดให้เงื่อนไขดีกว่า ทำไมเขาจะไม่มาเมืองไทย

ไทยวางตัวอย่างไรบนบริบทค้าโลกเปลี่ยน

เราต้องคบทุกคนที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยมากที่สุด ไม่มีสิทธิจะไปเข้าข้างใคร คบใครแล้วได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจก็ต้องคบกับคนนั้น อเมริกาก็ต้องคบ จีนก็ต้องคบ อย่าไปเกี่ยวกับการเมือง ดูเฉพาะเศรษฐกิจ ถ้าเกี่ยวกับการเมืองทุกประเทศก็ไม่ค่อยพอใจ ถ้าเรื่องเศรษฐกิจ ปากท้องของประชาชน ผมก็ไม่ได้เข้าข้างใคร ผมรู้ว่าเมืองไทยเก่ง เราต้องบาลานซ์กัน แต่ยังไงอเมริกายังเป็นผู้นำเศรษฐกิจของโลก แต่ตลาดใหญ่อยู่ที่จีน เทคโนโลยีที่เยี่ยมที่สุดและการเงินก็อยู่อเมริกา จะทิ้งอเมริกาก็ไม่ได้ เพราะประเทศไทยเล็กนิดเดียว เป็นเด็กน้อยๆ คนหนึ่ง บางทีเลือกไม่ได้ก็ต้องยอม เรื่องนี้เมืองไทยเก่ง เก่งกว่าผมแน่นอน ผมมองภาพธุรกิจอย่างเดียว แต่เราไม่เคยเป็นเมืองขึ้นใคร ต้องยกให้สถาบันพระมหากษัติย์ นี่ผมพูดด้วยใจจริง ศึกษาประวัติศาสตร์มา เราเก่งมากเรื่องนี้ ผมเชื่อว่าผู้นำเราก็ไม่ได้เก่งในเรื่องนี้อยู่แล้วและเชื่อว่าเราจะไปรอด

มีคำแนะนำด้านการศึกษาไทยอย่างไร

จริงๆ คนไทยไม่ได้แพ้ใคร แต่การศึกษาเรายังอยู่ในรูปแบบเก่า ยังเปลี่ยนไม่ทันโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลง ต้องรู้ว่าวันนี้โลกต้องการคนชนิดไหนในยุค 4.0 ต้องสร้างนักศึกษาประเภทไหน ผมในฐานะนักธุรกิจจะเข้าใจในเรื่องธุรกิจสร้างมาแล้ว มาถึงก็ทำงานได้เลย หรือมาฝึกอบรมอีก ต้องเรียนไป ทำงานไป จะได้ความรู้เร็ว ผมจะพูดเรื่องปริญญากับปัญญา ปริญญาใครๆ ก็เรียนได้ ถ้าความจำเก่ง ขยัน แต่ปัญญาไม่ใช่ มีเรื่องอีกเยอะ ต้องทุ่มเท ลงลึก เรียนรู้ ใจกว้าง มีความอดทน ความพยายาม เพราะไปทำของจริง และปัญญาต้องเกิดจากการกระทำ ล้มเหลวไม่เป็นไรก็เป็นปัญญาได้ สำเร็จก็เป็นปัญญา ปริญญาเรียนไปสอบผ่านถือว่าจบ แต่ปัญญาไม่ใช่ ต้องได้ความรู้จากการกระทำ ได้ผลหรือไม่ได้ผลก็ได้ ก็เป็นบทเรียนที่เราไม่ทำผิดอีก

เพิ่มแรงจูงใจแก้ปัญหาพัฒนาครูไทย

ต้องกล้าให้เงินเดือนสูง ให้เขามีความสุข มีรายได้ที่เหมาะสมกับสังคมปัจจุบัน หากครูยังมีหนี้สิน ชักหน้าไม่ถึงหลัง จะไปสอนคน เด็กนักเรียนรุ่นใหม่ได้ยังไง การเป็นครูไม่ง่ายๆ ต้องเป็นคนเก่งจริงๆ มีจิตใจอยากสอน อยากพัฒนาคน ต่อไปครูไม่ต้องมาก ตอนนี้ครูเหลือเพราะเด็กเกิดน้อย โรงเรียนมัธยม ประถมต่างจังหวัดเริ่มปิด คนไม่ไปเรียน เมื่อก่อนเราสร้างโรงเรียนไม่ทันเด็กเกิดใหม่ วันนี้โรงเรียนเหลือต้องปิด ต้องกล้าให้ครูที่เก่งๆ ถ้าเก่งไม่พอ เอาครูเก่งที่สุดสอนออนไลน์แล้วให้ครูที่อยู่ในห้องเรียน เรียนรู้ไปพร้อมนักเรียน

