Skip to main content
sharethis

สมาชิกพรรคไทยภักดี รุดยื่นหนังสือถึงอัยการสูงสุด และ ตร.ปอท. เร่งติดตามจับกุมดำเนินคดี ม.112 และ พ.ร.บ.คอมฯ ของอดีตนายกฯ 'ทักษิณ' ปมให้สัมภาษณ์นิตรสาร 'ไทม์' ปี'52 พร้อมยื่นหนังสือ 'ราชทัณฑ์' ค้านอภัยโทษ เหตุเคยต้องโทษจำคุกคดีทุจริตคอรัปชันถึง 4 คดี

 

28 ส.ค. 2566 เพจเฟซบุ๊ก "พรรคไทยภักดี" รายงานวันนี้ (28 ส.ค.) เวลา 10.30 น. ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนแจ้งวัฒนะ พรรคไทยภักดี นำโดย ทศพล พรหมเกตุ รองหัวหน้าพรรค และสมาชิก ยื่นหนัง "ขอให้อัยการสูงสุดดำเนินการยื่นฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร ในข้อหาความผิดตามมาตรา 112 และความผิดตาม พรบ.คอมพิวเตอร์ 2550" ต่ออัยการสูงสุด

ทศพล ระบุต่อว่า ด้วยปรากฏว่าคดีนี้ท่านอัยการสูงสุดได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนโดยพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ร่วมกับพนักงานอัยการได้ทำการสอบสวนความผิดที่นายทักษิณ ชินวัตร ได้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยการให้สัมภาษณ์นิตยสารไทม์ ในปี 2552 โดยครั้งนั้น มีข้อความดูหมิ่นแสดงความอาฆาตมาดร้ายสถาบันกษัตริย์ พระราชินี และรัชทายาท และนำเข้าข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมฯ 

ต่อมา เดือน พ.ค. 2558 ทางกองทัพบกได้แจ้งความดำเนินคดี จากข้อความ และการกระทำดังกล่าว แต่เนื่องจากคดีนี้เกิดขึ้นในต่างประเทศ ดังนั้น อำนาจสอบสวนจะอยู่กับอัยการสูงสุดจะเป็นผู้สอบสวนดำเนินคดี โดยทางอัยการสูงสุดได้ตั้ง คกก.สอบสวน โดยมีพนักงานอัยการ ร่วมกับตำรวจ ปอท. เพื่อดำเนินคดีกับทักษิณ ชินวัตร 

ซึ่งคณะกรรมการสอบสวนสรุปความเห็นควรสั่งฟ้องทักษิณ ชินวัตร คดีนี้ และต่อมาเมื่อ 6 ต.ค. 2560 อัยการสูงสุดได้มีคำสั่งฟ้อง ทักษิณ ชินวัตร ตามที่คณะกรรมการสอบสวนเสนอ แต่ปรากฏว่าในขณะนั้น ทักษิณ ชินวัตร อยู่ระหว่างการหลบหนีในต่างประเทศ ไม่สามารถนำตัวมาฟ้องคดีได้ จึงไม่ได้ดำเนินคดี

รองหัวหน้าพรรคไทยภักดี กล่าวว่า ในปัจจุบันนี้ ทักษิณ ชินวัตร ได้กลับเข้ามาในประเทศไทย และถูกศาลออกหมายจำคุกถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำ ปรากฏตัวเป็นที่ชัดเจนแล้ว จึงขอให้อัยการสูงสุดเร่งรัดดำเนินการนำตัวนายทักษิณ ชินวัตร ฟ้องคดีต่อศาลโดยเร็วที่สุด นอกจากนี้ คดีนี้มีหมายจับ หมายเลขคดี 114/59 

นอกจากการมายื่นที่สำนักงานอัยการสูงสุดแล้ว มีสมาชิกพรรคไทยภักดีอีกทีม ไปยื่นหนังสือถึง บก.ปอท. ให้จับกุม และนำตัวทักษิณ ชินวัตร มาส่งฟ้องคดีต่อศาลต่อไป

ยื่น ปอท.เร่งรัดจับกุม 'ทักษิณ' ส่งตัวดำเนินคดี ม.112

ในวันเดียวกัน เพจเฟซบุ๊ก พรรคไทยภักดี รายงาน เมื่อเวลา 11.07 น. ที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโลยี (บก.ปอท.) สมาชิกพรรคไทยภักดี นำโดย ธนเดช ตุลยลักษณะ รองเลขาธิการฯ กวิน ชาตะวนิช รองเลขาธิการฯ เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.หญิง ณัฐชยา วงศ์รุจิไพโรจน์ รอง สว.(สอบสวน) กก.3 บก.ปอท. เพื่อยื่นหนังสือขอให้ตำรวจ บก.ปอท. ช่วยเร่งรัดติดตามความคืบหน้าคดีที่ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เคยถูกแจ้งเอาผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมฯ ปมให้สัมภาษณ์ นิตยสารไทม์ ปี 2552 

