'ก้าวไกล' ถาม 'วราวุธ' 3 ปีก่อนปฏิเสธข่าวส่วยโยกย้ายตำแหน่งกรมอุทยานฯ มาครั้งนี้หลักฐานคาเขาจะตอบว่าอะไร ย้อนคำพูดวราวุธ คนเสียขวัญคงไม่ใช่ข้าราชการน้ำดี แต่เป็นตัวท่านเองหรือเปล่า - สวน 'อนุทิน' อย่าด่วนตั้งเงื่อนไขร่วมรัฐบาล กลัวต้องกลับคำอีกเหมือนตอนเลือกตั้ง 2562

มานพ คีรีภูวดล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคก้าวไกล สัดส่วนชาติพันธุ์

30 ธ.ค. 2565 ทีมสื่อพรรคก้าวไกลแจ้งข่าวว่ามานพ คีรีภูวดล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคก้าวไกล สัดส่วนชาติพันธุ์ขยายความกรณีอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ถูกจับข้อหาเรียกรับสินบนโยกย้ายและรักษาตำแหน่งข้าราชการ โดยมานพเปิดเผยว่าการเรียกรับสินบนเพื่อซื้อขายตำแหน่งในหน่วยงานต่างๆ นั้นมีทั่วไปในหลายกระทรวง แต่สำหรับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมนั้น มีการซื้อขายตำแหน่งและเรียกค่าคงตำแหน่งไว้สำหรับหัวหน้าอุทยานแห่งชาติและหัวหน้าหน่วยงานต่างๆ ในกรม โดยมีการส่งส่วยและรับส่วยกันในลักษณะรายปีงบประมาณและรายเดือนด้วย

ที่ผ่านมาทราบว่ามีการเรียกรับผลประโยชน์ในกรมอุทยานฯ หากใครต้องการอยู่ในตำแหน่งสูงๆ ก็ต้องจ่ายเงินที่เรียกเป็นกิโลกรัม โดย 1 กิโลกรัมเท่ากับ 1 ล้านบาท เรียกเก็บตั้งแต่ 5 แสน - 20 ล้านบาท โดยเฉพาะอุทยานฯ ทางทะเลที่ทำเงินเป็นจำนวนมากเนื่องจากมีผลประโยชน์จากการท่องเที่ยวจำนวนมาก

ทั้งนี้ มานพกล่าวเพิ่มเติมโดยย้อนถามไปถึงนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ถึงกรณีข่าวเมื่อเดือน ก.ย. 2562 ในขณะที่นายวราวุธเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งใหม่ๆ มีข้อร้องเรียนว่าอธิบดีกรมอุทยานฯ ในขณะนั้นเรียกเก็บส่วยถึง 600 ล้านบาท และจ่ายไปแล้ว 300 ล้านบาทให้แก่นายวราวุธ และในขณะนั้นนายวราวุธได้ปฏิเสธข้อกล่าวหา แต่มาครั้งนี้อธิบดีถูกจับได้คาหนังคาเขาจากเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานและพบเงินสดเป็นจำนวนมาก ซึ่งสอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่มีการร้องเรียนเมื่อครั้งก่อน

"จึงอยากถามท่านรัฐมนตรีว่า ครั้งนี้ท่านจะปฏิเสธอย่างไรว่าไม่มีการรับส่วยกันจริง เพราะจับได้คาหนังคาเขาหลักฐานครบ และคำถามที่สำคัญกว่านั้นคือ ท่านมีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการรับส่งส่วยกันแบบนี้หรือไม่ อยากฟังคำตอบชัดๆ ว่าท่านจะตอบว่าอย่างไรต่อ"