จบปริญญาตรีภาคธุรกิจไม่ควรเกิน 18 ปี

ผมว่าอาจารย์หลายท่านอาจจะไม่เห็นด้วย ผมพูดเฉพาะเรื่องธุรกิจ เรื่องหมอ หรือวิศวะอาจจะไม่ใช่ แต่ผมรู้ชัดถ้าจะมาเป็นนักธุรกิจ อายุ 18 ปีก็ได้แล้ว แต่ระหว่างเรียนต้องทำงานไปเรียนไปจะเก่งมาก จบแล้วทำงานได้เลย สมมุติผมจะเรียนเรื่องค้าปลีก ระหว่างเรียนก็มาทำงานด้วย ได้เงินด้วย ความรู้ด้วย จากประสบการณ์ผมที่เซเว่นฯ เด็กจะจบได้ต้องมาทำงานที่เซเว่นฯ พ่อแม่มาต่อว่าและแอนตี้ด้วย สุดท้ายจะเอาลูกออกก็ไม่เป็นไร ถ้าจะให้ผ่านต้องผ่านตรงนี้ พอพ่อแม่สัมผัสกับลูกแล้วก็ไม่เหมือนช่วงยังไม่ได้ทำงาน เพราะต้องผ่านหลักสูตรอันนี้ ทำให้เขาต้องอดทน มีความสนุก ได้ความรู้จริงๆ กับการทำงาน

บทบาทเอกชนแก้ปัญหาการศึกษา

ผมมองว่าการศึกษาเมืองไทย ยิ่งก้าวหน้า ยิ่งผลิตคนไทยที่เก่ง อยากจะให้ไปเรียนรู้ทั่วโลกเขาสร้างคนรุ่นใหม่ รุ่น 4.0 สร้างยังไง เอาทีเด็ดของหลายๆ ประเทศมาเป็นหลักสูตรการเรียนการสอนของประเทศไทย ผมอยากแนะนำว่ารัฐบาลอย่าไปคิดเอาเอง มีตัวอย่างในโลกนี้ แต่ละประเทศมีทีเด็ด เอาทีเด็ดของทุกประเทศมาเป็นทีเด็ดของประเทศไทย เหมือนกับผมทำธุรกิจ ผมยอมเรียนรู้จากประเทศที่เขาเหนือกว่า เอาความเก่งของแต่ละประเทศมาประยุกต์เป็นเทคโนโลยี หรือความรู้ของซีพี ไปต่อยอดทำให้ดีกว่าอีก

อย่างเรื่องสุกร เอาความรู้เดนมาร์ก เบลเยียม เยอรมัน อังกฤษ อเมริกา แล้วส่งคนไปเรียน ซื้อพันธุ์จากประเทศเหล่านี้มาสอน แล้วเปรียบเทียบ ครั้งแรกต้องตามเขา 100% พอทำแล้วจะรู้ว่าใครมีทีเด็ดอะไร แล้วเอาทีเด็ดทั้งหมดรวมเป็นทีเด็ดของเรา เราไปคิดเองมันช้าไปแล้ว เอาความเก่งของหลายประเทศมาประยุกต์และทำเพิ่มเติม ที่ไม่เหมาะสมตัดออก ซีพีก็ทำแบบนี้ ไม่ต้องคิดเองตั้งแต่ศูนย์ เสียเวลาเปล่าๆ มีโอกาสเรียนรู้ ทำไมเราไม่เรียนรู้ นิสัยผมชอบเอาความดีของหลายประเทศมาให้กับคนไทย แต่อยู่ที่เราทำได้หรือเปล่าเท่านั้น ในโลกนี้จะเก่งทุกอย่างทุกเรื่องไม่มี

