Skip to main content
sharethis

พรรคก้าวไกลจะได้ ส.ส.กี่คน ในการเลือกตั้งครั้งหน้าภายใต้การบดขยี้ของ “ฝ่ายขวา” กลไกอำนาจรัฐ และกระแส “แลนด์สไลด์” ของพรรคเพื่อไทย

พูดอย่างนี้ไม่ใช่เป่าก้นให้เพื่อไทยก้าวไกลเป็นศัตรู แม้เลี่ยงไม่ได้ที่ต้องเป็นคู่แข่งกัน แต่ทั้งสองพรรคมีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ ในการต่อสู้ของฝ่ายประชาธิปไตย แม้อยู่ในภารกิจที่แตกต่าง ก็ต้องไปคู่กัน

พรรคเพื่อไทยวางเป้าชนะเลือกตั้งเป็นรัฐบาล ในการหาเสียงเพื่อเป็นรัฐบาล ต้องเสนอนโยบายโดนใจคนส่วนใหญ่ สามัคคีคนวงกว้าง ทำตัวเป็นพรรค Mass ดึงฐานเสียงหลากหลาย เสนอนโยบายก้าวหน้าได้บางด้าน แต่แหลมคมมากไม่ได้

ถ้าได้เป็นรัฐบาล ภารกิจหลักของพรรคเพื่อไทยคือแก้ปัญหาปากท้อง ยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ ขณะที่ในทางการเมืองก็ต้อง “ประนีประนอม” ต่อรองกับอำนาจอนุรักษนิยม

ไม่ประนีประนอมแล้วให้ทำไง ชนะเลือกตั้งได้ก็ไม่มีปืนยังพร้อมจะถูกเล่นงานด้วยกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ องค์กรอิสระ ฯลฯ

ชนะเลือกตั้งรวบรวม ส.ส.ได้เกินกึ่งหนึ่ง ก็ต้องไปต่อรองกับผู้มีอำนาจ ให้ 250 ส.ว.ยอมให้เป็นรัฐบาล สภาผ่านกฎหมายไม่ได้แปลว่าผ่าน ส.ว. อย่างน้อยก็ต้องทน 1 ปี จน 250 ส.ว.ครบวาระ

นี่ไม่ใช่งานง่าย ผู้นำพรรคเพื่อไทยต้องมีจุดยืนมั่นคง พร้อมกับอดทนอดกลั้น เจรจาต่อรองทีละขั้น แก้ปัญหาทีละเปลาะ

แต่ในทางกลับกัน พรรคเพื่อไทยก็มีจุดอ่อน ทั้งพันธนาการทักษิณ “อยากกลับบ้าน” ทั้งคุณภาพนักการเมือง ที่จำนวนหนึ่งยังพึ่งระบบอุปถัมภ์ ชนะเลือกตั้งแล้วจะต่อรองโควตารัฐมนตรี

พูดสั้นๆ ก็เหมือนหลังเลือกตั้ง 54 แม้คงมีบทเรียนบ้างแล้ว

พรรคก้าวไกลวางเป้าเป็นพรรคอุดมคติ นโยบายที่ประกาศมา หวังชนะเลือกตั้งใน 8 ปีข้างหน้า (ล้อกันเอาฮา) เป็นตัวแทนความฝันแห่งอนาคตของคนรุ่นใหม่ ที่วางเป้าใหญ่กว่าถึงรื้อโครงสร้าง ปฏิรูปกองทัพ ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ปฏิรูปรัฐราชการ ปลดล็อกท้องถิ่น และแก้ไขมาตรา 112

ซึ่งยังทำไม่ได้ในระยะสั้น แต่ถ้าไม่มีตัวแทนแห่งความฝัน ก็ไม่มีวันบรรลุ

ภารกิจประชาธิปไตยจึงต้องการให้พรรคก้าวไกลได้ ส.ส.จำนวนหนึ่ง ควบคู่ไปกับพรรคเพื่อไทย “แลนด์สไลด์” แม้ระบบเลือกตั้ง “หาร 100” จะทำให้ได้ ส.ส.น้อยลง แต่คะแนนปาร์ตี้ลิสต์ คือตัวสำคัญที่จะแสดงพลัง

ยกตัวอย่างง่ายๆ ถ้าพรรคก้าวไกลได้ 20% แม้ได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ แค่ 20 คน แต่มันสะท้อนว่าพลังที่ต้องการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง ต้องการเห็นการเมืองใหม่ มีถึง 1 ใน 5 ของผู้ใช้สิทธิเลือกตั้ง (7-8 ล้านคน)

ยิ่งกว่านั้นถ้าชนะ ส.ส.เขตในตัวเมืองในกรุงเทพฯ ปริมณฑล จะสะท้อนฐานคนชั้นกลางในเมืองที่เปลี่ยนไปอยู่ขั้วตรงข้ามอนุรักษนิยมแล้ว