โดยมานพได้กล่าวทิ้งท้ายถึงรัฐมนตรีที่รัฐมนตรีบอกว่าไม่อยากให้ข้าราชการเสียขวัญกำลังใจจากเหตุการณ์ดังกล่าว ตนขออธิบายใหม่ว่า คนที่เสียขวัญนั้นคงไม่ใช่ข้าราชการ เพราะข้าราชการที่ซื่อสัตย์สุจริตจะกลับยิ่งมีขวัญกำลังใจในการทำงานมากขึ้นเพราะได้มีการทลายเครือข่ายเรียกรับส่วยไปแล้ว ส่วนคนที่เสียขวัญกำลังใจก็คงจะมีแต่คนทุจริตเท่านั้น จึงอยากถามท่านด้วยว่ากำลังใจยังอยู่ดีหรือไม่

สวน 'อนุทิน' อย่าด่วนตั้งเงื่อนไขร่วมรัฐบาล กลัวต้องกลับคำอีกเหมือนตอนเลือกตั้ง 2562

ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส. เขตบางขุนเทียนพรรคก้าวไกล ตอบกลับนาย อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่กล่าวถึงแนวทางการร่วมรัฐบาลว่าพรรคภูมิใจไทยไม่เคยมีปัญหาในเรื่องของความสัมพันธ์กับพรรคไหนอยู่แล้ว ความคิดเห็นที่ต่างกันทางการเมือง ท่าทีของเรื่องต่างๆที่เห็นต่างกันถือเป็นเรื่องปกติ ในส่วนของพรรคก้าวไกล ที่มีจุดยืนเรื่องแก้ม.112 หากจุดยืนนี้ยังไม่เปลี่ยนก็คงลำบากที่จะทำงานด้วยกัน เพราะพรรคภูมิใจไทยมีความชัดเจนเรื่องของสถาบันพระมหากษัตริย์ เรามีความเชื่อว่ามาตรา 112 ที่บัญญัติไว้ในปัจจุบันเป็นสิ่งที่มีไว้เพื่อธำรงรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์หรือสถาบันหลักของชาติไว้

โดย ณัฐชากล่าวว่า ใครจะเป็นรัฐบาล ใครจะเป็นฝ่ายค้าน ให้ประชาชนเป็นคนตัดสิน ถ้าคุณอนุทินลองไปเดินตลาดเดินถนนวันนี้ น่าจะต้องพิจารณาตัวเองใหม่ เพราะประชาชนทั่วไปวันนี้เขาอยากเปลี่ยนขั้วรัฐบาลกันทั้งนั้น และไม่เพียงแต่คุณอนุทินเท่านั้นที่มีแนวทางชัดเจน พรรคก้าวไกลเองก็มีแนวทางชัดเจนมาตั้งแต่อนาคตใหม่ว่า เราไม่มีทางร่วมรัฐบาลกับพรรคสืบทอดอำนาจเผด็จการทหาร ซึ่งตนจำได้ว่าก่อนเลือกตั้ง พรรคภูมิใจไทย และตัวคุณอนุทินเองก็พูดปาวๆ ตามเวทีหาเสียงว่าไม่เอาพลเอกประยุทธ์ อยู่คนละขั้วกับพลังประชารัฐ แต่พอเลือกตั้งเสร็จก็กลับคำไปร่วมรัฐบาลกับพลังประชารัฐ ครั้งนี้เลยไม่อยากให้คุณอนุทินด่วนสรุปว่าจะร่วมไม่ร่วมกับใคร เดี๋ยวจะต้องลำบากกลับคำอีกเหมือนครั้งที่แล้ว จะเสียเครดิตเปล่าๆ

ณัฐชากล่าวด้วยว่า สิ่งที่ทำให้หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยมองข้ามช็อตไปถึงการจับมือร่วมรัฐบาลกับพรรคโน้นพรรคนี้ คงไม่ใช่เพราะมั่นใจว่าประชาชนจะตัดสินใจเลือก แต่เพราะมั่นใจว่าพรรคท่านมีพลังดูด ดูดแบบไม่เคารพการตัดสินใจของประชาชน และจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เป็นรัฐบาล จะอยู่กับใครฝั่งไหนก็ได้ทั้งนั้น ซึ่งตนเชื่อว่าประชาชนจะไม่เทคะแนนให้นักการเมืองและพรรคการเมืองที่ไม่มีจุดยืนแบบนี้อย่างแน่นอน