คุณสมบัติโดดเด่นของผู้นำประเทศ

ต้องกล้าทำ อะไรที่ถูกแล้วต้องกล้า กล้าตัดสินใจ กล้าทำ เพราะเราทำเพื่อประโยชน์ของประเทศ วันนี้จะให้ทุกคนเห็นพ้องกันทุกคนไม่มีทาง มันต้องมองต่างมุม อย่าบังคับให้ทุกคนมองเหมือนเรา ถ้าเรามั่นใจว่าไม่ใช่เพื่อส่วนตัว ก็ไม่เป็นไร ถ้า 10 เรื่อง ผิด 2 เรื่อง ถูก 8 เรื่อง ก็พอแล้ว ผิด 3 เรื่อง ถูก 7 เรื่อง ก็ยังพอ เพราะเราไม่ใช่เทวดา จะทำอะไรขอให้ไม่ใช่ทำเพื่อส่วนตัว ทำเพื่อประชาชน วันหนึ่งคนก็ต้องรู้

แต่ผู้นำบางคนกลัวถูกโจมตี เสียชื่อ ถ้าเราไม่ได้มีประโยชน์ส่วนตัว เพื่อส่วนรวม ต้องกล้าทำ นั่นแหละผู้นำที่ผมต้องการ เพราะโลกมันเปลี่ยน เราไม่เปลี่ยนตามโลก ยังมัวแต่ชักช้าเราก็ถูกทิ้ง ยุคนี้ต้องเร็วและมีคุณภาพ 1 ใน 6 ข้อค่านิยมเครือซีพี ต้องมี 3 ประโยชน์ ประเทศได้ประโยชน์ ประชาชนได้ประโยชน์ บริษัทได้ประโยชน์ ทำของใหม่ๆ ให้ทันสมัย ยอมรับการเปลี่ยนแปลง เด็กสมัยนี้ไม่มีใครอยากทำเรื่องลำบาก เรื่องยาก ต้องทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย และสุดท้ายต้องเป็นคนที่กตัญญู เป็นคนดี รู้บุญคุณ รู้จักตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน พระมหากษัตริย์ แต่ก็มีที่ทำผิด ไม่ใช่เทวดา ขอให้ผิดน้อย ถูกมาก ก็มนุษย์จะบอกว่าถูกทุกเรื่องได้อย่างไร

อัพเดตไฮสปีดเทรน 3 สนามบิน

ผมคิดว่ารถไฟความเร็วสูงเป็นเรื่องสำคัญยิ่งของการเปลี่ยนแปลงประเทศ ซึ่งรถไฟความเร็วสูงไม่ใช่รถไฟความเร็วสูงอย่างเดียว ต้องเชื่อมไปถึงประเทศลาวเขมร เวียดนาม จีน เราจะเป็นจุดศูนย์กลางที่แท้จริง เพราะมีท่าเรือน้ำลึก 2 ท่า สนามบิน 3 สนามบิน และในเขตเศรษฐกิจพิเศษตะวันออก มีอุตสาหกรรม รายได้จีดีพีร้อยละ 70 ของประเทศ แต่ทำแค่ตรงนี้ไม่พอ ต้องเชื่อมไปถึงประเทศลาวกับจีนที่สร้างถึงลาวแล้ว เพราะเมืองคุนหมิง สิบสองปันนา มีทั้งคนจีน คนทั่วโลกมาเที่ยว 700 ล้านคน ถ้าเราเอารถไฟมาเที่ยวเมืองไทยสัก 20-30 ล้านคน เมืองไทยก็ไม่มีที่ให้เที่ยว มันมีความหมายมาก แต่อย่ามองสั้นๆ 220 กิโลเมตร (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) สิ่งสำคัญต้องไปเชื่อมประเทศเพื่อนบ้าน เอาสินค้าจากท่าเรือไปขายให้กับลาว จีนทะลุไปถึงยุโรป

เลขา ครป. โต้ ให้คนไทยเป็นคนใช้ดูแลบ้าน ห่วงต่างชาติถือครองแผ่นดินไทยเกินครึ่ง 

นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) แจ้งข่าวต่อสื่อมวลชนว่ากรณีนายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ออกมาสนับสนุนให้ต่างชาติถือครองที่ดินได้  นั้นตนไม่เห็นด้วยกับท่าทีของนายธนินท์ 

