ปชช.ร่วมขบวน '#เดินหยุดขัง 1.12 กม.' จากจุฬาฯ-BACC หนุน 3 ข้อทะลุวัง-'ทะลุฟ้า' ลั่นทำกิจกรรมต่อ

ประมวลกิจกรรม ปชช. ร่วมกิจกรรม #เดินหยุดขัง 1.12 กม. จากจุฬาฯ-BACC หนุน 3 ข้อทะลุวัง-ทะลุฟ้า ลั่นทำกิจกรรมต่อจนกว่านักโทษการเมืองจะถูกปล่อยตัวทั้งหมด 

 

26 ม.ค. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานวันนี้ (26 ม.ค.) ที่ลานพระบรมรูป 2 รัชกาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เวลา 16.15 น. กลุ่มเกียมอุดมไม่ก้มหัวให้เผด็จการ ร่วมด้วยองค์การบริหารสโมสรนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (อบจ.) จัดขบวนเดิน ' #เดินหยุดขัง 1.12 ชม.' นัดรวมตัวกันที่หน้าลานพระบรมรูป 2 รัชกาล ในจุฬาฯ ก่อนเดินไปที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร หรือ BACC แยกปทุมวัน เป็นระยะทาง 1.12 กิโลเมตร เพื่อผลักดันข้อเรียกร้อง 3 ข้อทะลุวัง 

เมื่อเวลา 16.30 น. ประชาชนเริ่มเดินขบวนจากจุฬาฯ ไปที่ BACC เพื่อร่วม 'ยืน หยุด ขัง 112 ชั่วโมง' นัดหมายโดยทะลุฟ้า ซึ่งจะครบ 112 ชม. ใน 17.12 น.ของวันนี้ โดยก่อนเริ่มเดิน มีตัวแทนอ่านทวนข้อเรียกร้องทะลุวัง 3 ข้อ ประกอบด้วย 1. ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม 2. ยุติการดำเนินคดีกับผู้ถูกกล่าวทางการเมืองทั้งหมด และ 3. พรรคการเมืองรับประกันเสรีภาพการแสดงออกทางการเมืองของประชาชน โดยการยกเลิก มาตรา 112 และ 116

ขบวนเดินทางโดยใช้เส้นทางถนนพญาไท ผ่านหน้าโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ก่อนเดินขึ้นไปที่สกายวอล์ก แยกปทุมวัน 

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า บรรยากาศการเดินทำกิจกรรมมีทั้งนักเรียน และนักศึกษา เข้าร่วม มีการเขียนป้ายผ้า เป็นข้อความว่า ‘‘เราจะยอมทนอยู่อย่างนี้ หรือจะสู้ยุคเข็ญอย่างเกรียงไกร’ ’ ‘เอาประชาชนของเราคืนมา’ ‘No Prison For Peaceful Protest’ และอื่นๆ 

เวลา 16.41 น. ผู้เข้าร่วมทำกิจกรรมชูสามนิ้ว และอ่านข้อเรียกร้องทะลุวัง 3 ข้อ หน้าป้ายโรงเรียนเตรียมอุดมฯ ฝั่งพญาไท ก่อนเดินทางต่อไปที่ BACC

เวลา 16.54 น. ประชาชนเดินขบวนถึงสกายวอล์ก แยกปทุมวันแล้ว 

เวลา 17.00 น. ประชาชนเริ่มจัดเวทีการแสดงบนสกายวอล์ก แยกปทุมวัน และทำการแสดงดนตรี เบื้องต้น เริ่มจาก 'พอร์ท ไฟเย็น' และ 'ไผ่' จุตภัทร์ บุญภัทรรักษา นักกิจกรรมกลุ่มทะลุฟ้า ร้องเพลง "แสงดาวแห่งศรัทธา"

‘ยืน หยุด ขัง’ ทะลุฟ้า ครบ 112 ชม.