ถ้าเป็นไปตามสมมติ แม้เพื่อไทยอาจได้ ส.ส.น้อยลงบ้าง แต่ก็เป็นผลดีในการต่อรองอำนาจ ว่าเห็นไหม ถ้าไม่ประนีประนอม compromise พลังที่แหลมคมกว่าจะยิ่งกดดัน

ขณะเดียวกันก็จะตรวจสอบกดดันเพื่อไทยด้วย ไม่สามารถผูกขาดการตัดสินใจ “ประชาธิปไตยพรรคเดียว” ไม่สามารถเกี้ยเซี้ยง่ายๆ อย่างที่หวาดระแวงกัน เช่นกลัวจะร่วมรัฐบาลพลังประชารัฐ (ซึ่งเขาไม่ตัดสินใจโง่ๆ ง่ายๆ หรอก ถ้าจะร่วมต้องมีเงื่อนไขความจำเป็นอธิบายได้) แต่ถ้ากลัวนัก คุณก็เลือก ส.ส.เขตเพื่อไทย เลือกปาร์ตี้ลิสต์ก้าวไกล นั่นแหละการตรวจสอบควบคุมที่ได้ผลที่สุด

พูดอย่างนี้เหมือนเข้าข้าง ดันทุรัง ยังไงก็ก้าวไกล แต่นั่นคือเป้าหมายยุทธศาสตร์ประชาธิปไตย อยากให้เพื่อไทยได้ ส.ส.เขต 180-200 ปาร์ตี้ลิสต์ 40 คน ก้าวไกล 20+20 ก็จะลงล็อกทั้งกดดันและถ่วงดุล เพียงแต่การเลือกตั้งขึ้นกับเจตจำนงประชาชน ไม่มีใครชี้นิ้วได้ เอาเข้าจริงเกรงจะไม่เป็นอย่างนั้น

ถ้าเปรียบเทียบนโยบายเพื่อไทย ทำไมประสบความสำเร็จ หนึ่ง โดนใจประชาชน สอง เป็นพรรคใหญ่ที่จะเป็นแกนนำรัฐบาลนำนโยบายไปผลักดันได้จริง สาม ประชาชนเชื่อมั่นว่าทำได้ทำจริงทำสำเร็จมาแล้ว

นโยบายก้าวไกลคึกคักในโลกออนไลน์ แต่ถ้าไปยืนในท้องไร่ท้องนาหรือตลาดอำเภอ จะรู้ว่าเข้าไม่ถึง ซ้ำคนส่วนใหญ่ก็รู้ว่าไม่สามารถชนะเลือกตั้งเป็นแกนนำรัฐบาล ไม่มีพลังเหมือนครั้งอนาคตใหม่ ที่มีความหวังว่าธนาธรเป็นนายกฯ ได้

ในแง่การทำงานพื้นที่ หลังเลือกตั้ง 62 ผู้สมัครอนาคตใหม่หายหมด เลือกตั้ง 66 เปลี่ยนเกือบทั้งประเทศ แม้มีกระแสคนรุ่นใหม่ อยากได้ ส.ส.ใหม่ไฟแรง ประทับใจก้าวไกลในสภา แต่กระแสวงกว้างก็เหมือนสาดน้ำไปทั่ว ต้องรองรับด้วยการจัดตั้งมวลชน เช่นเพื่อไทยจัดตั้งเสื้อแดง การเมืองเก่าใช้เงินใช้หัวคะแนน การเมืองใหม่ไม่ใช้เงินก็ต้องมีผู้ปฏิบัติงานเข้าไปจับปัญหาต่างๆ ของชาวบ้านในพื้นที่

ถ้าเปรียบเพื่อไทยเป็นนักปฏิบัติที่เจนจัด ก้าวไกลก็เป็นนักปฏิวัติหรือนักกิจกรรม ที่ยังลอยห่างจากพื้นดิน ยิ่งนับถอยหลังสู่เลือกตั้ง ก็อาจยิ่งถูกกลืนภายใต้กระแส “แลนด์สไลด์” เพราะคนส่วนใหญ่มุ่งเอาชนะ ซึ่งโทษเพื่อไทยไม่ได้ เพราะโดยธรรมชาติของการแข่งขัน ต้องปั่นกระแสสูงสุดเอาชนะฝ่ายตรงข้าม แม้บดบังพรรคฝ่ายเดียวกันไปพร้อมกัน ก็ไม่สามารถเหลือพื้นที่ให้ใคร

ยังมีเวลา 4-5 เดือนเท่านั้น ก้าวไกลต้องตั้งเป้ากลยุทธ์สร้าง Niche Market ให้สูงสุดได้อย่างไร

 

ที่มา: ข่าวสดออนไลน์ www.khaosod.co.th/politics/news_7407356

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net