"ฟังแล้วน่ากลัวมาก ท่านคิดแต่เรื่องกำไรขาดทุน คิดแต่เรื่องธุรกิจการลงทุน หรือไม่ ทุนนิยมเสรีคือการเอาเปรียบประชาชน เพราะเมื่อมีคนได้ ก็ต้องมีคนจ่าย เจ้าสัวสนับสนุนให้ต่างชาติซื้อถือกรรมสิทธิ์ที่ดินได้ แล้วให้คนไทยเป็นคนใช้ดูแลบ้าน เท่ากับทำให้คนไทยกลับไปเป็นทาสใช่หรือไม่ แต่คนไทยไม่ใช่ทาสแต่เป็นไทมานานแล้ว" นายเมธา  ระบุ

ในนามรัฐบาลพลังประชารัฐ ดึงนักธุรกิจและกลุ่มทุนผูกขาดเข้าไปทำงานขับเคลื่อนเศรษฐกิจจำนวนมาก จนทำให้เจ้าสัวใหญ่มีรายได้ก้าวกระโดดกว่า 5 แสนล้านบาท เจ้าสัวเกิดใหม่ก็มีรายได้มหาศาลหลายคน จีดีพีไทยมีประมาณ 16 ล้านล้านบาท 50 มหาเศรษฐีแรกมีทรัพย์สินรวมกันมากกว่า 32 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพีประเทศไปแล้ว ผลงานของรัฐบาลประยุทธ์คนเก่งของเจ้าสัว ทำให้ประเทศไทยเหลื่อมล้ำอันดับ 1 ของโลก เจ้าสัวเคยคิดรับผิดชอบบ้านเมืองหรือไม่ ธุรกิจต่างๆ ที่ผูกขาดของกลุ่มทุนใหญ่มีธรรมาภิบาลจริงๆ ไหม ทำไมปล่อยให้ประเทศขัดแย้งและเหลื่อมล้ำมากขนาดนี้

รัฐบาลทำบัตรสวัสดิการคนจน ให้คนจนไปจับจ่ายใช้สอยหมุนเวียนเศรษฐกิจเข้ากระเป๋านายทุนผูกขาด เจ้าสัวได้ทั้งเงินรัฐและคนจน เศรษฐกิจทุนนิยมประชารัฐแบบนี้ ตีความแบบไหนก็ซ้ำเติมความเหลื่อมล้ำทางสังคม แต่เจ้าสัวอาจจะไม่เคยยากลำบากแร้นแค้นและมีสำนึกความเป็นชาติ อาจไม่เข้าใจว่าวันนี้คนไทยมีรายได้เฉลี่ยน้อยมาก ประเทศไทยมีคนยากจนที่มีรายได้น้อยกว่าเส้นความยากจน หรือ 2,762 บาท กว่า 5 ล้านคน และคนไทยยังมีหนี้สินมหาศาล ตามที่ทราบกันว่าหนี้ครัวเรือนมีมากถึง 15 ล้านล้านบาทเข้าไปแล้ว คนไทยวันนี้ถูกขับเคลื่อนด้วยแรงผลักของหนี้สินหมุนเวียนและเงินเดือนแรงงาน แต่เราเอาทรัพย์สินของเจ้าสัวมาหารร่วมกับประชากรทั่วประเทศ เราจึงติดกับดักรายได้ปานกลาง

"ท่านบอกว่าที่ดินเรา 105 ล้านไร่ที่ใช้เพาะปลูก เขาไม่สามารถนำที่ดินกลับไปบ้านเขาได้ แต่เขาเอาเงินมาลงทุน ซื้อที่ ซื้อบ้านปักหลัก ดีกว่าท่องเที่ยว แต่ท่านไม่คิดผลกระทบระยะยาว ที่คนไทยพลัดที่นาคาที่อยู่ มีคนไทยจำนวนมากไม่มีที่ดินทำกิน ที่ดินมหาศาลในประเทศไทยมีเพียง 320 ล้านไร่ แต่วันนี้ถูกถือครองโดยเจ้าสัวผู้เจริญแล้วหลายแสนหลายล้านไร่รวมกัน บางท่านมีเป็นแสนไร่ บางท่านมีเป็นหมื่นไร่ จากเสื่อผืนหมอนใบ เติบใหญ่จนธุรกิจใหญ่โตภายใต้พระบรมโพธิสมภาร และนโยบายของรัฐบาลที่ยกเลิกการจำกัดการถือครองที่ดิน ท่านทั้งหลายไม่สำนึกในแผ่นดินไทยบ้างเลยหรือ จะส่งเสริมให้ต่างชาติยึดครองที่ดินเพิ่มเติมอีก"