เมื่อเวลา 17.12 น. ‘ยืน หยุด ขัง 112 ชั่วโมง’ จัดโดยทะลุฟ้า ยืนต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 4 วัน ครบ 112 ชม. แล้ว มีตัวแทนขึ้นกล่าวปราศรัยบนสกายวอล์ก ขอผู้เข้าร่วมกิจกรรมชูสามนิ้ว ทวนข้อเรียกร้องทะลุวัง  และ ‘ปูน’ ธนพัฒน์ กาเพ็ง สมาชิกทะลุฟ้า อ่านแถลงการณ์ทำกิจกรรมต่อ จนกว่าจะปล่อยนักโทษทางการเมืองทุกคน

แถลงการณ์ทะลุฟ้า 

สืบเนื่องจาก ตะวัน ทานตะวัน และแบม อรวรรณ ผู้ถูกคุมขังในคดี มาตรา 112 ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2566 จากการยื่นถอนประกันตัวเอง เพื่อหยิบยื่นข้อเรียกร้อง 3 ข้อในการแลกเปลี่ยนอิสรภาพให้กับนักโทษทางการเมือง แต่ยังคงไม่ได้รับการตอบสนองใดจากผู้มีอำนาจที่เกี่ยวข้องในข้อเรียกร้องทั้งหมด ทำให้ทั้งสองประกาศยกระดับการเรียกร้องพร้อมที่จะแลกชีวิตของตนเอง เพื่ออิสรภาพของผู้อื่น แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นอย่างนั้นแล้ว กระบวนการยุติธรรมยังคงปฏิบัติหน้าที่อย่างไม่เป็นธรรม เห็นได้จากการยกคำร้องคำขอประกันของผู้ต้องขังคดีทางการเมืองทั้งหมด 9 รายในวันที่ท 26 มกราคม 2566 โดยอ้างว่าไม่มีเหตุให้เปลี่ยนแปลงคำสั่ง

ทั้งนี้ ยังมีนักโทษทางการเมืองถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำมากกว่า 22 ราย การกระทำเช่นนี้เป็นการตอกย้ำว่า ตุลาการภายใต้รัฐเผด็จการไม่ได้เป็นอะไรที่มากไปกว่า เป็นเครื่องมือในการจำกัดสิทธิเสรีภาพทางการเมือง และไม่เคยให้ค่ากับหลักสิทธิมนุษยชน ไม้เคยเห็นความเป็นคน ความเป็นมนุษย์ของผู้เห็นต่าง 

ดังนั้นแล้ว พวกเราในนามของทะลุฟ้า ขอแสดงจุดยืนสนับสนุนผู้กดขี่ที่ไม่สยบยอม และลุกขึ้นสู้ เพื่อเปลี่ยนแปลงสังคม ผู้ที่อยากเห็นคนในวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่านี้สำหรับเพื่อนมนุษย์ทุกคน เราขอเรียกร้องให้ปล่อยตัวนักโทษทางการเมืองของเราออกมา และรักษาชีวิตของตะวัน และแบม อย่าได้หวังว่าเราจะสยบยอมต่ออำนาจของพวกคุณ เราจะไม่ไปไหนจนกว่าเพื่อนของเราจะได้รับความเป็นธรรมและอิสรภาพ ไม่มีเผด็จการบาตรใหญ่ที่ไหนจะกดทับหัวใจของราษฎรได้ 

ราษฎรบัดนี้ได้ตื่นด้วยไฟของความฝันความหวัง และลงมือทำเพื่อคนเท่ากันแล้ว ทะลุฟ้า 

26 มกราคม 2566 

สกายวอล์ก  

เมื่อเวลา 18.00 น. กลุ่มเพื่อนของ แบม และตะวัน แสดงกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์โดยการนำน้ำแดงมาราดตัวเอง เพื่อแสดงการสนับสนุนแบม และตะวัน ทั้งนี้ การแสดงดังกล่าวเหมือนกับการแสดงเชิงสัญลักษณ์ของแบม และตะวัน ที่เคยใช้สีแดงเทใส่ตัวเองที่หน้าศาลอาญา รัชดาภิเษก ก่อนจะยื่นคำร้องถอนประกันตัวเองเมื่อ 16 ม.ค. 2566 

บรรยากาศการทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ของกลุ่มเพื่อนตะวัน และแบม

กระบวนการยุติธรรมไม่ปกติ

‘เป๋า’ ยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการไอลอว์ (iLaw) หรือโครงการกฎหมายอินเทอร์เน็ตเพื่อประชาชน ปราศรัยบนสกายวอล์ค แยกปทุมวัน กล่าวว่า ดีใจมากที่เห็นทุกคนมาอยู่ตรงนี้ และเป็นภาพที่อยากให้แบม และตะวัน ได้มาเห็นด้วยกันว่าเรายืนยันทั้ง 3 ข้อเรียกร้องของเขา 

ยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการไอลอว์

ยิ่งชีพ มองว่า คนที่มาอยู่ตรงนี้หลายคนใช้ชีวิตข้ามผ่านเหตุการณ์ทางการเมืองหลายครั้ง ตั้งแต่การยึดอำนาจของ คสช. (คณะรักษาความสงบแห่งชาติ) การทำประชามติรัฐธรรมนูญปี’60 เราผ่านการทำกฎหมายอื่นๆ ที่ปิดกั้นการแสดงความเห็น และทำให้เกิดคดีทางการเมือง นักโทษการเมือง และเรามีส่วนที่ต้องรับผิดชอบที่สังคมเดินมาจนในจุดที่สิ้นหวังจนคนรุ่นใหม่ต้องเอาชีวิตตนเองเข้าแลก 

ยิ่งชีพ กล่าวต่อถึง 3 เรื่องอันเป็นที่มาของข้อเรียกร้องแบม-ตะวัน เรื่องแรกคือนักโทษคดีการเมืองมาตรา 112 ซึ่งเวลานี้มีผู้ถูกกล่าวหาทางการเมืองด้วยมาตรา 112 มากกว่า 200 คดี และมากที่สุดในประวัติการณ์ นอกจากนี้ เดือนต่อไปจะมีนัดฟังคำพิพากษาคดีต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งหมายความว่าอาจมีนักโทษเข้าคุกด้วยมาตรา 112 มากขึ้นถ้าไม่มีใครพูดอะไรเลย  

เรื่องที่สองที่ยิ่งชีพ พูดถึงคือกระบวนการยุติธรรมที่ไม่เป็นปกติของคดีการเมือง โดยเฉพาะการแทรกแซงจากผู้บริหารศาลอาญา สมาชิกไอลอว์ กล่าวว่า ปกติคดีการเมือง คดีมาตรา 112 ไม่ได้เป็นกระบวนการพิจารณาคดีตามปกติ ผู้พิพากษานั่งบัลลังก์ แต่คนตัดสินเป็นผู้บริหารศาลไม่กี่คน ผู้พิพากษาศาลที่สั่งขังเก็ท และใบปอ ไม่มีอำนาจต้องขอเดินออกไปปรึกษาก่อน และค่อยกลับมาบอกว่าจะเอายังไง

“ผู้พิพากษาไม่กี่คนที่เป็นผู้บริหาร มีที่มาจากการคัดเลือกของคณะกรรมการศาลฎีกา ตุลาการนำโดยประธานศาลฎีกา และคนพวกนี้ไม่ได้จบคณะนิติศาสตร์อย่างเดียว แต่ไปเรียน วปอ. ไปนั่งเรียนกับทหารมาแล้ว

“คนไม่กี่คน ตัดสินมันทุกคดี คนไม่กี่คนสั่งเรื่องไม่ให้ประกันตัวอยู่ไม่คดี ไม่ว่าจะเรื่องไหนก็ให้คนเหล่านี้สั่ง ส่วนผู้พิพากษาคนอื่นได้แค่ก้มหน้า ก้มหน้าไม่เห็นด้วย ก็อับอายแต่ไม่กล้าพูดอะไร นี่คือสถานการณ์คดี 112 ในปัจจุบัน” ยิ่งชีพ กล่าว

ผู้จัดการไอลอว์ ระบุว่า เรื่องที่ 3 คืออีกไม่เดือนจะมีการเลือกตั้ง แต่ยังไม่มีพรรคการเมืองใดเสนอเรื่องนี้เลย ซึ่งพรรคการเมืองมีอยู่สองประเภท คือ ไม่เห็นด้วย กับไม่กล้า มีคนพยายามเสนอและพูดในสภา มีข้อเสนอเข้าสภาแล้ว ประธานสภาก็ไม่ยอม ถ้าการแสดงออกของประชาชนมันทำได้ ก็คงเลือกยืนพูดไปเรื่อยๆ แต่เมื่อมันไม่ใช่ เราหลายคนอาจจะเลือกขอพักหน่อย หรือขอไปทำอย่างอื่นบ้าง อันนี้เข้าใจได้

