ธ.เครดิตสวิสฟ้องข้อหา 'จารกรรม' คนรั่วบัญชีให้สื่อขุดโปรเจคท์ 'Suissecrets'

ธนาคารเครดิตสวิสเตรียมดำเนินคดีข้อหาจารกรรมข้อมูลทางเศรษฐกิจกับผู้ที่ปล่อยข้อมูลบัญชีลูกค้าธนาคารจำนวนกว่า 30,000 ชื่อให้สื่อเปิดโปงข้อมูลธุรกรรมน่าสงสัยของบุคคลผู้ทรงอิทธิพลทั่วโลกในโครงการSuisseSecrets หลังจากรัฐสภาสวิสมีมติไม่ปฏิรูปกฎหมายการธนาคารที่ละเมิดเสรีภาพสื่อ

สำนักข่าวของประเทศสวิตเซอร์แลนด์รายงานเมื่อต้นเดือน ก.พ. ที่ผ่านมาว่าธนาคารเครดิตสวิส (Credit Suisse Bank) ธนาคารที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์เตรียมฟ้องดำเนินคดีกับบุคคลผู้ให้ข้อมูลบัญชีลูกค้าของธนาคารกว่า 30,000 บัญชีที่นำไปสู่การเผยแพร่รายงานข่าว ‘สวิสซีเคร็ตส์’ (SuisseSecrets) หรือโครงการข่าวสืบสวนสอบสวนข้ามชาติเพื่อเปิดโปงข้อมูลการทำธุรกรรมที่น่าสงสัยในธนาคารเครดิตสวิส ซึ่งธุรกรรมเหล่านั้นอาจเชื่อมโยงกับการทำธุรกิจผิดกฎหมาย การทุจริต หรือการกระทำที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยมีข้อมูลของนักธุรกิจและอดีตข้าราชการชาวไทยบางคนที่เคยมีประวัติทางการเงินหรืออาชญากรรมปรากฏร่วมอยู่ในรายงานดังกล่าว

โครงการรายงานอาชญากรรมและการทุจริต (Organized Crime and Corruption Reporting Project: OCCRP) ผู้เปิดเผยรายงานข่าวสืบสวนสอบสวนดังกล่าวร่วมกับสื่อจาก 39 ประเทศทั่วโลก รวมถึงประชาไท เปิดเผยว่าอัยการสวิสเริ่มต้นการสืบสวนสอบสวนหาผู้กระทำความผิดฐานเผยแพร่ข้อมูลทางบัญชีของธนาคารเครดิตสวิส รวมถึงเตรียมฟ้องดำเนินคดีกับผู้สื่อข่าวและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเผยแพร่ข้อมูลชุดดังกล่าว

สวิตเซอร์แลนด์มีชื่อเสียงด้านการรักษาข้อมูลความลับทางธนาคารที่เข้มงวดมากที่สุดในโลก โดยพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยธนาคารและธนาคารออมทรัพย์ ค.ศ.1934 (Federal Act on Banks and Savings Banks 1934) หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘กฎหมายการธนาคารสวิส 1934’ ได้บัญญัติเรื่องการรักษาความลับทางธนาคารเอาไว้ในมาตราที่ 47 ที่ระบุว่า “บุคคลใดก็ตามที่มีความเกี่ยวข้องกับภาคการธนาคาร บุคคลนั้นไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดเผยข้อมูลของลูกค้า” และกำหนดโทษทางอาญาสูงสุดคือจำคุก 3 ปี ความผิดนี้อาจเอาผิดไปถึงการเปิดเผยข้อมูลบางส่วนที่แม้สามารถบ่งชี้ได้ว่าบุคคลนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมหรือการกระทำความผิดด้านอื่นๆ เช่น การฟอกเงิน การหลบเลี่ยงภาษี หรือการนำเงินที่อาจเกี่ยวกับการกระทำความผิดไปฝากในดินแดนภาษีต่ำ (Tax Haven) ที่ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีและธุรกิจ เป็นต้น

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

OCCRP ระบุว่าการเผยแพร่รายงานข่าวสืบสวนสอบสวน ‘สวิสซีเคร็ตส์’ เมื่อปีที่แล้วทำให้สหภาพยุโรป (EU) ธนาคารโลก และพรรคการเมืองหลายพรรคในสวิตเซอร์แลนด์ไม่พอใจอย่างมาก แต่รัฐสภาสวิสกลับมีมติไม่ปฏิรูปกฎหมายการธนาคารของประเทศ แม้ว่ากฎหมายดังกล่าวจะละเมิดเสรีภาพสื่อก็ตาม

หลังรัฐสภามีมติดังกล่าว ธนาคารเครดิตสวิสเข้ายื่นคำร้องต่อสำนักงานอัยการกลางแห่งสวิตเซอร์แลนด์ให้ดำเนินคดีกับผู้ให้ข้อมูลและทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้องในข้อหาการสืบราชการลับทางเศรษฐกิจ การละเมิดกฎหมายความลับทางธุรกิจ และการละเมิดกฎหมายความลับทางธนาคาร โดยสำนักงานอัยการกลางสวิสจะเริ่มต้นสืบสวนสอบสวนเพื่อหาตัวบุคคลที่เปิดเผยข้อมูลทางบัญชีต้องสงสัยกว่า 18,000 บัญชีจากเจ้าของบัญชีกว่า 30,000 รายชื่อซึ่งมีข้อมูลย้อนกลับไปถึงช่วงทศวรรษที่ 1940 หรือช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 หากพบตัวผู้กระทำความผิด บุคคลนั้นจะถูกดำเนินคดีในข้อหาจารกรรมข้อมูลทางเศรษฐกิจ