จากที่รายงานข้างต้นว่า ตำรวจ ปอท. มีหมายจับ ทักษิณ ในคดีหมิ่นประมาท ดูหมิ่นและแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาทนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ อันมีความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร เลขที่ 114/59 หมายจับ มีอายุความ 15 ปี ตั้งแต่ 21 พ.ค. 2558-21 พ.ค. 2573

"เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีใหญ่ คดีสำคัญ เกี่ยวข้องกับสถาบันหลักของชาติ เป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน จึงขอให้ท่านเร่งรัดพิจารณาดำเนินการนำตัว ทักษิณ ชินวัตร ส่งมอบให้อัยการสูงสุดดำเนินการฟ้องคดีโดยเร็วที่สุด" โพสต์เพจพรรคไทยภักดี ระบุ

ยื่น 'ราชทัณฑ์' ค้านอภัยโทษ 'ทักษิณ' เหตุต้องพิพากษาจำคุกคดีคอรัปชัน

ก่อนหน้านี้ เพจเฟซบุ๊ก พรรคไทยภักดี รายงานด้วยว่า เมื่อเวลา 10.00 น. พรรคไทยภักดี นำโดย  อนันต์ สาครเจริญ กรรมการบริหารพรรค ไชยุทธ ศรีเปารยะ กรรมการบริหารพรรค และสมาชิกพรรค ยื่นหนังสือต่อกรมราชทัณฑ์ นนทบุรี เรื่อง "ขอคัดค้านการขอพระราชทานอภัยโทษเป็นการพิเศษเฉพาะราย ของ ทักษิณ ชินวัตร"

สืบเนื่องจากหลายสำนักข่าวอ้างว่า ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะทำเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษ เป็นการพิเศษเฉพาะราย พรรคไทยภักดี จึงขอคัดค้านด้วยเหตุผลดังนี้ 

1. ทักษิณ ชินวัตร ต้องคำพิพากษาให้จำคุกในคดีทุจริตคอรัปชันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประเทศมากถึง 4 คดี

เป็นการกระทำความผิดหลายกรรมหลายวาระ เป็นการทำลายหลักธรรมาภิบาลของประเทศอย่างย่อยยับ สร้างความเสียหายร้ายแรงต่อประเทศ ซ้ำร้ายยังมีพฤติกรรมหลบหนีการลงโทษไปต่างประเทศ ไม่เคารพยอมรับคำพิพากษาของศาล พร้อมทั้งกล่าวให้ร้ายกระบวนยุติธรรมของประเทศตลอดมา การขอพระราชทานอภัยโทษเป็นการพิเศษเฉพาะรายของนช.ทักษิณ ชินวัตร จะเป็นการระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นการผลักภาระความรับผิดชอบจากการกระทำความผิดของตนเอง ไปเป็นภาระของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นการมิบังควรอย่างยิ่ง

2. จะเป็นการทำลายหลักนิติรัฐ นิติธรรมของประเทศอย่างร้ายแรง เป็นการสร้างความอยุติธรรมขึ้นมาในประเทศ เป็นการสร้างความเหลื่อมล้ำ ไม่เสมอภาคเท่าเทียมกันทางกฎหมายของประชาชน ทำให้วาทกรรมที่ว่า "คุกมีไว้ขังคนจน" ปรากฏเป็นจริงขึ้นมา ซึ่งกรมราชทัณฑ์ เป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม จะต้องธำรงไว้ซึ่งความยุติธรรม ยึดมั่นในหลักนิติรัฐนิติธรรมอย่างเคร่งครัด

3. ในสมัยที่ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้ยึดนโยบายที่จะไม่ยื่นขอพระราชทานอภัยโทษให้กับนักโทษในคดีทุจริตคอรัปชัน เพื่อที่จะธำรงรักษาหลักธรรมาภิบาลแห่งรัฐไว้อย่างหนักแน่นมั่นคง ซึ่งควรเป็นนโยบายที่หน่วยงานในกระทรวงยุติธรรมจะต้องยึดถือสืบทอดเอาไว้ การดำเนินการขอพระราชทานอภัยโทษเป็นการพิเศษเฉพาะรายให้ ทักษิณ ชินวัตร จะเป็นแบบอย่างที่เลวร้ายต่อผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่จะทำลายหลักธรรมาภิบาลแห่งรัฐซ้ำซ้อนซ้ำซาก

ด้วยเหตุผลดังกล่าวพรรคไทยภักดี จึงขอคัดค้านการขอพระราชทานอภัยโทษเป็นการพิเศษเฉพาะรายของทักษิณ ชินวัตร อย่างถึงที่สุด

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net