แต่ตะวันและแบม เลือกที่จะเรียกร้องให้ทุกคนยังคงพูดอยู่ เมื่อมองซ้ายมองขวา ก็ไม่ได้เห็นใครกำลังทำอะไร เห็นแต่ตัวเอง มันจึงเข้าใจได้ว่าทำไมเขาถึงเลือกวิธีการต่อสู้วิธีนี้

“แต่ในวันนี้ ไม่ใช่ และเราอยากบอกให้ได้ตะวันรู้ใช่ไหมครับ ว่าเรายังอยู่ตรงนี้ เราอยากให้แบมได้ยินใช่ไหมครับ ว่าเรายังคงสู้อยู่ เราไม่ได้หยุด ถ้าเขาได้ออกมา ได้ยืนอยู่ตรงนี้ เราจะยังคงตะโกนแล้วชูสามนิ้วด้วยกัน พร้อมกัน สามนิ้ว พร้อมกัน ยกเลิก 112 (3 รอบ)” ยิ่งชีพ ระบุ  

ยิ่งชีพ ระบุต่อว่า สิ่งที่ตะวันและแบมกำลังบอก เราได้ยินแล้ว ใช่ไหมครับ แต่เราไม่รู้ว่า ทั้งสองคนกำลังรู้หรือไม่ว่า สิ่งที่พวกเขาทำ มันได้ผลแล้ว มันได้ผลบ้าง

วันอังคาร (24 ม.ค.) ‘ยาใจ’ ทะลุฟ้า มีนัดไต่สวนถอนประกัน เมื่อไปถึงศาลยกคำร้องเลย เมื่อวานนี้ (25 ม.ค.) มีคดี ม.112 ที่ศาลจังหวัดสมุทรปราการ ศาลยกฟ้อง มีคดี พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ที่ศาลจังหวัดพัทยา ศาลยกฟ้อง ยังมีความหวังหลงเหลืออยู่ และโอกาสของอิสรภาพยังมีอยู่ บางอย่างอาจจะได้ช้า ได้เร็ว แต่อยากให้น้องทั้งสองคนได้ยิน

'iLaw' ชวนจับปากกาเลือกตั้ง เปลี่ยนการเมือง

ผู้จัดการไอลอว์ กล่าวต่อว่าอาจจะมีบางสิ่งที่ไม่ได้เปลี่ยนได้ในเร็วใน 7-8 วัน แต่มันจะเปลี่ยนได้ ถ้ามีโอกาสเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ เราออกแบบโครงสร้างอำนาจตุลาการ และปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมใหม่ได้ ถ้าเรามีรัฐสภา และ ส.ส.ใหม่ เราออกกฎหมายยกเลิกความผิด ให้ยุติคดีความได้ ถ้าเรามีรัฐบาลใหม่ เราสร้างนโยบายใหม่ เราปฏิรูปพระราชอำนาจของสถาบันพระมหากษัตริย์ได้ 

เราสร้างความเปลี่ยนแปลงในการเลือกตั้งได้ ใครเห็นด้วยหยิบปากกาขึ้นมา ใครไม่มีปากกาชูนิ้วหนึ่งนิ้ว การเลือกตั้งอาจจะถูกควบคุม ไม่บริสุทธิ์ ไม่โปร่งใส แต่ถ้าเราช่วยกันจับตาและเรียกร้อง มันอาจจะไม่แย่เกินไปได้ 

ส.ว. ยังมีอำนาจเลือกนายกฯ อยู่ แต่ถ้าเราช่วยกันยืนยันความไม่ชอบธรรมของเขา เราส่งเสียงได้ดังพอ เขาอาจจะไม่กล้าหน้าด้านนักก็ได้ ถ้าเราส่งเสียงเรียกร้อง สิ่งที่อยากเห็นก่อนเลือกตั้งให้ดังพอ ให้ชัดเจนพอ เมื่อถึงวันเราก็ไปเข้าคูหา กาให้ชัด ไม่มีลังเล ทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นไปได้  มันอีกไม่นานเลยนะครับ

“แต่วันนี้ผมขอยืนยัน ผมอยากเห็นแบมและตะวันได้ออกมาเลือกตั้ง ผมอยากให้เขาเห็นวันที่เกิดความเปลี่ยนแปลงด้วยกัน อยากให้ทั้งสองคนได้เห็นภาพที่อยู่ตรงนี้ด้วยกัน” ยิ่งชีพ ทิ้งท้าย

พรรคการเมืองต้องรับใช้ประชาชน

ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือมายด์ นักกิจกรรมหญิงรุ่นใหม่ กล่าวปราศรัยที่สกายวอล์ค แยกปทุมวัน ระบุว่า ภาพวันนี้เธอเชื่อว่าถ้าคนที่อยู่ในเรือนจำได้เห็น เขาจะดีใจมากว่า เขาไม่ได้โดดเดี่ยว 

"เหตุผลที่เราต้องมารวมตัวกัน เพราะว่าเวลากำลังหมดลงไปเรื่อยๆ วิธีที่ตะวัน แบม และสิทธิโชคใช้ มันทำให้เวลาเดินเร็วขึ้น และมันเลยเป็นส่วนสำคัญมากที่พวกเราต้องยิ่งขยายข้อเรียกร้องที่พวกเขาส่งออกมาให้ไปถึงรัฐบาล ไปถึงกระบวนการยุติธรรม ไปถึงตุลาการ ไปถึงพรรคการเมือง และหันกลับมาเห็นความสำคัญที่ประชาชนกำลังเรียกร้องได้แล้ว" มายด์ กล่าว 

นักกิจกรรมหญิงระบุต่อว่า หลายคนกำลังวิจารณ์ถึงวิธีการที่แบม-ตะวันใช้ต่อสู้ทางการเมือง แต่สำหรับมายด์ เธอมองว่าข้อเรียกร้องต่างหากที่เราควรให้ความสำคัญ คุณไม่จำเป็นต้องเชื่อว่าแบม-ตะวัน แต่ต้องคิดวิเคราะห์ดูว่ากระบวนการยุติธรรมมันมีปัญหาจริงหรือไม่ ถ้าเห็นด้วย ต้องสนับสนุนส่งเสียงร่วมมือกับแบม และตะวัน 

มายด์ เรียกร้องไปยังประชาชนให้เปลี่ยนความคิดว่า มองว่าพรรคการเมืองต้องรับใช้ประชาชน และประชาชนต้องสั่งนักการเมืองว่าตอนนี้มีกฎหมายที่ละเมิดสิทธิประชาชนอยู่ และพวกเขาต้องออกมาพูดได้แล้วว่า เขาควรยกเลิกกฎหมายเหล่านั้น เพื่อคืนความเป็นมนุษย์ให้กับประชาชน

"การเลือกตั้งครั้งนี้เราจะเปลี่ยนพรรคการเมืองต้องรับฟังเรา เราต้องเป็นคนเสนอ และพรรคการเมืองถ้าอยากได้เสียงของเรา ก็จงหยิบรับไปทำนโยบาย และตอนนี้สิ่งที่ชัดเจนมากที่สุดคือเราต้องการให้ยกเลิก 112 เพราะเป็นกฎหมายที่ทำลายพวกเราทุกคน และเกี่ยวเนื่องกับชีวิตของพวกเราทุกคนโดยตรง เพราะฉะนั้นพรรคการเมืองชัดเจนได้แล้ว" มายด์ กล่าว

มายด์ กล่าวถึงปัญหามาตรา 112 ว่า หนึ่งมีอัตราโทษที่สูงเกินไป ไม่มีมาตรฐานมากพอ เพราะมันเป็นนโยบายทางการเมือง ถ้ารัฐเป็นเผด็จการ มาตรา 112 จะถูกบังคับใช้มากขึ้น ถ้าพรรคการเมืองเห็นความสำคัญตรงนี้ก็ยกเลิก เปิดนโยบายออกมาเลยว่ากฎหมายที่ไม่มีมาตรฐานแบบนี้ไม่ควรถูกบังคับใช้ 

"ถ้าคุณเห็นความสำคัญของประชาชนจริงๆ ต้องยกเลิกกฎหมายตัวนี้ เพื่อคืนความเป็นธรรมให้กับพวกเรา กล้าหาญหน่อย เราทุกคนหวังมากกับการเลือกตั้งครั้งนี้ มันจะเป็นจุดเปลี่ยนขั้วอำนาจทางการเมือง ทำให้เรามีอำนาจในการกำหนดประเทศนี้ได้จริงๆ ใช่ไหม" มายด์กล่าวย้ำถึงพรรคการเมืองต่างๆ

เธอ กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ต้องเป็นไปอย่างโปร่งใส เราจะไม่ปล่อยให้พรรคการเมืองมาชุบมือเปิบ เพียงแค่ทำสัญญาแบบหน้าไม่อาย เราจะเช็กบิลทุกอย่างที่ให้สัญญา ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลที่จะชุบตัวเข้ามา หรือแม้แต่พรรคการเมืองที่มุ่งหวังอยากจะมาเป็นผู้แทนประชาชน คุณก็ต้องฟังประชาชน ไม่ใช่ฟังแต่พวกคุณเอง ไม่ต้องกลัวกลุ่มชนชั้นนำ เพราะถ้าคุณไม่มีประชาชนในการซัปพอร์ตตัวเองแล้ว คุณก็ไม่มีที่ยืน จำไว้ เพราะฉะนั้น อยากเป็นผู้แทนจริงๆ ก็รับข้อเรียกร้องของประชาชน และจริงจังแก้ไขปัญหาของประชาชน ยืนตัวตรงได้แล้ว เพราะตอนนี้พวกเราประชาชนสู้ทุกวิถีทางแล้ว 

พรรคฝ่ายค้านเตรียมแถลงรับข้อเรียกร้องหนุนตะวัน-แบม

อานนท์ นำภา ทนายความประจำศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ขึ้นปราศรัยที่สกายวอล์ค 19.50 น. กล่าวว่า วันนี้ได้รับสายจากคนสำคัญในลำดับสูงๆ ของเพื่อไทย ไม่เกินพรุ่งนี้พรรคฝ่ายค้านทุกพรรคจะร่วมแถลงการณ์สนับสนุนการต่อสู้ของตะวันและแบม ขั้นต่ำคือแก้ไขกฎหมาย ขั้นสูงคือยกเลิกกฎหมาย (ม.112)

อานนท์ นำภา ทนายความประจำศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน

“ใครที่บอกว่าการอดอาหาร อดข้าวอดน้ำของแบมและตะวันจะสูญเปล่า ไม่จริง พรุ่งนี้สำเร็จไปแล้วหนึ่งข้อ” อานนท์ กล่าว

อานนท์ กล่าวต่อไปว่า เมื่อปี 2563 การต่อสู้ของคนรุ่นใหม่เริ่มที่สกายวอล์คนี้ หลายคนบอกการต่อสู้คนรุ่นใหม่ปี 63 ไม่ชนะเลย ไม่จริง เราเริ่มจากทะลุเพดาน จากนั้นเรามีเรามีทะลุแก๊ส มีทะลุวัง มีทะลุฟ้า เราต่อสู้เรื่องวันเฉลิม วันนี้มี พ.ร.บ.ต่อต้านการซ้อมทรมานและบังคับสูญหาย เหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นเลยถ้าไม่มีการต่อสู้ของพวกเราเมื่อปี 63 หรือแม้แต่ในสภา เมื่อ 10-20 ปีมาแล้ว ไม่มี ส.ส. คนใดกล้าอภิปรายเรื่องสถาบัน ตอนนี้มีอภิปรายตัดงบสถาบันกลางสภา

สังคมเปลี่ยนไปแล้ว ไม่เชื่อไปดูคอนเสิร์ตของแบล็คพิงค์ ไม่เชื่อให้เข้าไปดูในโรงหนัง ไม่เชื่อให้ไปดูเด็กอนุบาล ขนาดทรงยังเปลี่ยนเป็นทรงอย่างแบดแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม การต่อสู้ของเราถูกโต้กลับ ปี 64-65 พวกเราหลายคนติดคุก ถูกกล่าวหา โดนแจ้งความแกล้งที่นราธิวาส ส่วนตัวก็ติดคุก ครึ่งหนึ่งของสองปี รวมกันได้ปีหนึ่ง 