ความผิดฐานจารกรรมข้อมูลทางเศรษฐกิจถือเป็นการกระทำความผิดทางการเมืองในสวิตเซอร์แลนด์ สำนักงานอัยการกลางสวิสชี้ว่าการดำเนินคดีดังกล่าวจะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี กระทรวงยุติธรรม และกรมตำรวจกลาง ก่อนจึงจะสามารถเริ่มต้นกระบวนการได้ ซึ่งในขณะนี้ กรมตำรวจกลางให้ความเห็นชอบแล้ว

OCCRP ระบุว่าอัยการกลางสวิสตัดสินใจดำเนินคดีกับผู้ให้ข้อมูลทางบัญชีของธนาคารเครดิตสวิสแม้ว่าข้อเท็จจริงที่พบจากรายงานข่าวสืบสวนสอบสวนดังกล่าวจะเผยให้เห็นชื่อลูกค้าของธนาคารที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมสีเทา เช่น ผู้บริหารบริษัทน้ำมันของเวเนซุเอลาที่ยักยอกเงินอย่างน้อย 11 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากอุตสาหกรรมน้ำมันผ่านการฉ้อโกง ติดสินบน และการโกงค่าเงิน รวมถึงเจ้าหน้าที่รัฐของทาจิกิสถานที่สหรัฐอเมริกาตั้งสมญานามให้ว่า “มาเฟียตัวพ่อ”

“การกระทำเช่นนี้สมควรได้รับยกย่องว่าเป็นรัฐอำนาจนิยมที่เลวร้ายที่สุด และ[สวิตเซอร์แลนด์]ต้องหยุดการกระทำเช่นนี้” ริคาร์โก กูแตร์เรซ เลขาธิการสมาพันธ์ผู้สื่อข่าวยุโรป (European Federation of Journalists) กล่าว

แม้ว่าธนาคารเครดิตสวิสได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาทันทีที่รายงานข่าวสวิสซีเคร็ตส์เผยแพร่ออกไป แต่มีนักการเมืองชาวสวิสหลายคนที่เห็นว่ามาตรา 47 ของกฎหมายธนาคารสวิสนั้นมีปัญหาและทำให้สถาบันการเงินของประเทศพ้นผิดจากอาชญากรรมทั้งปวง คาร์โล ซอมมากูรา ส.ว. จากเมืองเจนีวาสังกัดพรรคสังคมนิยมประชาธิปไตย (Social Democratic Party) เป็นผู้ยื่นฟ้องเอาผิดคดีอาญาต่อธนาคารเครดิตสวิส พร้อมระบุว่า “เราต้องบอกสถาบันนี้ว่าพอคือพอ”

แหล่งข่าวไม่เปิดเผยชื่อที่ส่งข้อมูลบัญชีธนาคารเครดิตสวิสส่งข้อความถึงซุดดอยท์เชอไซทุง (Süddeutsche Zeitung) หนังสือพิมพ์รายวันที่ใหญ่ที่สุดในเมืองมิวนิก รัฐบาวาเรียของเยอรมนี ซึ่งเป็นหนึ่งในสำนักข่าวที่ร่วมในโครงการข่าวสืบสวนสอบสวนนี้ โดยแหล่งข่าวอธิบายว่าระบบการรักษาความลับทางธนาคารนั้น “ขัดต่อหลักจริยธรรม” และทำให้ “ประเทศกำลังพัฒนาไม่ได้รับภาษีตามที่สมควรได้รับ”

แหล่งข่าวยังฝากข้อความเพิ่มเติมในทำนองเดียวกันไปยัง ส.ส. และประชาชนชาวสวิส โดยเน้นย้ำว่า “ความรับผิดชอบต่อกรณีนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับธนาคารเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับระบบกฎหมายของสวิส...กล่าวง่ายๆ คือ ส.ส.สวิสต้องรับผิดชอบต่อการปล่อยให้เกิดอาชญากรรมทางการเงิน และประชาชนชาวสวิสมีอำนาจในการทำอะไรบางอย่างกับเรื่องนี้โดยใช้คุณค่าจากอำนาจประชาธิปไตยโดยตรงที่อยู่ในมือ”

ที่มา:

หมายเหตุ: ประชาไทแก้ไขเนื้อความให้ตรงกับข่าวต้นฉบับ โดยลบข้อความที่มีใจความว่าสื่อจาก 39 ประเทศอาจถูกฟ้องในคดีเดียวกัน เนื่องจากเนื้อความจากข่าวต้นฉบับมีใจความในเชิงทั่วไปว่าการเปิดเผยข้อมูลธนาคารโดยสื่อมวลชนก็อาจมีความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยธนาคารและธนาคารออมทรัพย์ ค.ศ.1934 ไม่ใช่การกล่าวในเชิงเฉพาะเจาะจงถึงกรณีที่ถูกฟ้องไปแล้ว แก้ไขเมื่อ 25 ก.พ. 2566 เวลา 16.45 น.

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท