Skip to main content
sharethis

เฟซบุ๊กเพจ “บางกลอยคืนถิ่น” รายงาน หน่อจอ มีมิ หลานปู่คออี้ถูกชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน แจ้งข้อหาให้การเท็จ กรณีเผาบ้านปู่คออี้

 

24 ม.ค. 2567 เฟซบุ๊กเพจ “บางกลอยคืนถิ่น” รายงาน ทนายความของหน่อจอ มีมิ ได้รับอนุญาตให้เลื่อนการฟังคำสั่งของพนักงานอัยการไปเป็นวันที่ 23 ก.พ. 2567 ทนายความมูลนิธิผสานวัฒนธรรมได้รับทราบว่าหน่อจอถูกตั้งข้อหาแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ จากที่ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร แจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.แก่งกระจานว่าหน่อจอ มีมิ กล่าวหาชัยวัฒน์กระทำผิดที่มีโทษทางอาญาต่อพนักงานสอบสวน หน่อจอ มีมิ ได้ทราบข้อกล่าวหาดังกล่าว ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยไม่ได้คุมตัวผู้ต้องหา ไว้ในระหว่างการสอบโดยนัดให้หน่อจอ มีมิ มาพบพนักงานอัยการเพื่อฟังคำสั่งที่อัยการจังหวัดเพชรบุรี

คดีนี้เกี่ยวเนื่องกับการดำเนินคดีชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร และพวก เผาบ้านเรือนชาวกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย ซึ่งมีพยานหลักฐานและคำพิพากษาของศาลปกครองสุดสุดที่เชื่อได้ว่าเมื่อวันที่ 5 - 9 พ.ค. 2554 ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานและพวกได้ใช้กำลังพร้อมอาวุธ เข้ารื้อถอนทำลายเผาบ้านเรือน ยุ้งฉาง ประมาณ 100 หลังคาเรือน ทรัพย์สินอื่นๆ ของคออี้ มีมิ และของชาวบ้าน เหตุเกิดที่บ้านบางกลอยบน-ใจแผ่นดิน อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ปัจจุบันชาวบ้านผู้ฟ้องคดีทั้ง 6 ราย ได้รับเงินค่าชดใช้ความเสียหายตามคำพิพากษาศาลปกครองไปแล้ว

หน่อจอ มีมิ (คนซ้าย)  พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ (ผู้อำนวยการมูลนิธิผสานวัฒนธรรม)

มูลนิธิผสานวัฒนธรรมที่ให้ความช่วยเหลือคดีละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อชาวบ้านบางกลอยเห็นว่า อัยการจังหวัดเพชรบุรีเมื่อได้รับหนังสือขอความเป็นธรรมจากหน่อจอ มีมิ ไปแล้วเมื่อวันที่ 2 ม.ค. 2567 มีเหตุผลว่าขณะไปพบพนักงานสอบสวนที่ สภ.แก่งกระจาน เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 2566 นั้น หน่อจอและน้องสาวไม่สามารถอ่านและเขียนภาษาไทยได้ แม้สามารถฟังและพูดภาษาไทยได้บ้าง แต่ไม่เข้าใจข้อความในเอกสารที่พนักงานสอบสวนให้ลงชื่อ พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาโดยไม่มีล่าม พนักงานสอบสวนไม่ได้อ่านหรืออธิบายข้อหาให้หน่อจอเข้าใจ และหน่อจอก็ไม่ได้รับสำเนาบันทึกแจ้งข้อกล่าวหา การขยายระยะเวลาการสั่งคดีอออกไปอีกเป็นระยะเวลาพอสมควรเพื่อให้ความเป็นธรรมกับชาวบ้านรายนี้ และเพื่อให้พนักงานอัยการได้พิจารณาหนังสือขอความเป็นธรรมของหน่อจอและกลั่นกรองคดีว่าจะสั่งฟ้องหรือสั่งไม่ฟ้องอย่างถี่ถ้วน

คดีการเผาบ้านปู่โคอี้ ปู่แท้ๆ ของหน่อจอ เป็นคดีที่อยู่ในการพิจารณาสั่งคดีของสำนักงานอัยการจังหวัดเพชรบุรี ตามที่เมื่อวันที่ 25 ก.พ. 2564 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท ) ได้มีมติชี้มูลว่าชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร มีความผิดจริงให้ออกจากราชการและดำเนินคดีอาญาโดยการดำเนินการทางวินัย ต่อมาศาลปกครองเพชรบุรีได้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้กลับเข้ารับราชการไว้ก่อน ขณะที่คดีความผิดทางวินัยยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองดังกล่าว ส่วนการดำเนินคดีอาญานั้น ป.ป.ท. ได้ส่งเรื่องให้พนักงานอัยการ แม้การกระทำผิดได้ล่วงเลยมากกว่า 12 ปี ชัยวัฒน์กับพวก พนักงานอัยการจังหวัดเพชรบุรีก็ยังไม่มีคำสั่งฟ้องคดีดังกล่าว

หน่อจอ มีมิ กล่าวว่า “ได้รับการติดต่อจากพนักงานสอบเพื่อไปที่ สภ.แก่งกระจานเพื่อไปให้การเป็นพยาน ตนยินดีไปให้การเป็นพยานในคดีเผาบ้านปู่โคอี้เหมือสองครั้งที่ผ่านมา แต่ครั้งนี้กลับตกเป็นผู้ต้องหา ตนไปให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกครั้งว่า อยู่ในเหตุการณ์เมื่อบ้านของปู่โคอิถูกเผาจริงขณะนั้น อายุ 17 ปี และได้ให้ข้อมูลไปตามจริงทุกครั้ง งงว่าจากเป็นพยานทำไมตนตกเป็นผู้ต้องหา“

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net