ใบปอ เก็ท ตะวัน และอีกหลายคน พวกเขาเป็นตัวประกันทางการเมือง การต่อสู้หลายคนสูญเสีย เพื่อนเราโดนยิงตาบอด มีน้องโดนยิงเสียชีวิตที่หน้า สน. ดินแดง มีป้าเป้าโดนคดีการเมือง แต่เหล่านี้หลอมรวมให้เรากลายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน วันนี้เรามีคนทุกรุ่น สิ่งที่เราได้รับกลับมาตอนนี้คือขบวนการยุติธรรม และนี่คือที่มาของการเข้ามาสู่พื้นที่การต่อสู้ของแบมและตะวัน

เราต้องยอมรับว่าปีที่แล้วกับปีนี้พวกเราเมินเฉย เฉยเมย และหลงลืมเพื่อนของเราบางคนในคุก สารภาพว่าเกิดจากความเหนื่อย ความเฉื่อยชา บางวันไม่อยากคิดถึงด้วยซ้ำเพราะปวดใจ คนเหล่านั้นเป็นคนไม่มีชื่อเสียง ออกมาสู้ด้วยสองมือเปล่า สมบัติ ทองย้อย แค่โพสท์ ‘กล้ามาก เก่งมาก ขอบใจ’ ก็ติดคุกไม่ได้ประกัน แต่ตะวันกับแบม เขาเสียสละ อุทิศเสรีภาพเพื่อจะปลุกพวกเราให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง 

“ฝากไปบอกตะวันกับแบมว่า วันนี้ ที่นี่ พวกเราตื่นกันแล้ว และพร้อมจะสู้เคียงข้างกับทั้งสองและคนที่อยู่ในเรือนจำทุกคน การต่อสู้ครั้งนี้ มันใกล้ถึงจุดแตกหักขึ้นทุกที มันคือการปะทะกันระหว่างความคิดเก่ากับความคิดใหม่ เผด็จการกับประชาธิปไตย การปะทะนี้จะปะทะทุกอณู ทุกขุมขน ทุกชนชั้น และการปะทะนี้พวกเราได้เปรียบ เพราะพวกเรายืนอยู่ตามหลักธรรมชาติ ตามหลักความจริง พวกเขาเถียงเราไม่ได้”

“ไม่มีใครดีเด่นกว่ากัน เราปราศรัยเมื่อปี 63 ด้วยความจริงทุกประการ เอาเราไปขึ้นศาล จับเราไปขึ้นศาล สลิ่มบอกว่าแน่จริงไปพิสูจน์ในศาล พอเราไปพิสูจน์ในศาล ขอเอกสารการเดินทาง ศาลไม่ออกให้ กลัวความจริงหรือยังไง”

อานนท์ กล่าวต่อไปว่า คนรุ่นใหม่กำลังตื่นขึ้นทุกวัน เมื่อ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา สน.สำราญราษฎร์ออกหมายเรียกมาตรา 112 ไปที่เด็กหญิงอายุ 14 ปี กลัวอะไรกับคนรุ่นใหม่ ใบปอ เก็ท ตะวัน แบม และอีกหลายคนถูกหมายเยรีกจะไต่สวนถอนประกันช่วงปีใหม่ เลื่อนสามครั้ง เขาไม่หนี เขาเดินเข้าสู่เรือนจำ กลัวอะไร อย่ลืมว่าตะวันกับแบมโดนจับเพราะอะไร เพียงเพราะทำโพลแค่นั้น คุณจะมาปิดปากคนรุ่นใหม่ไม่ให้ตั้งคำถามไม่ได้ คุณกลัวอะไร กลัวคำตอบไม่พึงประสงค์ใช่หรือไม่ จะบอกว่า ถ้ากลัวอะไรก็จะได้เห็นอันนั้น และอะไรที่คุณเคยเห็น คุณจะไม่ได้เห็นอีกเลย

คนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยที่เข้าไปทำงานการเมืองนี้ ทั้งในพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล และพรรคอื่นๆ คนเหล่านี้ถ้าได้เข้าไปในสภา ปิดปากไม่ได้หรอก ตอนนี้ต้องพึ่ง ส.ส. เจี๊ยบไปก่อน (อมรัตน์ โชคปมิตรกุล) ถ้าคนรุ่นใหม่ได้รับเลือกตั้งเต็มสภา ได้เจอกันแน่นอน