ทุกวันนี้มีการผูกขาดทางเศรษฐกิจไปทุกหย่อมหญ้า ธุรกิจผูกขาดต่างๆ ของท่านทั้งหลายที่ร่ำรวยจากส่วนเกินของสังคมที่มอบให้ ท่านคืนกำไรให้สังคมไทยมากน้อยแค่ไหน ในประเทศที่ไม่มีการเก็บภาษีทรัพย์ศินและภาษีมรดกอัตราก้าวหน้าที่ปลายทางแบบยุโรป หลายท่านถือหลายสัญชาติเลยมองเห็นประเทศไทยเป็นแค่แผนที่ทางเศรษฐกิจ แต่ไม่มีประชาชนอยู่ในนั้นหรือไม่ ผมว่าเครือซีพีต้องทบทวน 6 ค่านิยม 3 ประโยชน์ เพื่อประเทศชาติ ประชาชน และบริษัทแล้ว เพราะถ้าเป็นรัฐบาลสังคมนิยมประชาธิปไตยจะต้องยึดทรัพย์บริษัทที่ผูกขาดและครอบงำความมั่นคงของประเทศแบบนี้แล้ว

นโยบายการให้ต่างชาติเช่าที่ดินในกัมพูชา ในเวียดนาม ต่างชาติก็ไปลงทุนกันมหาศาล แต่หากให้ถือครองทรัพยากรแบบถาวร โดยเฉพาะที่ดิน ท่านหวังดีต่อประเทศไทยจริงหรือ หรือพูดแทนกลุ่มทุนจีนบางกลุ่ม? เพราะไม่กี่ปีที่ปล่อยให้ถือครองได้จะมีนายทุนจีนอีกกี่ล้านคนมาครอบครองแผ่นดินไทยเกินครึ่ง เพราะเขามีกำลังจ่ายมหาศาล และเงินที่เขาเอามาลงทุนนั้นเขาก็เอามาทำกำไรกลับไป ไม่ได้ยกให้คนไทยทั้งหมดนะครับ ประเทศไทยเสียเปรียบต่างชาติมาอย่างยาวนานแล้วนับตั้งแต่สนธิสัญญาเบาว์ริงกับตะวันตก เราสามารถค้าขายกับตะวันออกโดยไม่จำเป็นต้องยกที่ดินให้ หรือทำให้ประเทศไทยตกเป็นเมืองขึ้นทางเศรษฐกิจอีก

ถ้ารัฐบาลที่มาจากพรรคการเมืองหลายพรรคที่เป็นตัวแทนของประชาชนหลงคารมเจ้าสัว ประเทศไทยก็อาจตกเป็นเมืองขึ้นทางเศรษฐกิจของต่างชาติ ดังที่เคยผิดพลาดมาแล้ว บีโอไอ-อีอีซีเป็นความล้มเหลวของรัฐบาลที่ชัดเจนมาก เกิดการหาผลประโยชน์จากการกว้านซื้อที่ดินเกร็งกำไรมหาศาล หลายเรื่องรอดำเนินคดีต่อไป นอกจากนี้ การสนับสนุนโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน เจ้าสัวได้ประโยชน์จากที่ดินมักกะสันใช่หรือไม่ ทำไมรัฐบาลไทยประเคนที่ดินมักกะสันนับร้อยไร่ให้นายทุนหาประโยชน์เชิงพาณิชย์ตอบแทนการลงทุนรถไฟความเร็วลวง หรือความเร็วปานกลาง

น่าเสียดายรัฐบาลพลังประชารัฐ ทำลายประเทศจนล่มจมเพราะความเหลื่อมล้ำมา 8 ปี แล้วจะขอไปรวมไทยสร้างชาติอีก นายทุน ขุนศึก ศักดินา ไม่ศึกษาบทเรียนประวัติศาสตร์จากอินโดนีเซียและอินโดจีนเลย

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net