มีคนถามว่าทำไมไม่ไปบอกทั้งสองคนให้เลิกอด ไม่ใช่ไม่บอก แต่ทั้งสองเด็ดเดี่ยวที่จะต่อสู้เพื่อให้เห็นชัยชนะ อย่างไรก็ตาม ถ้าเขาได้เห็นชัยชนะจากข้อเรียกร้องสามข้อไปทีละข้อ ก็เชื่อว่าพวกเขาจะมีชีวิตอยู่ และหาวิธีมีชีวิตอยู่ต่อไปแน่นอน พรุ่งนี้ถ้าพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยร่วมกันแถลง สนับสนุนข้อเรียกร้องทั้งสามข้อ เชื่อว่าพวกเขาจะมีกำลังใจ และจะหาทางมีชีวิตต่อไปอีกแน่นอน

ถ้าพวกเรามาร่วมเรียกร้อง มากันให้เยอะ ส่งเสียงไปให้ถึงศาลยุติธรรม ให้เห็นถึงความไม่เป็นธรรม เชื่อว่าศาลมีความเป็นมนุษย์พอที่จะเข้าใจเหตุผลเหล่านี้ ถ้าเราทำให้นักโทษการเมืองได้รับการประกันตัว เราก็ชนะอีกข้อหนึ่ง

และเราก็เห็นแสงรำไรจากการประกันมงคล ถิระโคตร ที่โดนสั่งจำคุก 28 ปี และศาลยกคำร้องถอนประกันตัวของยาใจ ศาลต่างจังหวัดรุ่นใหม่ที่มีความกล้าหาญก็สั่งยกฟ้องแล้ว แม้แต่ในชั้นศาลเองก็เป็นการต่อสู้ของอุดมการณ์ที่ต่างกัน ที่ขอนแก่นเผาซุ้มเหมือนกัน แต่ศาลยกฟ้อง บอกเป็นการทำให้เสียทรัพย์ ในขณะที่กรุงเทพไม่ยกฟ้อง นี่คือผลผลิตการต่อสู้ขอปี 63 มันคือการต่อสู้ของทุกระดับชั้น ทุกกระบวนการ

หน้าที่เราวันนี้ไม่ใช่การมารวมตัวเพื่อโศกเศร้าเสียใจ หรือพบปะกัน แต่เรามาต่อสู้ไปกับตะวันและแบม เราคือส่วนหนึ่งของแบมและตะวัน 

อานนท์ กล่าวว่า การต่อสู้เกิดขึ้นทุกระดับทุกอาชีพ พรุ่งนี้ ที่ ส.ส.พรรคฝ่ายค้านจะแถลงการณ์ตอบรับข้อเสนอ นี่ก็คือการต่อสู้ เราไม่ใช่กลุ่มแรกที่ต่อสู้ คนทั่วโลกเขาก็ต่อสู้เหมือนเรา และตราบใดที่เรายังไม่สูญพันธุ์ เราชนะแน่นอน ต่อให้เราตายไป ลูกก็มาสู้ต่อ เราสู้ด้วยกัน ส่งไม้ต่อให้คนรุ่นหลังด้วยกัน บ้านเมืองจะถึงจุดที่แพ้ชนะกัน คิดว่าไม่เกินปีสองปี คงได้เห็นการเปลี่ยนแปลงแน่นอน

พรุ่งนี้เราจะส่งคนเข้าไปบอกแบมและตะวันให้เก็บแรงไว้ พรรคการเมืองตอบรับแล้ว ส่วนการเรียกร้องให้ปล่อยตัวนักโทษการเมืองเป็นหน้าที่ของเราที่จะต่อสู้เพื่อเขาทั้งสองคน เราจะต่อสู้เคียงข้างกัน ให้จบที่รุ่นเรา

สำหรับช่วงท้ายของการชุมนุมเป็นการแสดงดนตรีของวงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น 'แอมมี่' ไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ เจ้าของเพลงดัง '12345 I love you' พอร์ท ไฟเย็น วง 'Shimmer Shrimpmer' และอื่นๆ ก่อนยุติกิจกรรม และแยกย้ายเมื่อเวลา 20.50 น.

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท